การป้องกันการโดนฟ้าผ่า
เพื่อความปลอดภัยจากฟ้าผ่า ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง เช่น ทุ่งนา สนามกอล์ฟ สระน้ำ เป็นต้น แต่
หากเลี่ยงไม่ได้...ปฏิบัติดังนี้
กรณีอยู่ที่โล่งแจ้ง
- อย่าอยู่รวมกลุ่ม
- อย่าอยู่ใต้ต้นไม้ โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ หากมีต้นไม้รวมเป็นกลุ่มให้เลือกต้นเตี้ยๆ
- อย่าอยู่ที่สูง หรือชูของสูง เช่น ร่ม เบ็ดตกปลา ถุงกอล์ฟ
- ถอดวัตถุที่เป็นโลหะออกจากร่างกาย
- อย่าอยู่ในสระน้ำหรือแหล่งน้ำ
- อย่าอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ
- หลีกเลี่ยงวัตถุที่เป็นโลหะ
ที่สำคัญอย่านอนราบ แต่ให้นั่งยองๆ เท้าชิด มือปิดหู เขย่งปลายเท้า ซึ่งเป็น ท่านั่งลด อันตรายจากฟ้าผ่า ลดความเสี่ยงกรณีกระแสจากฟ้าผ่าไหลมาตามพื้น
กรณีอยู่ในรถ
- อย่าสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะ โดยนั่งกอดอกหรือวางมือบนตัก
- ปิดหน้าต่างทุกบาน
- อย่าจอดใต้ต้นไม้ใหญ่
- อย่าใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรืออุปกรณ์แฮนด์ฟรี
กรณีอยู่ในอาคาร
- ปิดประตูหน้าต่าและเข้าไปอยู่ในห้องชั้นใน ซึ่งปลอดภัยกว่าห้องที่มีทางออกภายนอก
- หลีกเลี่ยงจุดที่ไฟสามารถวิ่งเข้าถึงได้ผ่านสายไฟ สายอากาศ สายโทรศัพท์ และท่อน้ำ
- ถอดสายไฟ สายอากาศ สายโทรศัพท์ สายโมเด็ม ก่อนเกิดฝนฟ้าคะนอง
- อย่าใช้โทรศัพท์แบบมีสายในอาคาร เนื่องจากกระแสไฟฟ้าจากฟ้าผ่าจะวิ่งผ่านอุปกรณ์ ด้านนอก
อาคารที่ต่อกับสายโทรศัพท์ แล้วเข้ามาทำอันตรายผู้ใช้โทรศัพท์ได้โดยตรง
สัญญาณเตือนฟ้าผ่า
- สัญญาณจากร่างกาย เมื่อรู้สึกขนลุก หรือเส้นผมตั้งขึ้น แสดงว่ากำลังเสี่ยงถูกฟ้าผ่า เนื่องจากขนและ
เส้นผมถูกเหนี่ยวนำอย่างแรง - สัญญาณ 30/30 โดยเลข 30 แรก หมายถึง หากเห็นสายฟ้าแลบ แล้วตามด้วยเสียงฟ้าร้องในเวลาไม่
เกิน 30 วินาที แสดงว่าเมฆฝนฟ้าคะนองอยู่ใกล้มาก พอที่ฟ้าผ่าจะทำอันตรายเราได้ ดังนั้นให้หาที่
หลบที่ปลอดภัยทันที ส่วนเลข 30 หลัง หมายถึง หลังฝนหยุดตก และไม่มีเสียงฟ้าร้องแล้ว ให้หลบอยู่
ในที่ปลอดภัยอย่างน้อย 30 นาที ทั้งนี้แม้ช่วงท้ายของฝนฟ้าคะนอง และอยู่ห่างในระยะ 30 กิโลเมตร
แล้วก็อาจเกิดฟ้าผ่าได้