ดนตรี
มหากาพย์ของโฮเมอร์ เป็นวรรณคดีสำคัญซึ่งชาวกรีกนำมาขับร้อง ผู้ที่ขับร้องมหากาพย์จะดีดพิณชนิดหนึ่ง (Iyre) คลอการขับร้อง ลักษณะการขับร้องนี้เรียกว่าบาดส์ (Bards) ศิลปินเหล่านี้พำนักอยู่ตามคฤหาสน์ของขุนนาง ถือเป็นนักดนตรีอาชีพ ขับกล่อมบทมหากาพย์โดยใช้ทำนองโบราณซึ่งเป็นท่อนสั้นๆ แต่มีการแปรทำนองหลายเบบ นอกจากนี้ยังมีดนตรีพื้นเมือง (folk song) ซึ่งมีลักษณะเป็นเพลงของพวกเลี้ยงแกะที่เป่า panpipes (เครื่องดนตรีชนิดคล้ายแคน) เพื่อกล่อมฝูงแกะ และยังมีดนตรีของชาวเมือง (music of the community) ในลักษณะของคณะนักร้อง (chorus) ขับร้องเพลงในพิธีทางศาสนาต่างๆ เช่น พิธีแต่งงาน พิธีศพ ฯลฯ หรือในดอกาสต่างๆ เช่น ในงานฉลองชัย เป็นต้น คณะนักร้องสมัครเล่นเหล่านี้มักจะจ้างพวกบาดส์ให้มาดีด kithara (ซึ่งเป็นเครื่องดีดชนิดคล้าย lyre) คลอประกอบ
ต่อมาในสมัยศตวรรษที่ 7-5 ก่อนคริสต์ศักราช ได้มีความนิยมแนวใหม่มาจากแถบ
ไอโอเนียน คือ แทนที่จะขับร้องมหากาพย์เพื่อสรรเสริญเทพเจ้าตามแบบเดิม เขาได้แต่งบทร้อยกรอง เล่าถึงชีวิต ความรัก สงคราม ของคนทั่วๆไป หรือเลือกเอาเรื่องอื่นๆ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฟัง นำมาขับร้องและดีดพิณประกอบ ทำนองดนตรีนั้นก็ได้แต่งให้สอดคล้องกับบทกลอนนั้นด้วย แนวการร้องเช่นนี้ต่อมาเป็นที่นิยมกันมากในแถวรัฐสปาร์ตา
มาในราวศตวรรษที่ 6-5 ก่อนคริสต์ศักราช เอเธนส์ได้กลายเป็นศูลย์กลางของการดนตรีและการละครในแบบคลาสสิค บทละครส่วนมาก แต่งโดยกวีผู้มีความสามรถทางดนตรีด้วย จึงสามารถสร้างบทและดนตรีได้อย่างสอดคล้องกัน ที่เวทีละครจะมีที่เฉพาะสำหรับคณะนักร้องและนักดนตรี จัดไว้หน้าเวทีเรียกว่า orchestra ตามความหมายเดิม ซึ่งต่อมาในยุคหลังประมาณ ค.ศ. 1600 เมื่อชาวอิตาเลียนในยุคฟื้นฟูได้คิด opera ขึ้น คำว่า orchestra นี้ ได้ถูกนำมาใช้อีกครั้งหนึ่งในความหมายใหม่ของวงดนตรี orchestra
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ