|
![](../newimages/ti021.gif)
|
อย่างไรก็ตามการจัดวางแผงผังของห้องและองค์ประกอบต่าง ๆ
ในเรือนไทยอีสานมีดังนี้
1. เรือนนอนใหญ่ จะวางด้านจั่วรับทิศตะวันออก-ตะวันตก (ตามตะวัน)
ส่วนมากจะมีความยาว 3 ช่วงเสา เรียกว่า “ เรือนสามห้อง”
ใต้ถุนโล่ง ชั้นบนแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ
1.1 ห้องเปิง
เป็นห้องนอนของลูกชายมักไม่กั้นห้องด้านหัวนอนมีหิ้งประดิษฐานพระพุทธรูปหรือสิ่งเคารพบูชา
เช่น เครื่องราง ของขลัง เป็นต้น
1.2 ห้องพ่อ-แม่อาจกั้นเป็นห้องหรือบางทีก็ปล่อยโล่ง
1.3 ห้องนอนลูกสาว
มีประตูเข้ามีฝากั้นมิดชิดหากมีลูกเขยจะให้นอนในห้องนี้ซึ่ง
ชาวอีสานเรียกว่า” ห้องส่วม”
ส่วนชั้นล่างของเรือนนอนใหญ่
อาจใช้สอยได้อีกกล่าวคือ กั้นเป็นคอกวัวควาย
ตั้งแคร่นอนพักผ่อนในตอนกลางวัน
และทำหัตถกรรมจักรสานถักทอของสมาชิกในครอบครัวเก็บอุปกรณ์การทำนาทำไร่
เช่น จอบ เสียม คราด ตลอดจนเกวียน เป็นต้น
2. เกย (ชานโล่งมีหลังคาคลุม) เป็นพื้นที่ลดระดับลงมาจากเรือนนอนใหญ่ มักใช้เป็นที่รับแขก
ที่รับประทานอาหาร
และใช้เป็นที่หลับนอนของลูกชายและแขกเหรื่อที่กลับมาจากงานบุญในตอนค่ำคืนส่วนของใต้ถุนจะเตี้ยกว่าปกติ
ซึ่งอาจใช้เป็นที่เก็บฟืนหรือสิ่งของที่ไม่ใหญ่โตนัก
3. เรือนแฝด เป็นเรือนตรงจั่วเช่นเดียวกับเรือนนอน
ในกรณีที่พื้นทั้งสองหลังเสมอกันโครงสร้างทั้งคานพื้นและขื่อหลังคาจะฝากไว้กับเรือนนอน
แต่หากเป็นเรือนแฝดลดพื้นลงมามากกว่าเรือนนอนก็มักเสริมเสาเหล็กมารับคานไว้อีกแถวหนึ่งต่างหาก
4. เรือนโข่ง มีลักษณะเป็นเรือนทรงจั่วเช่นเดียวกับเรือนนอนใหญ่
แตกต่างจากเรือนแฝดตรงที่ โครงสร้างของเรือนโข่ง
จะแยกออกจากเรือนนอนโดยสิ้นเชิง
สามารถรื้อถอนออกไปปลูกใหม่ได้โดยไม่กระทบกระเทือนต่อเรือนนอน
การต่อเชื่อมของชายคาทั้งสองหลังใช้รางน้ำ โดยใช้ไม้กระดาน 2
แผ่น ต่อกันเป็นรูปตัววีแล้วอุดด้วยชันผสมขี้เลื่อย
ในกรณีที่เรือนไม่มีครัวก็สามารถใช้พื้นที่ส่วนเรือนโข่งนี้ทำครัว
ชั่วคราวได้
5. เรือนไฟ (เรือนครัว) ส่วนมากจะเป็นเรือน 2
ช่วงเสามีจั่วโปร่งเพื่อระบายควันไฟ
ฝานิยมใช้ไม้ไผ่สานลายทแยงหรือลายขัด
6. ชานแดด เป็นบริเวณนอกชานเชื่อมระหว่างเกย
เรือนแฝดกับเรือนไฟ มีบันไดขึ้นด้านหน้าเรือน มี “ฮ้างแอ่งน้ำ”
(ร้านหม้อน้ำ) อยู่ตรงขอบของชานแดด
บางเรือนที่มีบันไดขึ้นลงทางด้านหลังจะมี “ชานมน”
ลดระดับลงไปเล็กน้อยโดยอยู่ด้านหน้าของเรือนไฟ
เพื่อใช้เป็นที่ล้างภาชนะตั้งโอ่งน้ำและวางกระบะปลูกพืชผักสวนครัวต่าง
ๆ |
|