user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('สาธารณะรัฐประชาชนจีน', 'node/79404', '', '18.188.95.232', 0, 'f94d2114412fb7f903400763eae81b33', 159, 1720197605) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.

ประวัติศาสตร์จีนยุคโบราณ

รูปภาพของ sss27520

 


                อารยธรรมจีนเริ่มต้นเมื่อ ถ้าจะยึดตามตำนานจีน   ประวัติศาสตร์เริ่มหน้าจาก “ผานกู่” ซึ่งเป็นผู้สร้างจักรวาล พระเจ้าแผ่นดินและผู้นำอันชาญฉลาด(ในหมู่พระเจ้าแผ่นดินยุคโบราณที่เป็นที่รู้จักรคือ พระเจ้าฮ๋วงตี้ 黄帝 หยาวตี้ เป็นต้น) ผู้ซึ่งสอนชาวจีนยุคโบราณรู้จักการสื่อสารระหว่างกัน หุงหาอาหาร เครื่องนุ่งห่มและสร้างที่อยู่อาศัย

盘古开天地 (Pan Gu kai tian di)

ตำนานผานกู่ เบิกฟ้าผ่าพิภพ

ที่มาของรูปภาพ http://cn.yimg.com/ncp/128_1131934550.jpg

คนจีนเชื่อว่าจักรวาลในบุพกาล ก่อนที่มนุษยชาติจะถือกำเนิด ฟ้าและดินได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน ทั่วสี่ทิศล้วนมืดมิด มีสภาพคล้ายไข่ไก่ บรรพบุรุษของมวลมนุษย์ นามว่า 盘古 ผานกู่ (Pan Gu) ได้ถือกำเนิดขึ้นจากกลุ่มเมฆหมอก

18,000 ปีผ่านไป ผานกู่ผู้รู้แจ้งทุกสรรพสิ่ง ทรงพลังไร้ขีดจำกัด ก็ได้ตื่นขึ้นมาเนื่องจากมองไม่เห็นอะไรเลย  รู้สึกร้อนจนทนไม่ไหว หายใจไม่ค่อยออก คิดอยากจะยืนขึ้น แต่เปลือกไข่แข็งล้อมรอบตัวจนไม่สามารถยืดเท้ายืดมือได้แม้นิดเดียว  ผานกู่จึงบันดาลโทสะ คว้าขวานที่เกิดมาคู่กับเขา นำมาเหวี่ยงไปเบื้องหน้าสุดแรง เสียงครืนครั่นพลันดัง “ไข่ไก่ฟองใหญ่” ได้ปริแตก แล้วส่วนที่ใสและเบา(ไข่ขาว)ก็ได้ลอยขึ้นไป ค่อยๆกลายเป็นท้องฟ้า ส่วนที่หนักและขุ่นข้น(ไข่แดง)ก็ได้จมลง และค่อยๆจับตัวกันเป็นแผ่นดิน

ผานกู่เกรงว่าผืนฟ้าและแผ่นดินจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง จึงยืนหยัดอยู่ตรงกลาง ใช้เท้าเหยียบแผ่นดิน ใช้ศีรษะยันแผ่นฟ้า ท้องฟ้าสูงขึ้นวันละหนึ่งจ้าง(2 เมตรเศษ) แผ่นดินหนาขึ้นวันละหนึ่งจ้าง ร่างกายของผานกู่ก็เปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน ผานกู่นี้ ตัวโตเร็วมาก สูงขึ้นได้ถึงวันละ 1 จ้าง หรือ 3.33 เมตร ผานกู่กลายเป็นยักษ์ที่ยืนค้ำฟ้าเอาไว้ กว่าที่ผานกู่สิ้นลม ประมาณว่าระยะทางระหว่างฟ้าดินห่างกันราว 90,000 ลี้ หรือประมาณ 45,000 กิโลเมตร

ฟ้ากับดินที่ผานกู่ไปขั้นไว้นั้น ฟ้าเปรียบได้กับเพศชาย เรียกว่า หยาง(阳Yang) ซึ่งแสดงถึงความอบอุ่น แสงสว่างตรงข้ามกับหยิน(阴Yin)ซึ่งเปรียบได้เหมือนเพศหญิง ซึ่งแสดงถึงความมืดและความหนาวเย็นนั่นเอง

ส่วนดินที่ผานกู่ใช้เท้ายันไว้ เล่ากันว่ามีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมหาสมุทรอยู่ล้อมทั้งสี่ด้าน เรียกได้ว่าเป็นด้านล่างของเปลือกไข่ ส่วนท้องฟ้าที่เป็นด้านบนของไข่นั้น มีรูปเหมือนชามคว่ำ มีพระอาทิตย์ 10 ดวง มีพระจันทร์ 12 ดวง ลอยไปลอยมาใต้รูปชามคว่ำฝา เนื่องจากพระอาทิตย์มีถึง 10 ดวง เลยต้องมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปปรากฏตัวบนท้องฟ้าโดยพระอาทิตย์จะนั่งรถทรง มีหมู่มังกรลาก รุ่งอรุณที่พระอาทิตย์ต้องทำหน้าที่ก็จะค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหุบเขาแสงสว่าง แล้วไปสรงน้ำที่ทะเลสาบสุดขอบของจักรวาลด้านตะวันออก พอสรงสนานเสร็จ ก็จะปีนต้นไม้ที่อยู่ข้างทะเลสาบ อีก 9 ดวงที่ไม่มีหน้าที่ก็ปีนอยู่แถวกิ่งล่างๆ ดวงที่เข้าเวรก็ปีนอยู่แถวบนๆ เพื่อรอขึ้นไปทำหน้าที่ต่อ พอรถมารับพระอาทิตย์ก็นั่งรถไปเรื่อยๆจนถึงขอบตะวันตก ส่วนพระจันทร์ก็ใช่ย่อยไม่น้อยหน้ามีรถทรงเหมือนกัน แต่วิ่งสลับทางกัน พระจันทร์นั่งรถจากทางทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก

 

 

 

แหล่งอ้างอิง http://www.thaichinese.net/History/Ancient/ancient.html  http://gotoknow.org/blog/nuhanyu/308709 http://www.mythland.org/v3/thread-3099-1-1.html

 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 572 คน กำลังออนไลน์