ยุคราชวงศ์หยวน
ยุคราชวงศ์หยวน 元朝 (ค.ศ. 1279-1368)
ในตอนกลางศรรตวรรษที่ 13 มองโกลได้เข้ายึดครองตอนเหนือของจีน เกาหลี และกลุ่มประเทศมุสลิมในเอเชียกลาง รวมถึงเข้าไปตียุโรปถึงสองครั้ง ตอนหลังกุบไลข่าน (ค.ศ. 1215-1294) หลานของเจงกิสข่าน(ค.ศ. 1167-1227) ได้เข้ารุกรานอาณาจักรซ่งใต้ และได้สถาปนาราชวงศ์หยวน ซึ่งเป็นราชวงศ์แรกที่เป็นชนต่างเผ่าที่ไม่ใช่คนจีนฮั่น
ถึงแม้ชาวมองโกลจะปกครองประเทศจีน ด้วยระบบการปกครองของจีนเอง แต่ชาวจีนฮั่นเองก็รับรู้ถึงความไม่ยุติธรรมหรือเสมอภาคในด้านทาง
สังคมและการเมือง ตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ ในส่วนกลางและภูมิภาคจะถูกผูกขาดโดยชาวมองโกล และก็จ้างชาวต่างชาติ เช่นชาวเอเชียกลาง ตะวันออกกลางหรือแม้แต่ชาวยุโรป มาทำหน้าที่ในตำแหน่งที่หาชาวมองโกลมาทำไม่ได้ ในทางกลับกัน ก็จ้างชาวจีนเข้าทำหน้าที่ในดินแดนที่ไม่ใช่แผ่นดินจีน
ในช่วงที่หยวนปกครองประเทศจีนนั้น ในด้านวัฒนธรรมมีการพัฒนาจากการผสมผสานของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การพัฒนาด้านการแสดง การประพันธ์ และด้านการเขียนหนังสือที่ได้พัฒนาสู่ระดับชาวบ้านทั่วไปอย่างกว้างขวาง การติดต่อสัมพันธ์กับเอเชียตะวันตก ยุโรปเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เครื่องดนตรีตะวันตกถูกนำมาใช้ในศิลปะการแสดงของจีนศาสนาต่าง ๆ เข้าสู่ประเทศจีนและเปลี่ยนแปลงศาสนาของชาวจีนจำนวนมาก เช่นอิสลามซึ่งแพร่หลายอย่างมากในหมู่ชาวจีนทางตะวันตก โรมันคาธอลิค เนสโตเนียน เต๋า ลามะ(พุทธแบบธิเบต) อย่างไรก็ตาม ลัทธิข่งจื่อและระเบียบการสอบเข้ารับราชการ ก็ถูกฟื้นฟูนำมาใช้ใหม่ด้วยความหวังว่าจะสามารถรักษาความเป็นระเบียบในสังคมชาวฮั่นได้
ความก้าวหน้าทางวิทยาการนั้น มีการบันทึกการเดินทาง การทำแผนที่การศึกษาทางภูมิศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ของชาวจีนเช่น
ระบบการพิมพ์ การทำเครื่องปั้นดินเผา การเล่นไฟ่ การแพทย์ วรรณกรรมเป็นต้น ถูกนำไปเผยแพร่ในยุโรป ขณะเดียวกันก็นำเอาวิทยาการจากยุโรปกลับสู่ประเทศจีน เช่น การเป่าแก้ว ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาในเวลาต่อมา มีการบันทึกการเดินทางโดยชาวตะวันตกเป็นครั้งแรก และนักเดินทางที่เป็นที่รู้จักรมากที่สุดคือ มาร์โค โปโล (Marco Polo) ซึ่งบันทึกการเดินทางสู่แคมบาลัค(Cambaluc)หรือกรุงปักกิ่งในปัจจุบัน เมืองหลวงของท่านข่านผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งทำให้ชาวยุโรปประหลาดใจและทึ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่ของที่นั่น
ชาวมองโกลได้ขยายส่วนงานสาธารณูปโภค เช่นถนน การคมนาคมทางน้ำ ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น ยุ้งฉางถูกสร้างขึ้นทั่งอาณาจักรเพื่อป้องกันการ
ขาดแคลนอาหาร พระราชวังในกรุงปักกิ่งถูกสร้างใหม่ โดยมีการสร้างสระน้ำ สวนหย่อม เนินเขาภายในวังด้วย ในยุคของหยวนนั้น กรุงปักกิ่ง
เป็นศูนย์กลางของการคมนาคมทางน้ำ เนื่องจากคลองขุดทุกสายจะมาบรรจบที่นี่ จากความรุ่งเรืองของกรุงปักกิ่ง ทำให้ต่างชาติมุ่งหน้าสู่จีน ทั้งทางบกและทางทะเล
ชนชั้นปกครองของราชวงศ์หยวนก็ได้ดำเนินนโยบายกดขี่ดถูกชนชาติอื่นที่มิใช่ชาวมองโกล จึงได้มีการแบ่งประชาชนออกเป็นสี่วรรณะด้วยกัน วรรณะแรกคือชาวมองโกล ต่อมาคือชาวเสื้อมู่ (ชาวต่างชาติ) วรรณะชาวฮั่น และสุดท้ายคือชนกลุ่มน้อยทางตอนใต้ของจีน บุคคลในวรรณะต่างๆ จะมีสิทธิประโยชน์ในเรื่องของการเมือง ฐานะทางสังคม และทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน ชาวมองโกลห้ามชาวฮั่นร่วมงานล่าสัตว์ ห้ามประกอบพิธีทางศาสนา ห้ามมีอาวุธในครอบครอง เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ประชาชนทั้งหลายจึงได้ก่อการปฏิวัติขึ้นมา ราชวงศ์หยวนเป็นอาณาจักรแรกในประวัติศาสตร์จีนที่มีชนกลุ่มน้อยเป็นผู้ปกครองประเทศ