สมัยจักรวรรดิ
จักรพรรดิ์กลายเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดเพียงผู้เดียวทั้งทางด้านการปกครอง หรือศาสนา ตั้งแต่ยุคออคตาเวียน ซึ่งภายหลังสถาปนาตนเป็นออกุสตุส ซีซาร์(Augustus Caesar)ในสมัยนี้สงครามใหญ่ๆมักไม่ค่อยมี ด้วยประชาชนเห็นว่าการปกครองแบบจักรวรรดิสงบเรียบร้อยกว่าแบบสาธารณรัฐ บ้านเมืองจึงสงบสุข มีอำนาจและร่ำรวยที่สุดในโรม ออกุสตุสได้ใช้จ่ายเงินเพื่อสร้างอาคารสาธารณประโยชน์ใหม่ๆและใหญ่ๆมากมาย จนมีคำบอกเล่าเกี่ยวกับคำกล่าวของออกุสตุสว่า “เมื่อข้าพเจ้าเริ่มปกครอง กรุงโรมเป็นนครที่สร้างด้วยอิฐ แต่เมื่อข้าพเจ้าจากไปกรุงโรมได้กลายเป็นเมืองที่สร้างด้วยหินอ่อน” การปกครองตั้งแต่ยุคออกุสตุสเป็นต้นมามีความสุขสงบจนได้ชื่อว่าเป็นสมัย สันติภาพโรมัน(Pax Romana 27 BC- ค.ศ. 180) แม้จะมีบ้างบางสมัยที่มีจักรพรรดิที่วิกลจริต เช่นจักรพรรดิ์ไคอุส คาลิกูลา(Caius Caligula ค.ศ. 37-41) ที่ประกาศว่าตนเป็นจูปิเตอร์และเทพีจูโน แต่งตั้งม้าของตนเป็นกงสุล และปล่อยให้ทหารรักษาจักรพรรดิ์(Preatorian Guard)เข้ามาแทรกแซงการเมืองและการเลือกจักรพรรดิ์จนพระองค์ถูกปลงพระชนม์ โดยทหารกลุ่มนี้ หรือในสมัยกษัตริย์เนโร( Nero ค.ศ. 54-68) ซึ่งขึ้นครองราชย์ได้จากนางอกริปปินา(Agrippina)ได้ลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิ คลอดิอุส(Claudius)เพื่อให้เนโรซึ่งเป็นลูกตนเองได้ครองราชย์ เนโรใช้อำนาจการปกครองอย่างโหดร้าย กำจัดปฏิปักษ์ของตนด้วยวิธีทารุณ แม้แต่พระนาง Agrippina ก็ถูกพระองค์สังหาร นอกจากนั้นเนโรยังฆ่ามเหสีและอนุชาตายอีก เข่นฆ่าชาวคริสต์ซึ่งเป็นศานาต้องห้ามในขณะนั้น และเผากรุงโรมเพื่อทำลายชาวคริสต์โดยกล่าวว่าชาวคริสต์เป็นผู้ลงมือราว ค.ศ. 64 แต่ในที่สุดเมื่อประชาชนและสภาทนไม่ได้ก็เกิดกบฏ บีบบังคับให้พระองค์ต้องฆ่าตัวตายในปี ค.ศ. 68 แม้จะมีจักรพรรดิ์ที่วิกลจริตบ้าง แต่ในยุคนี้ถือได้ว่าจักรวรรดิ์โรมันรุ่งเรืองที่สุดทั้งทางด้านเศรษฐกิจและ อำนาจการปกครองในสมัยจักรพรรดิที่ดี 5 องค์(The Antonines)เพราะวิธีเลือกจักรพรรดิไม่ได้เลือกโดยวิธีสืบสายเลือดแต่เลือก จากบุคคลที่มีคุณสมบัติดีมาเป็นทายาทและดำรงตำแหน่งจักรพรรดิ์ จักรพรรดิที่ดี 5 องค์นั้นประกอบด้วย เนอร์วา(nerva ค.ศ. 96-98 ) ทราจัน (Trajan ค.ศ. 98-117)ฮาเดรียน (Hadrian ค.ศ. 117-138) อันโตนิอุส ปิอุส (Nantonius Pius ค.ศ. 138-161) และมาคุส ออเรลิอุส (Marcus Aurelius ค.ศ. 161-180) แต่ละองค์สร้างประโยชน์ให้แก่โรมอย่างใหญ่หลวง เช่น ทราจันรบได้ดินแดนตอนเหนือของแม่น้ำดานูบ เป็นสมัยที่โรมันมีอาณาเขตกว้างที่สุด ฮาเดรียนมีความสามารถด้านการบริหารปกครองบ้านเมือง สร้างกำแพงใหญ่ไว้ป้องกันการรุกรานจากอนารยชน(Barbarians) เช่น พวกสก็อตแลนด์ ส่วน มาร์คุส ออเรลิอุสได้ชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรม อาณาเขตของโรมันในยุคนี้ตอนเหนือได้ครอบครองดินแดนของอังกฤษในปัจจุบัน ด้านอื่นๆประกอบด้วยฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ลักเซมเบอร์ก บางส่วนของเนเธอร์แลนด์ เยอรมัน และสวิส บางส่วนของออสเตรียและบาวาเรีย ได้สเปนและโปรตุเกส และยุโรปทางตะวันออกเฉียงใต้ของแม่น้ำดานูบทั้งหมด บางส่วนของโรมาเนีย พรมแดนของโรมันมีแม่น้ำไรน์และดานูบเป็นเส้นพรมแดน ในอาฟริกา ดินแดนชายฝั่งทะเลตอนเหนือซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโมร็อกโค แอลจีเรีย ตูนิเซีย ลิเบีย และอียิปต์ เป็นของโรมันทั้งสิ้น ในเอเชียตะวันออกใกล้ ได้ปกครองเอเชียไมเนอร์ ซีเรีย ปาเลสไตน์ และดินแดนแถบคาบสมุทรซีนายรวมทั้งมณฑลต่างๆในอาร์เมเนียและเมโสโปรเตเมีย ด้วย สมัยจักรพรรดิที่ดีทั้ง 5 สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 180 เพราะหันกลับไปใช้ระบบเก่าคือสืบสายโลหิต จากนั้นอาณาจักรเริ่มเสื่อมลง โดยปัจจัยหลักๆ 3 ประการคือ ความเสื่อมโทรมของเศรษฐกิจในชนบท การแย่งชิงอำนาจในสกุลวงศ์ของจักรพรรดิ์ และการรุกรานของอนารยชน แม้บางสมัยการเมืองการปกครองจะดีขึ้นบ้างเช่นสมัยจักรพรรดิไดโอคลีเชี่ยนและ คอนแสตนตินแต่ก็ไม่ได้สภาพที่ดีขึ้นอย่างถาวร ปี ค.ศ. 313 จักรพรรดิคอนแสตนติน สามารถรวบรวมอำนาจการปกครองไว้ที่พระองค์ได้ ทรงสร้างนครหลวงแห่งใหม่ที่ทางตะวันออก ในแคว้นไบแซนติอุม(Byzantium)ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรกรีกปัจจุบัน คือตุรกี มีชื่อว่าคอนแสตนติโนเปิลการสร้างอาณาจักรที่สองนี้ทำให้แบ่งโรมันออกเป็น 2 ส่วน ในปี ค.ศ. 395 จักรวรรดิ์ทั้งสองถูกแยกการปกครองจากกันอย่างถาวร(รายละเอียดอยู่ในศิลปะไบ แซนไทน์) ช่วงสุดท้ายของจักรวรรดิโรมันนั้น โรมันเริ่มเสื่อมลงด้วยปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าทางด้านเศรษฐกิจ การแย่งชิงอำนาจของจักรพรรดิ์ และการรุกรานจากพวกอนารยชน ทางภาคเหนือของอิตาลีชนเผ่าต่างๆกระจายกันอยู่โดยทั่วไป ชนเผ่าต่างๆมีการรุกรานโรมันมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล แต่ก็พ่ายโรมันโดยตลอด ปีค.ศ. 373 ฮั่น Hans ได้ยกทัพข้ามแม่น้ำโวลก้ามารุกรานพวกกอธ ทำให้พวกกอธหนีลงมาบริเวณแคว้นเทรซของโรมัน และเข้าโจมตีแคว้นเทรซ ค.ศ. 378 จักรพรรดิ์วาเลนของโรมันได้ยกทัพเข้าต้านทานที่เมือง เอดรีอาโนเปิลแต่แพ้และเสียชีวิตในสนามรบ ทำให้ชื่อเสียงเรื่องการรบที่ไม่มีวันแพ้ของโรมันต้องเสื่อมลง และอนารยชนเผ่าต่างๆก็คอยรุกรานจักรวรรดิอยู่บ่อยๆ จนราวปี ค.ศ. 410 Visigoths พวกโกธเยอรมันสายเหนือได้เข้ารุกรานในโรม ค.ศ. 450 พวกฮั่นซึ่งเป็นมองโกเลียสายหนึ่งได้ยกทัพมารุกรานโรมัน ปี ค.ศ. 454 เยอรมันอีกพวกคือ Vandals ได้ยกทัพข้ามช่องแคบยิบรอลต้า Gibralta ซึ่งอยู่ระหว่างสเปนและอาฟริกาเข้ายึดครองสเปนและคาร์เธจ อนารยชนอื่นๆ เช่น เบอร์กันดียึดลุ่มแม่น้ำไรน์ แฟรงค์ยึดทางเหนือของแคว้นโกล แองโกล -แซกซอนและจูส์ยึดเกาะอังกฤษ ออสโตรโกธยึดทางเหนือของแม่น้ำดานูบ ลอมบาร์ดซึ่งเป็นเยอรมันเผ่าล่าสุดยึดทางเหนือของอิตาลี ตราบจนกระทั่งใน ค.ศ. 476 ถือป็นการสิ้นสุดของจักรวรรดิเมื่อจักรพรรดิองค์สุดท้ายคือโรมิวรุส ออกุสตุสถูกถอดจากบัลลังก์โดยแม่ทัพโรมันเชื้อชาติเยอรมัน จากนั้นอำนาจจักรวรรดิก็ยิ่งอ่อนแอเป็นผลให้เมืองขึ้นต่างๆแข็งขอและพร้อมใจ กันสถาปนาตนขึ้นเป็นอาณาจักรใหม่ทั่วยุโรป ทำให้จักรวรรดิโรมันอวสานอย่างสิ้นเชิง
<< สมัยสาธารณรัฐ กฎหมายโรมัน ความเสื่อมของจักรวรรดิ