• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:3215f4de1d33e8534032e4a104fcffcb' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/83844\"><img height=\"35\" width=\"110\" src=\"/files/u39955/bfl4_0.gif\" border=\"0\" /></a>         <a href=\"/node/89664\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/fl14g.gif\" border=\"0\" /></a>       <a href=\"/node/89666\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/th_0.gif\" border=\"0\" /></a>       <a href=\"/node/89671\"><img height=\"36\" width=\"117\" src=\"/files/u39955/bfl5_1.gif\" border=\"0\" /></a> \n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/89673\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/bfl12_0.gif\" border=\"0\" /></a>       <a href=\"/node/89674\"><img height=\"35\" width=\"116\" src=\"/files/u39955/bfl2g_0.gif\" border=\"0\" /></a>        <a href=\"/node/89677\"><img height=\"33\" width=\"117\" src=\"/files/u39955/bfl7g_1.gif\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #339966\"> อารยธรรมสมัยเมโสโปเตเมีย<br />\n</span></p>\n<p>             <span style=\"color: #008000\">  เมโสโปเตเมีย เป็นคำภาษากรีก แปลว่า ระหว่างแม่น้ำ ดินแดนที่ชาวกรีกเรียกว่าเมโสโปเตเมียนี้ตั้งอยู่ในลุ่มน้ำไทกรีสและยูเฟรตีส เป็นส่วนหนึ่งของ &quot;ดินแดนรูปพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์&quot; ซึ่งเป็นดินแดนรูปครึ่งวงกลมผืนใหญ่ ที่ทอดโค้งขึ้นไปจากฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอ่าวเปอร์เซีย </span></p>\n<p>               เมโสโปเตเมีย เป็นดินแดนที่อากาศร้อนและกันดารฝน น้ำที่ได้รับส่วนใหญ่เป็น น้ำจากแม่น้ำที่มาจากหิมะละลายในภาคฤดูร้อนบนเทือกเขาในอาร์มิเนีย น้ำจะพัดพาเอาโคลนตมมาทับถมชายฝั่งทั้งสอง ทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก การเอ่อล้นของน้ำอันเกิดจากหิมะละลายไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนและบางครั้งทำความเสียหายแก่บ้านเมือง ไร่นา ทรัพย์สินและชีวิตผู้คน การกสิกรรมที่จะได้ผลดีในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ต้องอาศัยระบบการชลประทานที่มีประสิทธิภาพ ความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มแม่น้ำเป็นเครื่องดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาทำมาหากินในบริเวณนี้ แต่ความร้อนของอากาศก็เป็นเครื่องบั่นทอนกำลังของผู้คนที่อาศัยอยู่ทำให้คนเหล่านั้นขาดความกระตือรือร้น เมื่อมีพวกอื่นเข้ารุกรานจึงต้องหลีกทางให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ซึ่งเมื่ออยู่ไปนานๆ \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"></span>\n</p>\n<p>\n                                   <img height=\"155\" width=\"200\" src=\"/files/u39955/meso1.jpg\" border=\"0\" />  <img height=\"156\" width=\"250\" src=\"/files/u39955/meso2.jpg\" border=\"0\" />\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n <span style=\"color: #008000\">เข้า ก็ประสบภาวะเดียวกันต้องหลีกให้ผู้อื่นต่อไป พวกที่เข้ามารุกรานส่วนใหญ่มักจะมาจากบริเวณหุบเขาที่ราบสูงทางภาคเหนือและ ตะวันออกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนไม่อุดมสมบูรณ์เท่าเขตลุ่มแม่น้ำ และยังมีพวกที่มาจากทะเลทรายซีเรียและอารเบีย เรื่องราวของดินแดนแห่งนี้จึงเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับอารยธรรมของคนกลุ่ม ต่างๆ หลายกลุ่มมิได้เป็นเรื่องราวของอารยธรรมที่สืบต่อกันเป็นเวลายาวนานดังเช่น อารยธรรมอียิปต์คนกลุ่มแรกที่สร้างอารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นคือชาวสุเมเรียน ผู้คิดประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก อารยธรรมที่ชาวสุเมเรียนขึ้นเป็นพื้นฐานสำคัญ ของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย สถาปัตยธรรม ตัวอักษร ศิลปกรรมอื่นๆ ตลอดจนทัศนคติต่อชีวิตและเทพเจ้าของชาวสุเมเรียน ได้ดำรงอยู่และมีอิทธิพลอยู่ในลุ่มแม่น้ำทั้งสองตลอดช่วงสมัยโบราณ </span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p><!--pagebreak--><!--pagebreak--></p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/83844\"><img height=\"35\" width=\"110\" src=\"/files/u39955/bfl4_1.gif\" border=\"0\" /></a>        <a href=\"/node/89664\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/fl14g_0.gif\" border=\"0\" /></a>        <a href=\"/node/89666\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/th_2.gif\" border=\"0\" /></a>       <a href=\"/node/89671\"><img height=\"34\" width=\"111\" src=\"/files/u39955/bfl5_2.gif\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/89673\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/bfl12_2.gif\" border=\"0\" /></a>         <a href=\"/node/89674\"><img height=\"35\" width=\"116\" src=\"/files/u39955/bfl2g_1.gif\" border=\"0\" /></a>        <a href=\"/node/89677\"><img height=\"34\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/bfl7g_2.gif\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #339966\">ปัจจัยทางภูมิศาสตร์กับการตั้งถิ่นฐาน</span></p>\n<p>               <span style=\"color: #008000\">เมโสโปเตเมียแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยโบราณคำว่าเมโสโป เตเมียเป็นภาษากรีก มีความหมายว่าดินแดนระหว่างแม่น้ำที่สอง คือ แม่น้ำไทกรีส และ ยูเฟรตีส ปัจจุบันคือประเทศอิรัก มีนครหลวงคือกรุงแบกแดด แม่น้ำทั้ง 2 สายมีต้นน้ำอยู่ในอาร์มีเนีย และเอเซียไมเนอร์ไหลลงสู่ทะเลที่อ่าวเปอร์เซีย บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไทกรีสและยูเฟรตีส ตอนล่างเรียกว่าบาบิโลเนีย เป็นเขตซึ่งอยู่ติดกับอ่าวเปอร์เซีย มีชื่อเรียกในสมัยหนึ่งว่าชินาร์ เกิดจากการทับถมของดินที่แม่น้ำพัดพามากล่าวคือในฤดูร้อนหิมะบนภูเขาใน อาร์มีเนียละลายไหลบ่าลงมาทางใต้พัดพาเอาโคลนตมมาทับถมไว้ยัง บริเวณปากน้ำทำให้พื้นดินตรงปากแม่น้ำงอกออกทุกปี โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 1 ไมล์ครึ่ง ทุกๆ ศตวรรษ อาณาบริเวณที่เรียกว่าเมโสโปเตเมีย มีทิศเหนือจรดทะเลดำ และทะสาบแคสเบียน ทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดคาบสมุทรอาระเบีย ซึ่งล้อมรอบด้วยทะเลแดงและมหาสมุทรอินเดีย ทิศตะวันตกจรดที่ราบซีเรีย และปาเลสไตน์ ส่วนทิศตะวันออกจรดที่ราบสูงอิหร่านเมโสโปเตเมียแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนล่างใกล้กับอ่าวเปอร์เซีย มีความอุดมสมบูรณ์เรียกว่าบาบิโลเนีย ส่วนบนซึ่งค่อนข้างแห้งแล้งเรียกว่าแอสซีเรีย </span></p>\n<p>               บริเวณทั้งหมดมีชนชาติหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ มีการรบพุ่งกันอยู่เสมอ เมื่อชาติใดมีอำนาจก็เข้าไปยึดครองและกลายเป็นชนชาติเดียวกัน นักประวัติศาสตร์บางท่านกล่าวว่า ไม่มีแห่งหนตำบลใด จะมีชาติพันธุ์มนุษย์ผสมปนเปกันมากมายเหมือนที่นี่ และยังเป็นยุทธภูมิระหว่างตะวันตก กับตะวันออกตลอดสมัยประวัติศาสตร์ ดังนั้น ประวัติเรื่องราวต่างๆ ของชนชาติเหล่านี้จึงค่อนข้างสับสนประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้เป็นเรื่อง ราวเกี่ยวกับความเจริญของแต่ละแคว้นที่แยกออกจากกัน และเรื่องราวทางอารยธรรมในเมโสโปเตเมียมีหลักฐานยืนยันทางโบราณคดีว่าเก่า แก่นานนับถึง 8,000 - 7,000 B.C. เช่น การขุดพบหมู่บ้านที่เมืองจาร์โม ในอิรักใกล้แม่น้ำไทกรีสเมืองซาทาล ฮือยึค ภายใต้ของอนาโตเลีย ซึ่งเมื่อเทียบกับอิยิปต์แล้ว หลักฐานทางโบราณคดีในเมืองเก่าแก่ใกล้ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์คือที่ ไฟยูม มีอายุเพียง 4,500 B.C. เท่านั้น ตัวอักษรของเมโสโปเตเมียก็ปรากฎว่าใช้มานานแล้วอาจจะก่อนอียิปต์หลายร้อยปี อีกด้วย แต่ก็ไม่ปรากฎยืนยันว่าตัวอักษรของเมโสโปเตเมียให้อิทธิพลแก่อียิปต์แต่ อย่างใดชนชาติกลุ่มแรกที่มีอายุในสมัยหิน และเข้ามาอยู่อาศัยระหว่างหุบเขาริมแม่น้ำจอร์แดนประเทศอิรัก เรียกว่า เจริโค มีอายุราว 8,000 B.C. การขุดค้นหลักฐานทางโบราณคดีขุดค้นซากกำแพงยาวสร้างด้วยหิน สูงถึง 12 ฟุต หนา 5 ฟุต และพบซากหอคอยซึ่งมีความสูงถึง 30 ฟุต รูปแบบการก่อสร้างแสดงอารยธรรมดั้งเดิมของมนุษย์ทีใช้มาก่อสร้าง<br />\nชนกลุ่มต่อมา คือซาทาล ฮือยึค มีอายุราว 7,000-5,000 B.C.</p>\n<p>              <span style=\"color: #008000\"> นักโบราณคดีได้ขุดลงไปพบเมืองต่างๆ ที่ทับถมเป็นชั้นๆ ถึง 12 ชั้น และชั้นที่ 4 พบซากเมืองมีผังต่อเนื่องคล้ายเมืองใหญ่ แต่ไม่มีถนน ตัวอาคารเป็นห้องโถง มีภาพเขียนหนังและตกแต่งปฏิมากรรมที่ทำมาจากเขาสัตว์ งานจิตรกรรมบนผนังของ ซาทาล ฮือยึค หลังจากพิสูจน์ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ แล้วปรากฎว่ามีอายุราว 6,200 B.C. เป็นภาพหมู่บ้านที่อาศัยมากมาย มีภาพภูเขาไฟกำลังระเบิด สำหรับงานปฏิมกรรม เป็นรูปปั้นจากดินดำและรูปแกะสลักจากหินชั้นเล็กๆ สูงประมาณ 2-8 นิ้วแม้พวกเจริโคและซาทาล ฮือยึค จะเป็นชนชาติที่ปรากฎหลักฐานว่าเก่าแก่ที่สุดในเมโสโปรเตเมีย แต่ก็เข้าใจว่ายังไม่มีอารยธรรมใดจะเป็นเครื่องยืนยันว่ามีความเจริญหลุดพ้น จากยุคหินหรือยุคโลหะมาได้ ชนชาติเก่าแก่ชาติแรกที่ปรากฎหลักฐานแสดงความเจริญรุ่งเรือง และมีอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดในเมโสโปเตเมีย คือ ชนชาติซูเมอร์และบาบิโลเนีย</span></p>\n<p>               ปัจจัยที่เอื้ออำนวยให้เกิดอารยธรรมเมโสโปเตเมีย คือ<br />\n1. ความคิดสร้างสรรค์รักษา ปรับปรุงและสืบทอดในอารยธรรมของกลุ่มชน 6 กลุ่มคือ<br />\n1.1 สุเมเรียน (Sumerians)<br />\n1.2 อัคคาเดียน (Akkadians)<br />\n1.3 อะมอไรท์ (Amorites)<br />\n1.4 คัสไซท์ (Kassites)<br />\n1.5 อัสซีเรียน (Assyrians)<br />\n1.6 แคลเดียน (Chaldeans)<br />\n2. แม่น้ำไทกรีสและยูเฟรตีส ทำให้เมโสโปเตเมียชุ่มชื้นเกิดการรวมตัวของกลุ่มชนและกำเนิดอารยธรรมเฉพาะขึ้น<br />\n3. พรมแดนธรรมชาติซึ่งมีส่วนช่วยเป็นกำแพงป้องกันศัตรูภายนอกแม้ไม่ดีเท่าแถบ ลุ่มน้ำไนล์ก็ตาม แต่ก็เอื้ออำนวยให้กลุ่มชนซึ่งผลัดกันขึ้นมีบทบาทในเมโสโปเตเมียสามารถใช้</p>\n<p>                                                   \n</p>\n<p>\n                                                            <img height=\"200\" width=\"268\" src=\"/files/u39955/meso3.jpg\" border=\"0\" />\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<i></i></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p> \n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/83844\"><img height=\"35\" width=\"110\" src=\"/files/u39955/bfl4_5.gif\" border=\"0\" /></a>        <a href=\"/node/89664\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/bfl14g_0.gif\" border=\"0\" /></a>        <a href=\"/node/89666\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/th_3.gif\" border=\"0\" /></a>        <a href=\"/node/89671\"><img height=\"35\" width=\"112\" src=\"/files/u39955/bfl5_3.gif\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/89673\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/bfl12_3.gif\" border=\"0\" /></a>         <a href=\"/node/89674\"><img height=\"34\" width=\"113\" src=\"/files/u39955/bfl2g_2.gif\" border=\"0\" /></a>         <a href=\"/node/89677\"><img height=\"33\" width=\"117\" src=\"/files/u39955/bfl7g_4.gif\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #339966\">การรวมตัวทางการเมืองของเมโสโปเตเมีย<br />\n</span><br />\n              <span style=\"color: #008000\"> การรวมตัวอย่างถาวรครั้งแรกกระทำได้เป็นผลสำเร็จโดยผู้พิชิตชาวเซเมติคผู้ หนึ่งซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งอัคคัตทรงพระนามว่าซาร์กอน พระองค์ทรงได้เมโสโปเตเมียไว้ในครอบครองเมื่อประมาณปี 2,370 ก่อนคริสตกาล และพระราชวงศ์ของพระองค์ปกครองอย่างยากลำบาก ต่อมาอีกหลายชั่วคน กษัตริย์ซาร์กอนทรงได้รับการยกย่องในสมัยนั้น เพราะจักรวรรดิของพระองค์เป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่เคยรู้จัก มา ที่สามารถรวบรวมอาณาจักรอัคคัตและซูเมอร์เข้าไว้เป็นหน่วยการปกครองเดียวกัน และเรื่องเล่าในสมัยต่อมา ได้ขยายให้ใหญ่โตยิ่งไปกว่า ความเป็นจริงเล่ากันว่ากษัตริย์ซากอน ได้ทรงปกครองประชาชนของดินแดนทั้งหมด ชัยชนะของพระองค์มีผลในการเร่งให้วัฒนธรรมสุเมเรียนเผยแพร่ไปทั่วตะวันออก ใกล้ได้เร็วขึ้นทายาทองค์หนึ่งของกษัตริย์ซาร์กอนฝ่าฝืนขนบประเพณีของสุเม เรียน และตัดสินใจเสี่ยงด้วยการอ้างพระองค์เป็นเทพ ต่อมาราชวงศ์ซาร์กอน แห่งอัคคัตถูกอนารยชนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าทำลายล้าง ยังผลทำให้เกิดความไม่สงบทางการเมืองอีกช่วยระยะหนึ่ง ครั้งเมื่อประมาณ 2,100 ก่อนคริสตกาล นครรัฐสุเมเรียนแห่งอูร์กลับได้อำนาจ และบรรดากษัตริย์แห่ง14 นครนี้ก็อ้างตนเป็นเทพเช่นเดียวกัน แต่ในที่สุดจักรวรรดิอูร์ก็ถูกทำลายลงด้วยการเบียดเบียนของอนารยชน และความแตกแยกภายใน พร้อมกับความหายนะของจักรวรรดิอูร์อำนาจทางการเมืองของสุเมเรียนก็สิ้นสุดลง ตลอดไป</span></p>\n<p>                    อนาคตของเมโสโปเตเมียจึงอยู่ในมือของพวกเซไมท์ในช่วงระยะที่เกิดความวุ่นวาย คือประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ชนเผ่าเซเมติคกลุ่มใหม่หลายกลุ่มพากันอพยพเข้ามายังดินแดนลุ่มแม่น้ำ กลุ่มหนึ่งของชนเผ่านี้คือพวกอะมอไรท์จากซีเรียเข้ามายึดครองนครต่างๆ รวมทั้งบาบิโลนเมืองที่ไร้ความสำคัญพระเจ้าฮัมมูราบี กษัตริย์อะมอไรท์แห่งบาบิโลนผู้สามารถและมีชื่อเสียง เข้าพิชิตดินแดนแห่ง อัคคัตและมูเซอร์ได้ทั้งหมดและขยายอำนาจไปจนทั่วดินแดนรูปพระจันทร์ครึ่ง เสี้ยว ตั้งแต่ทะเล เมดิเตอร์เรเนียนมาจนถึงอ่าวเปอร์เซีย เพียงชั่วเวลาอันสั้น บาบิโลนก็เปลี่ยนจากเมืองเล็กๆ ที่ไร้ความหมายมาเป็นนครหลวงของจักรวรรดิที่ทรงอำนาจสิ่งที่จะต้องเน้นไว้ใน ที่นี้ก็คือหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการทางการเมืองเหล่านี้มีอยู่น้อย และไม่ชัดเจน และรายละเอียดบางประการในการประติดประต่อเรื่องของเราอาจผิดพลาดได้ ศักราชในช่วงสมัยเริ่มแรกนี้ก็อาจผิดไปถึงศตวรรษหรือมากกว่านั้นอย่างไรก็ ตามลำดับเหตุการณ์ต่างๆ นั้นจัดได้อย่างถูกต้อง และไม่น่าสงสัยว่าพระเจ้าฮัมมูราบี ผู้ได้รับแนวความคิดจากขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมสุเมเรียนซึ่งได้แพร่หลาย อยู่เกือบ 2,000 ปีแล้ว จะไม่สามารถสร้างสรรค์โครงสร้างทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมขึ้นมา ได้ ประมวลกฎหมายอันลือชื่อของพระองค์เป็นเสมือนหน้าต่างเผยให้เห็นชีวิตประจำ วันในจักรวรรดิบาบิโลเนีย กฎหมายฉบับนี้ยึดถือประมวลกฎหมายที่มีมาแล้วและที่ย่นย่อของชาวสุเมเรียน และได้มาจากประเพณีของสุเมเรียนเป็นส่วนใหญ่ พระเจ้าฮัมมูราบีมิได้ทรงอ้างพระองค์เป็นเทพเจ้า แต่ทรงรับบทบาทตามขนบธรรมเนียมเดิม คือ ผู้รับใช้บรรดาเทพเจ้า สังคมที่ทรงปกครองแบ่งออกเป็นชั้นต่างๆ คือ ชั้นขุนนาง เสรีชน และทาส รายละเอียดของกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการค้า แสดงให้เห็นถึงชีวิตค้าขายที่ตื่นตัวและสลับซับซ้อน แต่ทว่าประมาณกฎหมายของฮัมมูราบีนั้นเข้มงวดว่ากฎหมายสุเมเรียนที่ถือกำเนิด ขึ้นก่อนอย่างเห็นได้ชัด แสดงถึงการใช้อำนาจเผด็จการในระดับสูงกว่าเดิม การลงโทษหนักปรากฎบ่อยๆ ในขณะที่แต่ก่อนนี้แทบจะไม่มีเลยและความคิดเกี่ยวกับความยุติธรรมโดยให้ผล กรรมตามทัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ตาต่อตา นั้นได้นำปฏิบัติอย่างรุนแรงน่าสะพึงกลัว ดังเช่น ถ้าบ้านหลังหนึ่งทรุดตัวลง ทำให้เจ้าของบ้านเสียชีวิตผู้สร้างบ้านหลังนั้นย่อมถูกประหารชีวิต ถ้าคนไข้ตายในระหว่างการผ่าตัด แพทย์ผู้ผ่าตัดถูกประหาร ถ้าผู้ป่วยเสียนัยตาข้างหนึ่งแพทย์จะต้องถูกตัดนิ้วทิ้ง นับเป็นการลงโทษชนิดที่ทำให้แพทย์ผู้นั้นมิอาจประกอบอาชีพได้อีกการรุกราน จากภาคเหนือ : ประมาณปี 1,750 ถึง 1,550 ก่อนคริสตกาล แม้ในขณะที่จักรวรรดิบาบิโลนกำลังมีอำนาจสูงสุด บริเวณตะวันออกใกล้ทั้งหมดก็ยังได้รับการกระทบกระเทือนจากการรุกราน ของอนารยชนที่อพยพเข้ามาอยู่เรื่อยๆ บรรดาชนกลุ่มใหม่นี้อพยพจากภูเขาทางเหนือและตะวันออกเฉียงหนือสู่ดินแดนเมโส โปเตเมียเอเซียน้อย กรีก เกาะครีต และแอฟริกาภาคเหนือ ชนเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันอย่างรวมๆ ว่าพวกอินโด-ยูโรเปียน</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/83844\"><img height=\"35\" width=\"110\" src=\"/files/u39955/bfl4_6.gif\" border=\"0\" /></a>         <img height=\"1\" width=\"1\" border=\"0\" /><a href=\"/node/89664\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/bfl14g_3.gif\" border=\"0\" /></a>         <a href=\"/node/89666\"><img height=\"35\" width=\"109\" src=\"/files/u39955/th_5.gif\" border=\"0\" /></a>       <a href=\"/node/89671\"><img height=\"34\" width=\"110\" src=\"/files/u39955/bfl5_4.gif\" border=\"0\" /></a>  \n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/89673\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/bfl12_4.gif\" border=\"0\" /></a>        <a href=\"/node/89674\"><img height=\"34\" width=\"113\" src=\"/files/u39955/bfl2g_4.gif\" border=\"0\" /></a>         <a href=\"/node/89677\"><img height=\"31\" width=\"113\" src=\"/files/u39955/bfl7g_5.gif\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n <span style=\"color: #339966\"> กลุ่มชนต่างๆ ที่สร้างสรรอารยธรรมเมโสโปเตรเมีย </span></p>\n<p>              <span style=\"color: #008000\"> ชาวสุเมเรียน เมื่อประมาณ 4,000 ปีก่อนคริสต์ศักราชชาวสุเมเรียนได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณดินดอนสาม เหลี่ยม ปากแม่น้ำไทกรีส-ยูเฟรตีส ซึ่งเรียกกัน ในเวลาต่อมาว่าดินแดนซูเมอร์ ในระยะแรกชุมชนชาวสุเมเรียนเป็นหมู่บ้านยุคหินใหม่ หมู่บ้านเหล่านี้ได้ขยายตัวขึ้นเป็นชุมชนวัด และในเวลาต่อมา ชุมชนวัดแต่ละแห่งได้พัฒนาขึ้นเป็นเมือง ที่สำคัญ ได้แก่เมืองเออร์ เมืองอิเรค เมืองอิริดู เมืองลากาซ และเมืองนิปเปอร์ แต่ละเมืองมีชุมชนเล็กๆ ที่รายรอบอยู่เป็นบริวาร ทำให้มีลักษณะเป็นรัฐขนาดเล็กที่เรียกว่านครรัฐ นครรัฐเหล่านี้ต่างปกครองเป็นอิสระแก่กันในขณะที่ชาวสุเมเรียน สถาปนานครรัฐขึ้นทางตอนล่างของลุ่มแม่น้ำไทกรีส-ยูเฟรตีส หลายนครรัฐชนกลุ่มอื่นๆ ก็ได้สถาปนานครรัฐของตน ในบริเวณตอนเหนือขึ้นไปอีกหลายแห่งแต่มีความเจริญทางอารยธรรมด้อยกว่านครรัฐ ของชาวสุเมเรียนในดินแดนซูเมอร์ก็ตามแต่ภาษาที่ใช้สืบมาจากรากเดียวกันคือ ภาษาอินโด-ยูโรเปียนอันเป็นต้นกำเนิดจากภาษาลาติน กรีก เปอร์เซีย สันสกฤต รวมทั้งภาษาเยอรมันและภาษาโรมานซ์ในปัจจุบัน มองจากแง่ของภาษาอนารยชนกลุ่มใหม่เหล่านี้ก็คือบรรพบุรุษของเรานั่นเอง การบุกรุกทางใต้ของชนเหล่านี้มีผลทำให้ชนเผ่าอื่นถูกแย่งที่ไปอย่างรุนแรงใน ช่วงประมาณปี 1,750 ถึง 1,550 ก่อนคริสตกาล พวกอนารยชนดังกล่าวตลอดจนพวกอื่นๆ ที่ดำเนินรอยตามได้ทำลายความต่อเนื่องทางการเมืองและวัฒนธรรมของดินแดนตะวัน ออกใกล้สมัยโบราณ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"></span>\n</p>\n<p>\n                                         <img height=\"1\" width=\"1\" border=\"0\" /><img height=\"132\" width=\"210\" src=\"/files/u39955/meso4.jpg\" border=\"0\" />     <img height=\"132\" width=\"210\" src=\"/files/u39955/meso5.jpg\" border=\"0\" />\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ประมาณ ปี 1,595 ผู้รุกรานเผ่าอินโด-ยูโรเปียน ก็ทำให้ราชวงศ์ของพระเจ้าฮัมบูราบีในนครบาบิโลนต้องสิ้นสุดลงซึ่งฉุดให้เมโส โปเตเมียเข้าสู่ช่วงเวลาอันยาวนานของความเสื่อมของทางวัฒนธรรมและความไม่สงบ ทางการเมือง<br />\nคนกลุ่มแรกที่สร้างสรรค์อารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นคือชาวสุเม เรียน ผู้คิดประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกอารยธรรมที่ชาวสุเมเรียนสร้าง ขึ้นเป็นพื้นฐานสำคัญของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย สถาปัตยกรรม ตัวอักษร วรรณกรรม ศิลปกรรมอื่นๆ ตลอดจนทัศนคติต่อชีวิตและเทพเจ้าของชาวสุเมเรียนได้ดำรงอยู่และมี อิทธิพลอยู่ในลุ่มแม่น้ำทั้งสองตลอดช่วงสมัยโบราณ</span></p>\n<p>               ข้อควรสังเกต<br />\n1. บริเวณเมโสโปเตเมียเป็นบริเวณที่มีอากาศรุนแรง ฤดูร้อนอากาศร้อนจัด ฤดูหนาวอากาศหนาวจัด ฝนตกน้อย ความรุนแรงของภูมิอากาศทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ขาดความกระตือ รือร้น เมื่อถูกศัตรูที่แข็งแกร่งรุกรานก็หลีกทางให้ เมโสโปเตเมียจึงเป็นบริเวณที่มีชนหลายชาติหลายภาษาผลัดเปลี่ยนกันเข้ามายึด ครองตลอดเวลา<br />\n2. เมโสโปเตเมียตั้งอยู่ในที่โล่ง ปราศจากกำแพงธรรมชาติที่จะป้องกันการบุกรุกจากศัตรูภายนอกชนพวกแรกที่เข้ามา ตั้งถิ่นฐานบริเวณเมโสโปเตเมียคือ พวกสุเมเรียน ชนพวกนี้จะสืบเชื้อสายมากจากชาติใดไม่อาจทราบชัด ทราบแต่เพียงว่า เดิมเป็นชนเผ่าพเนจร อพยพมาจากภูเขาทางทิศตะวันออก เข้าไปตั้งถิ่นฐานแถบบริเวณปากแม่น้ำทั้งสอง<br />\nข. ชาวอัคคาเดียน<br />\nประวัติ ของพวกอัคคาเดียนในศตวรรษที่ 24 ก่อนคริสตกาล อัคคาเดียน เป็นเซมิติคเร่ร่อนพวกแรกที่เข้ามาตั้งมั่นในดินแดนอัคคัต ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของเมโสโปเตเมีย ประมาณ ปี 2,571 B.C. อัคคาเดียนภายใต้การนำของซาร์กอนมหาราช สามารถโค่นอำนาจของลูกัล ซักกิซซิผู้นำของสุเมเรียนแห่งนครรัฐอัมมาไดอัคคาเดียนปกครองเมโสโปเตเมีย แทนสุเมเรียน ซาร์กอนมหาราชก่อตั้งจักรวรรดิ สุเมโร-อัคคาเดียน ขึ้นจัดเป็นจักรวรรดิแรกในเมโสโปเตเมีย และเป็นจักรวรรดิแรกของโลก อัคคัต คือชื่อเมืองหลวงของจักรวรรดิ อำนาจของอัคคาเดียนแผ่ขยายปกครองพื้นที่จากดินแดนเปอร์เซียถึงชายฝั่งตะวัน ออกของ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประมาณปี 2,113 ก่อนคริสตกาล อัคคาเดียนถูกรุกรานโดยอนารยชนพวกกูติ ซึ่งเป็นชนจากดินแดนเปอร์เซียเข้ามาในเมโสโปเตเมีย โดยผ่านทางเทือกเขาซากรอส กูติปกครองเมโสโปเตเมียประมาณ 107 ปี ประมาณปี 2006 ก่อนคริสตกาล ผู้นำสุเมเรียนชื่อ Uruhagae แห่งนครรัฐ Ur ขับไล่กูติออกจากเมโสโปเตเมียได้สำเร็จ ก่อตั้งจักรวรรดิ สุเมเรียนภายใต้ชื่อว่า The Empire of Ur ทั้งนี้อารยธรรมสุเมเรียนได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พวกอีลามีดส์ เข้าปกครองซูเมอร์-อัคคัตช่วงสั้นก่อนการขึ้นมีอำนาจของพวกอะมอไรท์ในดินแดน บาบิโลเนียน<br />\nค. ชาวอะมอไรท์ หรือบาบิโลเนีย</p>\n<p>ประวัติของอะมอไรท์<br />\n                ประมาณปี 2,000 ก่อนคริสตกาล อะมอไรท์เป็นเซมิติคเร่ร่อนจากซีเรียเข้ารุกรานดินแดนตะวันตกของอัคคัต ภายใต้การนำของฮัมมูราบีกษัตริย์องค์ที่ 6 ของอะมอไรท์ ได้รวมดินแดนซูเมอร์-อัคคัตเข้าด้วยกัน ก่อตั้งจักรวรรดิบาลิโลเนียครั้งที่หนึ่งขึ้นที่เมืองบาบิโลน บนฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีส เป็นเมืองหลวงสมัยของกษัตริย์ฮัมมูราบี คือยุคทองของจักรวรรดิบาบิโลน ทั้งนี้เป็นเพราะนอกจากจะทรงสามารถในการรบและการปกครองเป็นผลให้จักรวรรดิ ขยายกว้างใหญ่ไพศาลแล้ว<br />\nฮัมมูราบีได้และปรับปรุงอารยธรรมสุเมเรียนให้ดี ขึ้น จักรวรรดิบาบิโลนเริ่มเสื่อมลงเป็นลำดับภายหลังการสิ้นพระชนม์ของฮัมมูราบี เพราะก. กษัตริย์ผู้สืบทอดต่อมาไร้ความสามารถในการปกครองและการรบ เป็นผลให้กลุ่มชนภายใต้การปกครองของอะมอไรท์ดำเนินการแยกตนเป็นอิสระ<br />\nข. ประมาณปี 1,590 ก่อนคริสตกาล ฮิตไตท์ชนชาตินักรบจากเอเซียไมเนอร์ เข้ารุกรานมุ่งยึดกรุงบาบิโลนแต่ไม่สำเร็จ<br />\nค. การก่อกวนของเฮอเรีย แห่งอาณาจักรมิทานมิ อาณาจักรนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของลุ่มแม่น้ำยูเฟรตีส<br />\nง. งบประมาณปลายศตวรรษที่ 16 ก่อนคริตกาล คัสไซส์ อนารยชนจากเทือกเขาใกล้ดินแดนเปอร์เซียตะวันตกเข้ารุกรานและโค่นอำนา จอะมอไรท์ได้สำเร็จ</p>\n<p></p>\n<p>                                                                <img height=\"180\" width=\"233\" src=\"/files/u39955/meso6.jpg\" border=\"0\" /></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak-->\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1715558021, expire = 1715644421, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:3215f4de1d33e8534032e4a104fcffcb' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:96685beb3bf0a73dd21dbb211c4b4ea7' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/83844\"><img height=\"35\" width=\"110\" src=\"/files/u39955/bfl4_0.gif\" border=\"0\" /></a>         <a href=\"/node/89664\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/fl14g.gif\" border=\"0\" /></a>       <a href=\"/node/89666\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/th_0.gif\" border=\"0\" /></a>       <a href=\"/node/89671\"><img height=\"36\" width=\"117\" src=\"/files/u39955/bfl5_1.gif\" border=\"0\" /></a> \n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/89673\"><img height=\"35\" width=\"120\" src=\"/files/u39955/bfl12_0.gif\" border=\"0\" /></a>       <a href=\"/node/89674\"><img height=\"35\" width=\"116\" src=\"/files/u39955/bfl2g_0.gif\" border=\"0\" /></a>        <a href=\"/node/89677\"><img height=\"33\" width=\"117\" src=\"/files/u39955/bfl7g_1.gif\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #339966\"> อารยธรรมสมัยเมโสโปเตเมีย<br />\n</span></p>\n<p>             <span style=\"color: #008000\">  เมโสโปเตเมีย เป็นคำภาษากรีก แปลว่า ระหว่างแม่น้ำ ดินแดนที่ชาวกรีกเรียกว่าเมโสโปเตเมียนี้ตั้งอยู่ในลุ่มน้ำไทกรีสและยูเฟรตีส เป็นส่วนหนึ่งของ &quot;ดินแดนรูปพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์&quot; ซึ่งเป็นดินแดนรูปครึ่งวงกลมผืนใหญ่ ที่ทอดโค้งขึ้นไปจากฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอ่าวเปอร์เซีย </span></p>\n<p>               เมโสโปเตเมีย เป็นดินแดนที่อากาศร้อนและกันดารฝน น้ำที่ได้รับส่วนใหญ่เป็น น้ำจากแม่น้ำที่มาจากหิมะละลายในภาคฤดูร้อนบนเทือกเขาในอาร์มิเนีย น้ำจะพัดพาเอาโคลนตมมาทับถมชายฝั่งทั้งสอง ทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก การเอ่อล้นของน้ำอันเกิดจากหิมะละลายไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนและบางครั้งทำความเสียหายแก่บ้านเมือง ไร่นา ทรัพย์สินและชีวิตผู้คน การกสิกรรมที่จะได้ผลดีในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ต้องอาศัยระบบการชลประทานที่มีประสิทธิภาพ ความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มแม่น้ำเป็นเครื่องดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาทำมาหากินในบริเวณนี้ แต่ความร้อนของอากาศก็เป็นเครื่องบั่นทอนกำลังของผู้คนที่อาศัยอยู่ทำให้คนเหล่านั้นขาดความกระตือรือร้น เมื่อมีพวกอื่นเข้ารุกรานจึงต้องหลีกทางให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ซึ่งเมื่ออยู่ไปนานๆ \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"></span>\n</p>\n<p>\n                                   <img height=\"155\" width=\"200\" src=\"/files/u39955/meso1.jpg\" border=\"0\" />  <img height=\"156\" width=\"250\" src=\"/files/u39955/meso2.jpg\" border=\"0\" />\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n <span style=\"color: #008000\">เข้า ก็ประสบภาวะเดียวกันต้องหลีกให้ผู้อื่นต่อไป พวกที่เข้ามารุกรานส่วนใหญ่มักจะมาจากบริเวณหุบเขาที่ราบสูงทางภาคเหนือและ ตะวันออกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนไม่อุดมสมบูรณ์เท่าเขตลุ่มแม่น้ำ และยังมีพวกที่มาจากทะเลทรายซีเรียและอารเบีย เรื่องราวของดินแดนแห่งนี้จึงเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับอารยธรรมของคนกลุ่ม ต่างๆ หลายกลุ่มมิได้เป็นเรื่องราวของอารยธรรมที่สืบต่อกันเป็นเวลายาวนานดังเช่น อารยธรรมอียิปต์คนกลุ่มแรกที่สร้างอารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นคือชาวสุเมเรียน ผู้คิดประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก อารยธรรมที่ชาวสุเมเรียนขึ้นเป็นพื้นฐานสำคัญ ของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย สถาปัตยธรรม ตัวอักษร ศิลปกรรมอื่นๆ ตลอดจนทัศนคติต่อชีวิตและเทพเจ้าของชาวสุเมเรียน ได้ดำรงอยู่และมีอิทธิพลอยู่ในลุ่มแม่น้ำทั้งสองตลอดช่วงสมัยโบราณ </span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p></p>', created = 1715558021, expire = 1715644421, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:96685beb3bf0a73dd21dbb211c4b4ea7' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

เมโสโปเตเมีย

 

                     

 

            

 

 อารยธรรมสมัยเมโสโปเตเมีย

               เมโสโปเตเมีย เป็นคำภาษากรีก แปลว่า ระหว่างแม่น้ำ ดินแดนที่ชาวกรีกเรียกว่าเมโสโปเตเมียนี้ตั้งอยู่ในลุ่มน้ำไทกรีสและยูเฟรตีส เป็นส่วนหนึ่งของ "ดินแดนรูปพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์" ซึ่งเป็นดินแดนรูปครึ่งวงกลมผืนใหญ่ ที่ทอดโค้งขึ้นไปจากฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอ่าวเปอร์เซีย

               เมโสโปเตเมีย เป็นดินแดนที่อากาศร้อนและกันดารฝน น้ำที่ได้รับส่วนใหญ่เป็น น้ำจากแม่น้ำที่มาจากหิมะละลายในภาคฤดูร้อนบนเทือกเขาในอาร์มิเนีย น้ำจะพัดพาเอาโคลนตมมาทับถมชายฝั่งทั้งสอง ทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก การเอ่อล้นของน้ำอันเกิดจากหิมะละลายไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนและบางครั้งทำความเสียหายแก่บ้านเมือง ไร่นา ทรัพย์สินและชีวิตผู้คน การกสิกรรมที่จะได้ผลดีในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ต้องอาศัยระบบการชลประทานที่มีประสิทธิภาพ ความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มแม่น้ำเป็นเครื่องดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาทำมาหากินในบริเวณนี้ แต่ความร้อนของอากาศก็เป็นเครื่องบั่นทอนกำลังของผู้คนที่อาศัยอยู่ทำให้คนเหล่านั้นขาดความกระตือรือร้น เมื่อมีพวกอื่นเข้ารุกรานจึงต้องหลีกทางให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ซึ่งเมื่ออยู่ไปนานๆ

                                    

 

 เข้า ก็ประสบภาวะเดียวกันต้องหลีกให้ผู้อื่นต่อไป พวกที่เข้ามารุกรานส่วนใหญ่มักจะมาจากบริเวณหุบเขาที่ราบสูงทางภาคเหนือและ ตะวันออกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนไม่อุดมสมบูรณ์เท่าเขตลุ่มแม่น้ำ และยังมีพวกที่มาจากทะเลทรายซีเรียและอารเบีย เรื่องราวของดินแดนแห่งนี้จึงเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับอารยธรรมของคนกลุ่ม ต่างๆ หลายกลุ่มมิได้เป็นเรื่องราวของอารยธรรมที่สืบต่อกันเป็นเวลายาวนานดังเช่น อารยธรรมอียิปต์คนกลุ่มแรกที่สร้างอารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นคือชาวสุเมเรียน ผู้คิดประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก อารยธรรมที่ชาวสุเมเรียนขึ้นเป็นพื้นฐานสำคัญ ของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย สถาปัตยธรรม ตัวอักษร ศิลปกรรมอื่นๆ ตลอดจนทัศนคติต่อชีวิตและเทพเจ้าของชาวสุเมเรียน ได้ดำรงอยู่และมีอิทธิพลอยู่ในลุ่มแม่น้ำทั้งสองตลอดช่วงสมัยโบราณ

 

สร้างโดย: 
นางสาวกานต์ชนิต พัฒนะอิ่ม เเละ นางพีรทิพย์ สุคันธเมศวร์

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 228 คน กำลังออนไลน์