การแบ่งยุคของอารยธรรมโรมัน
![รูปภาพของ sss27533 รูปภาพของ sss27533](http://202.44.68.33/files/profilepic/picture-31836.jpg)
การแบ่งยุคของอารยธรรมโรมัน
โรมันโบราณ แบ่งออกเป็น 2 สมัย คือ
1.สมัยสาธารณรัฐโรมัน (The Roman Republic 509 27 ปีก่อนคริสตกาล)
ประวัติศาสตร์โรมัน เกิดขึ้นในคาบสมุทรอิตาลี มีเทือกเขาแอลป์ (Alps) เป็นพรมแดนทางเหนือ คาบสมุทรมีเทือกเขาแอพเพนไนน ทอดยาวลงมาทางใต้ เสมือนกระดูกสันหลัง ที่ราบชายฝั่งมีดินดีเหมาะแก่การเพาะปลูกมากกว่ากรีก แต่ขาดท่าเรือที่ดีในฝรั่งเศสและสเปนก็เป็นได้ชาวโรมันเป็นเผ่าอินโดยูโรเปี่ยนจากคอเคซัส อพยพมาประมาณ 2000 1000 ปีก่อนคริสตกาล เป็นเวลาใกล้เคียงกับกรีก โดยพวกกรีกได้เข้ายึดบริเวณอีเจียน แต่พวกนี้เข้าสู่คาบสมุทรอิตาลี ตั้งมั่นแถบลุ่มน้ำโป ระยะต่อมาก็มีอินโดยูโรเปี่ยนอีกกลุ่มหนึ่งอพยพตามลงมา ไปตั้งมั่นตามแหล่งจุดต่างๆ กลุ่มสำคัญได้แก่ ละติอุม (Latium)ที่อยู่บริเวณลุมน้ำไทเบอร์ชนชาติดั้งเดิมของแหลมอิตาลีเป็นมนุษย์ในยุคหินตอนต้นซึ่งอาจจะเป็นพวกโครมันยอง
ที่มารูปภาพ : http://www.thaigoodview.com/files/u1307/1111.jpg
2.จักรวรรดิโรมัน (The Roman Empire 28 ปีก่อนคริสกาล ค.ศ.476)
ออคตาเวียนปกครองโรมันอย่างสงบสุข นำจักรวรรดิเข้าสู่ยุคสันติภาพโรมัน(Pax Romance) มีระยะเวลายาวนานถึง 200 ปี เมื่อมีสันติภาพก็จะเกิดการสร้างสรรค์สั่งสมกลายเป็นอารยธรรมสืบมาผู้นำคนสำคัญได้แก่
ออคตาเวียน (ออกัสตุส ซีซ่าร์ Augutus Caesar 30 ปี ก่อน ค.ศ.- ค.ศ.14) เขาเรียกตัวเองว่า "ผู้ฟื้นฟูสาธารณรัฐโรมัน" ซึ่งความจริงสาธารณรัฐได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ 100 ปี ที่ผ่านมา เพราะบ้านเมืองเกิดจราจลยึดอำนาจ ไม่สามารถปกครองแบบสาธารณรัฐได้ ในทางประวัติศาสตร์ และได้นำโรมันเข้าสู่ยุคราชวงศ์จักรวรรดิได้ขยายอำนาจมากที่สุดสามารถครอบครองน่านน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ทั้งหมด ถึงแถบลุ่มแม่น้ำไรน์ในตอนเหนือยุโรปลุ่มน้ำดานูป สก๊อตแลนด์ตอนกลาง อาร์มาเนียและเขตเมโสโปเตเมีย ได้มีการจัดระบบการปกครองและระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การเคลื่อนทัพมีความรวดเร็วกำหนดให้ใช้ภาษาละตินเป็นภาษาสากลในจักรวรรดิ ส่งเสริมระบบการค้าและอุตสาหกรรม เขาพยายามหลีกเลี่ยงการให้ความสำคัญตนว่า จักรพรรดิ แต่เรียกว่า พรินเซพ Princeps หรือ บุรุษหมายเลขหนึ่ง สมัยนี้จึงเรียกว่าเป็นสมัยพรินเซพเปต (The Princepate)
ชื่อ ออกัสตุส ซีซ่าร์ จึงเป็นชื่อที่ปรากฏในประวัติศาสตร์โรมันแทน ออคตาเวียน ต่อมาได้ประกาศยกตำแหน่งตนเป็นผู้บัญชาการทัพ (The Imperator) ออกัสตุส ซีซ่าร์ ยังคงรักษาสภาแห่งกรุงโรมไว้เสมือนว่ายังคงมีอำนาจสูงสุดต่อไป แต่ในทางปฏิบัติอำนาจตกอยู่ที่ ออกัสตุส ซีซ่าร์ ทั้งหมดซึ่งรวบรวมอำนาจกงสุลและทรีบูนส์ไว้ทั้งหมดและดึงอำนาจบัญชาการทัพและการเรียกเก็บภาษีมาอยู่ในมือเสียเองแต่เขาก็เป็นนักอนุรักษ์นิยมที่มีความมุ่งมั่นในเสถียรภาพของโรมันว่าจะต้องมีความมั่นคงและจะนำยุคแห่งความสงบสุขและสันติภาพมาสู่โรมันอีกครั้งให้ได้การที่ออกัสตุส ซีซ่าร์อยู่ในฐานะที่ร่ำรวยที่สุดในโรมันประการหนึ่งและการอยู่ในอำนาจสูงสุดอีกประการหนึ่ง จึงสร้างกรุงโรมด้วยเงินของเขาเองมากมาย เปลี่ยนจากนครที่สร้างด้วยอิฐเป็นนครหินอ่อนด้านการจัดกองทัพ ได้มีการตั้งกองทัพถาวรอยู่ประจำที่มณฑล ไม่อนุญาตให้นายพลเรียกเกณฑ์ทหารเอง เขาพยายามขจัดปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทางการเมืองและการเก็บภาษีเป็นที่พอใจแก่ชาวโรมันยิ่ง โรมันจึงมีเสถียรภาพ ทั้งจักรวรรดิมีความมั่นคงมาก เงินตราโรมันสะพัดทั่วจักรวรรดิ มีกองทัพที่มีประสิทธิภาพสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว มีการสร้างถนนมีความยาวถึง 50,000 กิโลเมตร เชื่อมกันทั่วจักรวรรดิ ชื่อว่า แอพเพ็นด์ เวย์ (Append Way) ซึ่งสร้างระหว่าง 4 ปีก่อนคริสตกาลแล้วเสร็จในค.ศ.117 เพื่อประโยชน์ในทางยุทธศาสตร์และการค้า ถือเป็นยุคทองของโรมัน (The Romance's Golden Age)ทั่วจักรวรรดิเต็มใจที่จะพูดและแสดงตนว่า "เป็นชาวโรมัน" เสรีชนสิทธิ์เสมอกับชาวกรุงโรมเว้นแต่ชาวยิวเท่านั้น ด้านสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ เลียนแบบมาจากกรีก แต่มีการเพิ่มรูปโค้ง (Arc) เพื่อที่จะสามารถรับน้ำหนักได้ มากขึ้นทำให้พื้นที่การก่อสร้างใหญ่โตสวยงามมากขึ้น ใช้อิฐเป็นวัสดุ และการผสมคอนกรีตที่มีความแข็งแกร่งของโรมันยังคงเป็นความลับมาจนถึงปัจจุบัน เพราะมีความคงทนแข็งแรงและสามารถทำยได้ก็ด้วยการระเบิดเท่านั้น
ยุคนี้จักรพรรดิถูกยกขึ้นเป็นเทพสมมติ เสมือนเทพเจ้าที่มีสิทธิ์ในการเลือกรัชทายาทด้วยพระองค์เอง ซึ่งเป็นขณะเดียวกับการกำเนิดพระเยซูที่เมืองเบธเลเฮมในมณฑลจูเดีย (Judaea) ซึ่งมีแนวความเชื่อที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับอำนาจโรมออกัสตุส ซีซ่าร์ เข้าครองตำแหน่งมาเป็นเวลานานโดยไม่มีการเลือกรัชทายาทคนใดขึ้นมาแทน แต่ในที่สุดก็ได้เลือกบุตรเขยชื่อว่า ทิเบริอุส (Tiberius) ขึ้นมาดำรงตำแหน่งจักรพรรรดิสืบแทน