ยุคราชวงศ์ชิง
![รูปภาพของ sss27520 รูปภาพของ sss27520](http://202.44.68.33/files/profilepic/picture-31712.jpg)
ยุคราชวงศ์ฉิน ยุคราชวงศ์ฮั่น ยุคสามก๊ก ยุคราชวงศ์จิ้น ยุคราชวงศ์เหนือใต้ ยุคราชวงศ์สุย ยุคราชวงศ์ถัง
5 ราชวงศ์ 10 แคว้น ยุคราชวงศ์ซ่ง ยุคราชวงศ์หยวน ยุคราชวงศ์หมิง ยุคราชวงศ์ชิง
ราชวงศ์ชิง (ปีคริสตศักราช 1616 – ปีคริสตศักราช 1911)
จักรพรรดิหนุ่ม
จักรพรรดิคังซีได้ขึ้นครองราชย์เมื่อมีพระชนมายุได้ 8 พรรษา ตอนนั้น เอ๋าไป้ กุมอำนาจในวัง วันหนึ่งฆ่าขุนนางฝ่ายบุ๋นอีกวันฆ่าคนนางฝ่ายบู๊ตามอำเภอใจ ไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา และหวังว่าสักวันหนึ่งตนจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน มีอยู่วันหนึ่งเอ๋าไป้กำลังคิดจะฆ่าขุนนางอีกคนหนึ่ง แต่จักรพรรดิคังซีมิทรงเห็นชอบด้วย เค้าโมโหมากเดินขึ้นไปที่ราชบัลลังก์จับฉลองพระองค์ขององค์จักรพรรดิคังซีเอาไว้ แล้วตะโกนว่า “ ข้าพระองค์สั่งให้ประหาร ก็ต้องประหารได้ ฝ่าบาทยังทรงพระเยาว์ จะมารู้เรื่องอันใด” เมื่อทูลจบเค้าก็เดินออกมาจากท้องพระโรง เมื่อกลับมาถึงจวนก็ได้มีคำสั่งให้ประหารขุนนางผู้นั้นเสีย
เมื่อคังซีฮ่องเต้ทรงทราบข่าวก็กริ้วอย่างยิ่ง ทรงครุ่นคิดว่าจะใช้วิธีการใดกำจัดเอ๋าไป้เสีย พระองค์คิดจะหลอกเอ๋าไป้ให้เข้าวังก่อน หลังจากนั้นหาวิธีคุมตัวให้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถสั่งการทหารได้ เพราะทั้งนอกและในพระราชวังเต็มไปด้วยสายของเอ๋าไป้ ในพระราชวัง จักรพรรดิได้ทรงชุบเลี้ยงขันทีเด็กประมาณ 10 กว่าคน พวกเค้าไม่รู้หนังสือ ฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เล็ก เป็นองครักษ์รักษาพระองค์ ทุกวันพวกเขาจะฝึกยุทธ์ร่วมกับคังซีฮ่องเต้ และพระองค์ทรงบอกแผนการของพระองค์ต่อพวกเขาซึ่งรักกันดังเช่นพี่น้องร่วมสายโลหิต
วันรุ่งขึ้น คังซีฮ่องเต้มีพระราชโองการให้เอ๋าไป้เข้าเฝ้าเล่นหมากรุกด้วยกัน เนื่องจากเอ๋าไป้ไม่เคยเห็นพระองค์อยู่ในสายตาอยู่แล้ว จึงมิได้ระแวงสงสัยแม้แต่น้อย แม้แต่ผู้ติดตามก็ไม่นำมา เมื่อเอ๋าไป้มาถึง ขันทีเด็ก 10 กว่าคนลงมือพร้อมกัน จักรพรรดิคังซีรับสั่งเสียงดังว่า “เอ๋าไป้ วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว ยังมิเข้าใจอีกหรือ ” ซึ่งกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
เมื่อคังซีฮ่องเต้กำจัดเอ๋าไป้สำเร็จ ก็ทรงโปรดให้มีราชโองการให้จับกุมครอบครัวและบริวารของเอ๋าไป้ทั้งหมดเอาไว้ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายต่างเกรงกลัว และเลื่อมใสในพระปรีชาของพระองค์ ซึ่งตอนนั้นจักรพรรดิคังซีมีพระชนมายุแค่เพียง 16 พรรษา
ยุครุ่งเรืองของสมัยจักรพรรดิคังซี และเฉียงหลง
สมัยจักรพรรดิคังซี หย่งเจิ้น และเฉียงหลง เป็นยุคที่รุ่งเรืองมากที่สุดในราชวงศ์ชิง คังซีฮ่องเต้ได้ปราบปรามการกบฏที่ชินเจียง และรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่น ทำให้ราชวงศ์ชิงมีอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลและมั่นคง
จักรพรรดิคังซีทรงให้ความสำคัญกับการเกษตร ส่งเสริมการขยายพื้นที่ทำกินก่อสร้างการชลประทาน ลดภาษีชาวนา ทำให้ทุกคนมีกิน เท่าที่พอจะสำรวจได้ ในสมัยของจักรพรรดิคังซี ได้มีการลดหย่อนการเสียภาษีทั้งหมดกว่า 500 ครั้ง นอกจากนี้พระองค์ยังทรงโปรดให้มีการรวบรวมสมุด หนังสือ “กู่จินถูซูจี๋เฉิง ” (สมุดรวมหนังสือโบราณและปัจจุบัน) หนังสือรวมบทกวีราชวงศ์ถังและพจนานุกรมจักรพรรดิคังซี เป็นต้น
เล่ากันว่าจักรพรรดิเฉียนหลงไม่ใช่พระโอรสของจักรพรรดิหย่งเจิ้น แต่เป็นบุตรชายของเศรษฐีแซ่เฉินในเมืองไห่หนิง วันที่พระสนมเอกขององค์ชายหย่งเจิ้นมีพระประสูติการพระราชธิดาองค์หนึ่ง พอดีภรรยาของเศรษฐ๊เฉินได้คลอดบุตรชายคนหนึ่ง เมื่อหย่งเจิ้นทราบก็ทรงมีราชโองการลับสั่งให้เศรษฐีเฉินอุ้มลูกเข้าเฝ้า และอ้างว่าพระสนมทรงอยากเห็ยหน้าบุตรของเศรษฐีเฉิน แล้วจึงให้ขันทีอุ้มบุตรของเศรษฐีเฉินเข้าวังฝ่ายใน หลังจากนั้นได้ทำการสับเปลี่ยนเอาพระราชธิดาให้กับเศรษฐีเฉินแทน ต่อมาเศรษฐีเฉินรู้ความจริง แต่มิกล้าขัดพระประสงค์ คาดไม่ถึงว่าบุตรชายคนนี้ของเค้าฉลาดมาตั้งแต่เกิด จึงเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิคังซี และองค์ชายหย่งเจิ้น ในที่สุดได้กลายเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์จีน ว่ากันว่าตอนที่จักรพรรดิเฉียนหลงเสร็จภาคใต้เป็นครั้งที่ 6 ก็ได้แอบไปเยี่ยมญาติที่เมืองไห่หนิง
จักรพรรดิเฉียนหลงเป็นจักรพรรดิที่มีพระปรีชาสามารถทางด้านการทหาร และทางศิลปะที่หายากในประวัติศาสตร์จีน นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นนักสะสมโบราณวัตถุชั้นเยี่ยม ได้มีพระราชโองการให้จัดทำ ซื่อคู่เฉวียนซู (หนังสือชุดรวม 4 ด้าน) ได้รวบรวมหนังสือทั้งหมด 3503 ชนิด 79337 หมวด 36304 เล่ม จำนวนหมวดของหนังสือเป็น 3 เท่าของหย่งเล่อต้าเตี่ยน เป็นที่รวบรวมมรดกทางวัฒนธรรม และแนวคิดโบราณของประเทศจีน
แต่จักรพรรดิเฉียนหลงโปรดความยิ่งใหญ่อลังการ และโปรดความเป็นอยู่ที่หรูหรา พระองค์ทรงแต่งตั้งเหอเซินเป็นเสนาบดีนานถึง 20 ปี เหอเซินผู้นี้เป็นขุนนางกังฉินที่ฉ้อราษฏร์บังหลวงมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ในช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ดำรงตำแหน่งเสนาบดี ขุนนางทั้งใหญ่น้อยต่างก็โกงกินกันทั้งสิ้น ทำให้บ้านเมืองไม่สงบ ราชวงศ์ชิงที่เคยรุ่งเรืองที่สุดกลับเสื่อมลงสู่ความพินาศ
จักรพรรดิองค์สุดท้าย
เดือนพฤษจิกายน ปี ค.ศ.1908 ก่อนที่พระนางซูสีสวรรคต์เพียงวันเดียว พระนางได้โปรดแต่งตั้งจักรพรรดิปูยีเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป ซึ่งจักรพรรดิปูยีคือจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง
ค.ศ.1911 ซุนจงซานได้ก่อการปฏิวัติซินไห้ ในวันที่ 12 เดือนกุมภาพันธ์ ปีถัดมาจักรพรรดิปูยีมีพระราชโองการสละราชบัลลังก์ โดยยังอาศัยอยู่ในพระราชวังซึ่งเป็นการประกาศว่าราชวงศ์ชิงได้สิ้นสุดลง ระบบกษัตริย์ที่มีมายาวนานกว่า 4000 ปีก็ได้สิ้นสุดลงไปด้วย
ในวันที่ 5 พฤษจิกายน ค.ศ. 1924 จักรพรรดิปูยีเดินทางออกจากพระราชวังและลี้ภัยไปที่ประเทศญี่ปุ่น หลังจากเดินทางได้ไม่นานก็ไปถึงเทียนสินภายใต้การคุ้มครองของญี่ปุ่น วันที่ 1 มีนาคม ค.ศ.1932 ด้วยการวางแผนของญี่ปุ่น จักรพรรดิปูยีได้ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิราชอาณาจักรหม่านโจว ตกเป็นหุ่นเชิดของญี่ปุ่นในการรุกรานภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ญี่ปุ่นยอมจำนน จักรพรรดิปูยีถูกคุมขังในฐานะเชลยศึก ต่อมาได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระและถูกถอดให้เป็นสามัญชนธรรมดา ซึ่งจักรพรรดิผปูยีนับเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายในประวัติศาสตร์จีน
แหล่งอ้างอิง http://www.thaichinese.net/History/Imperial/Imperial2/Imperial3/imperial3.html#Qing http://www.thaisamkok.com/china-dynasty-23.shtml http://www.oknation.net/blog/print.php?id=236556