นางศรีประจันครวญถึงลูก,นางสายทองมาเยี่ยมศพนางวันทอง,พระไวยบวชพระ ขุนช้างบวชเณร,นางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์
วันรุ่งขึ้นขุนแผนจึงให้คนไปบอกข่าวแก่นางศรีประจัน ไปพบสายทองก่อนได้แจ้งเรื่องให้ทราบ สายทองก็เสียใจยิ่งนัก ถึงกับสลบไป เมื่อนางศรีประจันรู้เรื่องก็เสียใจ จนเป็นลมไปอีกคน คร่ำครวญถึงนางวันทองและตำหนิทั้งขุนช้าง ขุนแผน และพลายงามที่เป็นเหตุให้นางวันทองตาย
นางสายทองมาเยี่ยมศพนางวันทอง
ฝ่ายนางสายทองคิดถึงนางวันทองมาก จึงลานางศรีประจัน เดินทางไปกรุงศรีอยุธยา พบขุนแผนรู้ว่าศพนางวันทองฝังอยู่ที่วัดตะไกร ก็เดินทางไปที่ป่าช้าฝังศพ คร่ำครวญถึงนางวันทอง จากนั้นก็ให้บ่าวไพร่กลับสุพรรณ ส่วนตัวนางจะอยู่ช่วยพระไวยจัดงาน
พระไวยบวชพระ ขุนช้างบวชเณร
เสร็จงานเผาศพแล้ว พระไวยก็ให้พระสงฆ์ที่วัดตะไกรบวชให้ ขุนช้างเกิดศรัทธาขอบวชเป็นเณร หลวงตาหนูก็จัดการบวชให้ เมื่อครบสามคืนก็ลาสึก กลับไปเมืองสุพรรณ พระไวยบวชได้เจ็ดวันก็สึก แล้วไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระพันวษา ถวายพระราชกุศล พระองค์ก็ทรงอนุโมทนา แล้วทรงห่วงใยเรื่องชายแดน จึงให้พระไวยไปเตือนขุนแผน ให้ไปครองเมืองกาญจนบุรี
นางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์
พระไวยอยู่กับนางสร้อยฟ้ากับนางศรีมาลาด้วยความผาสุข แต่ธรรมดาชายหนุ่มมีเมียสอง ย่อมจะมีเรื่องแข่งแย่งผัวกัน มาวันหนึ่งเกิดเรื่องขึ้น พระไวยให้ทั้งสองนางทำขนมเบื้อง ศรีมาลาทำได้ดี แต่สร้อยฟ้าไม่สันทัด พลายชุมพลจึงพูดว่า ขนมที่นางสร้อยฟ้าหนาเหมือนแป้งจี่ แล้วพากันพูดกระทบกระเทียบขนมเบื้องของสร้อยฟ้า ทำให้นางไม่พอใจ ตกค่ำพระะไวยเข้าห้องนางศรีมาลา นางก็ต่อว่ายังหัวค่ำอยู่ พระไวยก็ไม่ยอมนางจึงว่า
นางสร้อยฟ้าได้ยินแว่วว่าขนมเบื้อง ก็คิดว่านางศรีมาลานินทาตน จึงร้องว่านางศรีมาลาไป นางศรีมาลาก็ย้อนกลับ เกิดโต้ตอบกันไปมาด้วยคารม พระไวยได้ฟังก็ชอบใจ นางทองประศรีได้ยินเสียงเถียงกัน ก็ว่ากล่าวนางสร้อยฟ้า แล้วก็ว่าพระไวยที่ไม่ห้ามเมีย