การแบ่งยุคสมัยของอินเดียโบราณ
อารยธรรมอินเดียโบราณ
Ancient India Civilization
การรุกรานและอิทธิพลของอินโดอารยัน |
รามายณะ |
มหาภารตะ |
อินเดียยุคพุทธกาล |
การรุกรานของเปอร์เซียและกรีก |
อิทธิพลของเปอร์เซียและกรีก |
พระเจ้าจันทรคุปต์/พระเจ้าพินทุสาร |
พระเจ้าอโศกมหาราช |
การรุกรานครั้งใหม่ระยะศวรรษที่ 2 และที่ 1 ก่อนค.ศ./ราชวงศ์กุษาณะ |
อินเดียสมัยโบราณแบ่งเป็น 5 สมัย
1. สมัยอินโด- อารยันรุกราน (2,500- 2,000 B.C.) เป็นสมัยที่มีการรุกรานระยะแรกและเกิดการสู้รบระหว่างชาวดราวิดียนและอารยันมีการขยายตัวไปทางตะวันออก
2. สมัยพระเวท (2,000 -1,000 B.C.)สมัยที่อารยันได้รับชัยชนะ มีการตั้งถิ่นฐานและสถาปนาเป็นอาณาจักรเล็กๆ มีราชาเป็นผู้นำทางการปกครอง พวกมิลักขะหรือดราวิเดียนถอยลงไปอยู่ทางตอนใต้ อารยันรับเอาขนบธรรมเนียมประเพณีของดราวิเดียนมาใช้ ต่อมาพวกอารยันได้กำเนิดระบบวรรณะขึ้น เพื่อแบ่งแยกและรักษาความบริสุทธิ์ทางเชื้อชาติ มีคัมภีร์พระเวท เป็นคัมภีร์ทางศาสนาและวิถีชีวิต วัฒนธรรมของอารยัน
3. สมัยมหากาพย์(1,000 – 500 B.C.) เกิดอาณาจักรใหม่บริเวณลุ่มน้ำคงคามีลักษณะเป็นนครรัฐอิสระ “ ราชา” เป็นผู้ปกครอง แบบราชาธิปไตย (monarchy) มีฐานะเป็นสมมุติเทพ เช่น อาณาจักรมคธ วัชชั อวันตี วิเทหะ ฯลฯ มีการแบ่งวรรณะชัดเจน 4 วรรณะ พราหมณ์ กษัตริย์(นักรบ) แพศย์ ศูทร(ทาส) มีการติดต่อค้าขายทางเรือ กับอาณาจักรเมโสโปเตเมีย อียิปต์ อาราเบีย สมัยนี้จะมีวรรณกรรมที่สำคัญ คือ มหากาพย์มหาภารตยุทธ เป็นสงครามกลางเมืองที่ทุ่งกุรุเกษตรระหว่างตระกูล ปาณฑพและเการพต้นตระกูลเป็นเชื้อสาย อินโด-อารยัน มีการสอดแทรกบทบาทหน้าที่ของคนที่อยู่ในสังคม ดังปรากฎใน “ภควัทตีคา” สอนในคนทำหน้าที่ของตนในสังคมให้ครบถ้วย และมหากาพย์รามายณะ ที่สะท้อนให้เห็นถึงการแบ่งชั้นวรรณะ การขยายอาณาเขตของอารยันไปทางตอนใต้ทำสงคราม ปราบชาวดราวิเดียน
4. สมัยจักรวรรดิ ( 321 B.C. – 220 A.D.) ช่วง 6 B.C. มีอาณาจักรทางเหนือที่เข้มแข็ง 2 อาณาจักรคือ มคธ นำโดย (พระเจ้าพิมพิสาร) และแค้วนโกศล ที่ขยายอำนาจปกครองดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ต่อมาถูกเปอร์เชียรุกราน ต้นศตวรรษที่ 3 ก่อนค.ศ. พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย (กรีก) ยกทัพมารุกรานครองตอนเหนือของอินเดีย ทำให้อินเดียได้รับอิทธิพลการเขียนอักษรแบบอารบิคจากเปอร์เชีย (ต่อมาพัฒนาเป็นอักษร ขโรษติ โดยพระเจ้าอโศกมหาราชใช้เขียนจารึก) การทำเหรียญเงิน
ช่วง 4 B.C. เกิดจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่คือ โมริยะ หรือเมารยะ ยึดแค้วนมคธ แล้วขยายอาณาจักรไปทางตะวันตกฉียงเหนือ ตะวันตก ภาคเหนือ ใต้ มีการติดต่อค้าขายกับเอเชียไมเนอร์ กรีก เมโสโปเตเมีย มีกษัตริย์องค์แรกคือพระเจ้าจันทรคุปต์ กษัตริย์ที่มีชื่อเสียงคือพระเจ้าอโศกมหาราช( 273-236 B.C.) มีอำนาจหลักการปกครองที่สำคัญใช้จากคัมภีร์อรรถศาสตร์ (เกาฏิลยะ) แสดงให้เห็นว่ากษัตริย์ทรงมีอำนาจสูงสุด ในการบริหารราชการ ตรากฏหมาย การศาล การทหาร สมัยนี้มีการสร้างถนนเชื่อมภาคตะวันตกเฉียงเหนือ กับกรุงปาฏลีบุตร ทำสำมะโนประชากร ต่อมาพระเจ้าอโศกมหาราชได้หันมานับถือศาสนาพุทธ ทรงให้มีการจารึกบนเสาหินที่ตั้งอยู่ตามดินแดนต่างๆเป็นหลักของศีลธรรมที่สอดคล้องกับทุกศาสนา (เรียก หัวเสาสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช)
เสาในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช(1) หัวเสา(2) อักษรพรหมมีที่จารึกไว้บนเสาที่ขุดค้นพบ(3)
(2) http://www.bloggang.com/data/prommayanee/picture/1266653059.jpg
(3)http://www.bloggang.com/data/p/prommayanee/picture/1266655593.jpg
ราชวงศ์โมริยะได้สิ้นสุดลงราว 186 ปีก่อน ต่อมา ค.ศ. ที่ 1 พวกกุษาณะผู้เร่ร่อนปกครองตอนเหนืออินเดียมีกษัตริย์ที่สำคัญคือ พระเจ้ากนิษกะปกครองดินแดนที่เรียกว่าแคว้นคันธาระ ทรงนับถือพุทธให้กำเนิดนิกายมหายาน โปรดให้จารึกคำสอนของพระพุทธองค์ลงบนแผ่นทองแดง
จารึกคำสอนของพระพุทธองค์บนแผ่นทองแดง
ภาพจาก http://1.bp.blogspot.com/_Ff810OUQpQU/Rg_D_Oar-8I/AAAAAAAAAPk/ao7Ecu099sM/s320/AsokaKandahar.jpg
5. สมัยคุปตะ (320-550 A.D.) ถือว่าเป็นยุคทองของฮินดูทางตอนเหนือ ต้นคริสต์ ศตวรรษทที่ 4 พระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 1 ตั้งราชวงศ์คุปตะที่เมืองปัตลีบุตร โอรสของพระองค์ ชื่อ พระเจ้าสมุทรคุปต์ ทรงขยายดินแดนออกไปกว้างไกล ทรงทำเหรียญทองสลักเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ แล้วนำไปไว้ที่เสาหินของพระเจ้าอโศก ราชวงศ์คุปตะรุ่งเรืองมากในสมัยของพระเจ้าจันทรคุปต์ ที่ 2 (ค.ศ.376-415) เพราะนอกจากจะชนะพวกสากะแล้ว ทรงรวมดินแดนตะวันออกและทางเหนือไว้ในอำนาจ ทรงสนับสนุนศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี กวีที่มีชื่อเสียงในสมัยนี้ คือ กลิทัษ
การปกครองสมัยคุปตะเป็นแบบกระจายอำนาจไปตามท้องถิ่น การค้าเจริญขึ้นมาก มีการค้าขายมากขึ้นกับเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หมู่เกาะอินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา และประเทศไทย พ่อค้าที่ร่ำรวยนิยมบริจาคเงินเพื่อสร้างงานสำคัญทางศาสนา เช่น สถูปที่สัญจี อมาราวาตี ฯลฯ วัดพุทธกลายเป็นเจ้าของที่ดินมากมาย ภาษาสันสกฤตกลายเป็นภาษาของผู้รู้หนังสือและเป็นภาษาที่ใช้ในราชการ มีหนังสือกามสูตรเกิดขึ้น เป็นหนังสือที่ชี้ถึงความสำคัญของชีวิตคู่และเพศสัมพันธ์
แหล่งอ้างอิง www.mwit.ac.th/~t2060102/Indus1.doc