การเมือง สังคม เศรษฐกิจ
โครงสร้างของสังคมโรมันสืบทอดมาจากโครงสร้างของสังคมสมัยเมื่ออยู่ใต้การปกครองของอีทรัสกันกล่าวคือ พลเมืองแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
1. พวกแพทริเชียน (Patricians) ได้แก่ กลุ่มผู้ดีมีสกุล มีความมั่งคั่ง ร่ำรวย ชนกลุ่มนี้ประกอบด้วยครอบครัวที่มีสายสกุลเดียวกัน มีหัวหน้าครอบครัวซึ่งมีอำนาจเหนือสมาชิกของครอบครัว แพทรีเชียนมีสิทธิในการปกครองสาธารณรัฐ และพยายามรักาฐานะของตนไว้ด้วยการห้ามแต่งงานกับชนชั้นสามัญ
2. พวกเพลเบียน (Plebeians) หรือสามัญชน คือ ประชาชนส่วนใหญ่ของชุมชนอันได้แก่ ชาวนา พ่อค้า ช่างฝีมือ ที่แทบจะไม่มีอำนาจหรือสิทธิทางการเมืองและสังคมเลย ยกเว้นที่ปรากฏในสภาราษฎร ถึงกระนั้นเพลเบียนจำนวนไม่น้อยได้พยายามยกฐานะของตนโดยการสมัครเข้าเป็น บริวาร(Clients) ของพวกแพทริเชียน โดยการยอมรับภาระใรการบริหารแก่นาย และได้รับการพิทักษ์ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนโอกาสในการหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวจากนาย
ชาวโรมันเป็นชาวนามาแต่แรกเริ่ม อาศัยอยู่บริเวณลาติอุมมีแม่น้ำไทเบอร์ไหลผ่าน พืชที่ทำการปลูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต มะกอก องุ่น กระเทียม มีอุตสาหกรรมย่อยๆ ด้วย เช่น การปั้นหม้อ เหมืองแร่ โลหกรรม
โรมมีเนื้อที่เพาะปลูกประมาณ 5 หมื่นตารางไมล์ แต่ไม่สามารถผลิตธัญพืชเลี้ยงประชากรได้อย่างเพียงพอ จึงอาศัยการค้ากับต่างแดนและการหาอาณานิคมเพื่อยึดพืชผล และทรัพย์สมบัติสู่กรุงโรม เช่น การรบชนะสงครามปิวนิคทำให้โรมได้ครอบครองซิซิลี คาร์เทจ ซึ่งในคาร์เทจมีข้าวสาลี ปศุสัตว์ และไร่องุ่น เป็นต้น
http://3.bp.blogspot.com/_6_tsj8Z61KU/TEgzs-4VohI/AAAAAAAAAdg/LBLlqtqR9VE/s1600/rome-map1.jpg
โรมันได้รับเอาระบบเกษตรกรรมแบบลาติฟุนเดียม (Latifundium) ของกรีกมาใช้ในบริเวณภาคกลางและภาคใต้ ลักษณะของลาติฟุนเดียมมีลักษณะเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ มีบ้านหรูหราอยู่ตรงกลาง มีโรงทาส คอกสัตว์ โรงทำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น โรงเหล้า ทำเพื่อการค้าและ ใช้แรงงานทาส พืชผลที่ปลูกส่วนใหญ่ได้แก่ องุ่นเพื่อทำเหล้าองุ่น และมะกอกเพื่อทำน้ำมันมะกอก ภายหลังการขยายระบบการใช้ที่ดินแบบนี้ทำให้ชาวนารายย่อยไม่มีที่ดินเท่ากับ ต้องอพยพเข้าสู่กรุงโรม
การค้าภายในประเทศและการค้าระหว่างประเทศ
การค้าภายในของโรมันมีเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ รัฐเรียกเก็บกำไรหรือภาษีจากพ่อค้าและเก็บค่าเช่าจากเจ้าของที่ดิน ชาวโรมันส่วนใหญ่ยึดอาชีพปิ้งขนมปัง ตัดเย็บเสื้อผ้า ก่อสร้าง ผลิตสินค้าฟุ่มเฟือย รับจ้างขนถ่ายสินค้าทางเรือ ศิลปิน รับจ้างในบ้านหรือราชสำนัก และทุกคนต้องเสียภาษีอากรให้แก่รัฐบาล การค้าระหว่างประเทศสำหรับการค้าโดยทั่วไปใช้เงินเหรียญเป็นสื่อกลาง โรมันเด่นในด้านการทหารและเมื่อตีชนะดินแดนใดก็ให้ชาวโรมันบริหารครอบครอง ดินแดนและส่งผลผลิตสู่โรม จนมีคำกล่าวว่า สินค้าออกของโรม คือ กฎหมายและรัฐบาล ที่เป็นการค้าต่างแดนจริงๆ คงมีเป็นส่วนน้อย สินค้าเข้าของโรม คือ เครื่องเทศ น้ำหอม ยา ฝ้าย เครื่องโลหะ อัญมณีจากอินเดีย ไหมจากจีน
การปกครองของโรมแบ่งออกเป็น 2 ระยะ
1. สมัยสาธารณรัฐ เริ่มตั้งแต่ปี 509 ก่อน ค.ศ คือเมื่อโรมสามารถขจัดกษัตริย์ต่างชาติองค์สุดท้ายที่แกครองตนเป็นผลสำเร็จ และสถาปนาการปกครองแบบสาธารณรัฐขึ้น ระบอบสาธารณรัฐสิ้นสุดลงในปี 27 ก่อน ค.ศ
2. สมัยจักรวรรดิ เริ่มตั้งแต่จักรพรรดิออกุสตุส ได้สถาปนาขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรกในปี 27 ก่อน ค.ศ และสิ้นสุดลงเมืองจักรวรรดิโรมันทางตะวันตกภึงแก่ความพินาศใน ค.ศ.476
สมัยสาธารณรัฐ สมัยจักรวรรดิ กฎหมายโรมัน ความเสื่อมของจักรวรรดิโรมัน