ฉบับที่12
ฉบับที่ 12 ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เกิดจากการทำรัฐประหารของคณะปฏิวัติ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2520 โดยให้เหตุผลว่าเพราะภัยคุกคามของคอมมิวนิสต์ หลังจากประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 11 แล้ว คณะปฏิวัติได้จัดตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวขึ้น ตามหลักการที่คณะปฏิวัติกำหนดไว้ จากนั้น คณะปฏิวัติจึงได้ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2520 ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2520
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีบทบัญญัติ 32 มาตรา และได้รับการยกเลิกอย่าง "สันติ" เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2521 เนื่องจากการประกาศใช้ธรรมนูญฉบับใหม่ คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 อันเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 ของประเทศไทย
หลักการสำคัญ
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีฐานะเป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งมีหลักการสำคัญคล้ายกับรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 7 และฉบับที่ 9 โดยที่มีข้อแตกต่าง ดังต่อไปนี้
1) กำหนดเวลาการบังคับใช้ไว้อย่างแน่นอน คือ ไม่พ้นสิ้นเดือนเมษายน ในปี 2522 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ว่า จะต้องมีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (มาตรา 10)
2) กำหนดให้รัฐสภา มีสภาเดียว แต่มีอำนาจน้อย คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง มีหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวร และพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่มีสิทธิแม้แต่จะเสนอร่างพระราชบัญญัติ เพราะอำนาจการเสนอกฎหมายเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีเท่านั้น
3) ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติไม่ให้ความเห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูญซึ่งร่างขึ้นมาใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในวาระที่ 1 หรือวาระที่ 3 ก็ให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพ้นจากตำแหน่งและให้คณะรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติยกร่างขึ้นใช้
4) รับรองคณะปฏิวัติให้มีฐานะเป็นองค์กรหนึ่งในรัฐธรรมนูญที่เรียกว่า สภานโยบายแห่งชาติ มีฐานะเหนือกว่าคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติ ดังนี้
(ก) กำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐ และให้ความคิดเห็นแก่คณะรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปตามนโยบายแห่งชาติ (มาตรา 18)
(ข) ให้ความเห็นชอบในการใช้อำนาจเผด็จการของนายกรัฐมนตรีไว้ในมาตรา 27
(ค) ประธานสภานโยบายแห่งชาติมีอำนาจกราบบังคมทูลให้พระมหากษัตริย์แต่งตั้งหรือถอดถอนนายกรัฐมนตรี (มาตรา 21, 22, 23)
(ง) ประธานสภานโยบายแห่งชาติเป็นผู้เสนอบุคคล เพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ และมีอำนาจที่จะถวายคำแนะนำตามมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ้นจากตำแหน่งได้ (มาตรา 7)
5) กำหนดให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 27 ได้ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีและสภานโยบายแห่งชาติ
6) ไม่ให้สิทธิสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งกระทู้ถาม และเสนอร่างกฎหมาย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ตามปกติของสภานิติบัญญัติในระบอบประชาธิปไตย
7) ข้าราชการประจำ สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ แต่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี จะเป็นสมาชิกสภาในขณะเดียวกัน ไม่ได้