• user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('บัญชีผู้ใช้', 'user/login', '', '18.118.193.7', 0, 'c61316d8a50f5e6d5206cc3be12489b5', 160, 1715930908) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:e340f8676423dbed4b814e207b8dcbcf' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<img height=\"150\" width=\"450\" src=\"/files/u40880/head_____________________________0.jpg\" border=\"0\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/83316\"><img height=\"50\" width=\"150\" src=\"/files/u40880/_neww.jpg\" border=\"0\" /></a> <a href=\"/node/83835\"><img height=\"50\" width=\"150\" src=\"/files/u40880/_new_0.jpg\" border=\"0\" /></a> <a href=\"/node/83837\"><img height=\"50\" width=\"150\" src=\"/files/u40880/_new_1.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/83839\"><img height=\"50\" width=\"150\" src=\"/files/u40880/_new_2.jpg\" border=\"0\" /></a> <a href=\"/node/84034\"><img height=\"50\" width=\"150\" src=\"/files/u40880/_new_3.jpg\" border=\"0\" /></a> <a href=\"/node/83840\"><img height=\"50\" width=\"150\" src=\"/files/u40880/_new_4.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n <a href=\"/node/84871\"></a> <a href=\"/node/84874\"><img height=\"50\" width=\"150\" src=\"/files/u40880/_new_7.jpg\" border=\"0\" /></a> <a href=\"/node/86395\"><img height=\"50\" width=\"150\" src=\"/files/u40880/_new_8.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n       ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 การดื่มชาแพร่หลายไปสู่ประเทศทางตะวันตกและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งแต่ละประเทศมีประเพณีและวัฒนธรรมการดื่มชาแตกต่างกัน\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"background-color: #ffcc99; color: #0000ff\"><strong> ประเพณีการดื่มชา</strong></span>         \n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"300\" width=\"400\" src=\"/files/u40880/1268890508.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 238px; height: 158px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://www.bloggang.com/data/c/chaipung/picture/1268890508.jpg\">http://www.bloggang.com/data/c/chaipung/picture/1268890508.jpg</a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n        ชาเขียวแม้จะเพิ่งโด่งดังในประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม แต่วัฒนธรรมการดื่มชามีมานานนับพันปีแล้ว โดยจีนเป็นชนชาติแรกที่รู้จักการดื่มชา ผลิตชา และทำไร่ชามาก่อนชาติอื่นใดมากกว่า 2,000 ปีแล้ว มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับชาในประเทศต่างๆ ในเวลาต่อมา การดื่มชาของคนในเอเชีย ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะการคัดเลือก การผลิต การชิม และวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจากการดื่มชานั้น ซับซ้อนไม่น้อยไปกว่าการดื่มไวน์ของคนชาติตะวันตกเลย<br />\n        ในวัฒนธรรมการดื่มชาของคนจีน ชาเป็นสัญลักษณ์ของมิตรไมตรี และการต้อนรับด้วยความยินดี เมื่อมีแขกมาเยือนถึงที่บ้าน ต้องต้อนรับด้วยชาร้อนหนึ่งถ้วย ซึ่งถือเป็นมิตรไมตรีอันอบอุ่นจากเจ้าของบ้านที่จะขาดเสียมิได้ ในอดีตเรามีร้านอาหารและร้านค้ามากมายที่แสดงไมตรีต่อลูกค้าโดยการเสิร์ฟชาให้ดื่ม<br />\n  <br />\n       ปัจจุบันธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านี้แทบจะหาดูได้ยาก นอกจากชาวจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งดื่มชาต่างน้ำแล้ว ประเทศทางตะวันออกกลางอย่าง ตุรกี อิรัก อียิปต์ ซีเรีย จอร์แดน ฯลฯ ก็ดื่มชากันมากเหมือนกัน\n</p>\n<p align=\"center\">\n<br />\n<strong>  <br />\n<span style=\"background-color: #ffcc99; color: #0000ff\"> ชากับชาวจีน</span></strong>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<strong><span style=\"background-color: #ffcc99; color: #0000ff\"></span></strong>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"305\" width=\"300\" src=\"/files/u40880/hana-ocha02.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 216px; height: 219px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://www.school-ces.com/private_folder/Tae/hana-ocha02.jpg\">http://www.school-ces.com/private_folder/Tae/hana-ocha02.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<br />\n    ธรรมเนียมการดื่มชาของชาวจีน แบ่งออกได้เป็น 3 ยุค สำคัญ ได้แก่:\n</p>\n<p>\n1) <strong>สมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1161-1450)<br />\n</strong>        การดื่มชาเป็นที่รู้จักกันเฉพาะในภาคใต้ของประเทศจีน ต่อมาในสมัยราชวงศ์ถังนี่เองที่คนจีนนิยมดื่มชากันทั้งภาคเหนือ และภาคใต้ แต่กรรมวิธีชงชาในสมัยราชวงศ์ถังผิดแผกแตกต่างจากชาที่เรารู้จัก สมัยนั้นเขาจะเอาใบชาไปนึ่งกับข้าว เติมเกลือ ขิง เปลือกส้ม และเครื่องเทศ แล้วปั้นเป็นก้อนละลายน้ำร้อนดื่ม\n</p>\n<p>\n2) <strong>สมัยราชวงศ์ซ้อง (พ.ศ. 1503-1823)<br />\n</strong>        การชงชาได้เปลี่ยนจากก้อนชานึ่ง มาเป็นใบชาแห้งนำมาโม่จนเป็นผง แล้วชงกับน้ำร้อน ในยุคนี้เอง ที่คนจีนเริ่มวัฒนธรรมจิบน้ำชาพรางร่ายกวีอย่างพลิดเพลิน พระสงฆ์ก็หันมาชงชาเพื่อช่วยสร้างศีล สมาธิและปัญญา ญี่ปุ่นได้เรียนวิธีชงชาผงจากจีน และได้พัฒนาเป็นศิลปะการชงน้ำชาของตนเองขึ้น ในขณะเดียวกันที่คนจีนลืมวิธีทำและชงชาผงไปหลังจากที่พวกตาดรุกรานจีน และอารยธรรมจีนของราชวงศ์ซ้องถูกทำลายไปสิ้น\n</p>\n<p>\n3) <strong>สมัยราชวงศ์หยวน (พ.ศ. 1823-1911)<br />\n</strong>        คนจีนหันมาชงชาด้วยใบชาซึ่งต้องชงในป้าน ป้านชาช่วยกรองเศษชาไม่ให้หล่นลงจองขณะริน ผิดกับชาผงที่ชงดื่มในถ้วยได้ไม่ต้องรินจากป้าน<br />\n        ป้านคือเครื่องเครียบชั้นดีมีเนื้อบางเฉียบ เกิดขึ้นเพื่อใช้ดื่มชา ชาเริ่มแพร่หลายออกไปนอกแผ่นดินจีน ทำให้ชาเป็นที่รู้จักกันในหมู่อาหรับ ซึ่งติดต่อการค้ากับจีนมาก่อนชาวยุโรป\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/81960\"><img height=\"100\" width=\"100\" src=\"/files/u40880/home_sweet.jpg\" border=\"0\" /></a><br />\n \n</p>\n', created = 1715930918, expire = 1716017318, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:e340f8676423dbed4b814e207b8dcbcf' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

วัฒนธรรมการดื่มชา

  

  

   

 

       ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 การดื่มชาแพร่หลายไปสู่ประเทศทางตะวันตกและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งแต่ละประเทศมีประเพณีและวัฒนธรรมการดื่มชาแตกต่างกัน

 

 ประเพณีการดื่มชา         

 

http://www.bloggang.com/data/c/chaipung/picture/1268890508.jpg

 

        ชาเขียวแม้จะเพิ่งโด่งดังในประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม แต่วัฒนธรรมการดื่มชามีมานานนับพันปีแล้ว โดยจีนเป็นชนชาติแรกที่รู้จักการดื่มชา ผลิตชา และทำไร่ชามาก่อนชาติอื่นใดมากกว่า 2,000 ปีแล้ว มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับชาในประเทศต่างๆ ในเวลาต่อมา การดื่มชาของคนในเอเชีย ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะการคัดเลือก การผลิต การชิม และวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจากการดื่มชานั้น ซับซ้อนไม่น้อยไปกว่าการดื่มไวน์ของคนชาติตะวันตกเลย
        ในวัฒนธรรมการดื่มชาของคนจีน ชาเป็นสัญลักษณ์ของมิตรไมตรี และการต้อนรับด้วยความยินดี เมื่อมีแขกมาเยือนถึงที่บ้าน ต้องต้อนรับด้วยชาร้อนหนึ่งถ้วย ซึ่งถือเป็นมิตรไมตรีอันอบอุ่นจากเจ้าของบ้านที่จะขาดเสียมิได้ ในอดีตเรามีร้านอาหารและร้านค้ามากมายที่แสดงไมตรีต่อลูกค้าโดยการเสิร์ฟชาให้ดื่ม
  
       ปัจจุบันธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านี้แทบจะหาดูได้ยาก นอกจากชาวจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งดื่มชาต่างน้ำแล้ว ประเทศทางตะวันออกกลางอย่าง ตุรกี อิรัก อียิปต์ ซีเรีย จอร์แดน ฯลฯ ก็ดื่มชากันมากเหมือนกัน


  
 ชากับชาวจีน

http://www.school-ces.com/private_folder/Tae/hana-ocha02.jpg


    ธรรมเนียมการดื่มชาของชาวจีน แบ่งออกได้เป็น 3 ยุค สำคัญ ได้แก่:

1) สมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1161-1450)
        การดื่มชาเป็นที่รู้จักกันเฉพาะในภาคใต้ของประเทศจีน ต่อมาในสมัยราชวงศ์ถังนี่เองที่คนจีนนิยมดื่มชากันทั้งภาคเหนือ และภาคใต้ แต่กรรมวิธีชงชาในสมัยราชวงศ์ถังผิดแผกแตกต่างจากชาที่เรารู้จัก สมัยนั้นเขาจะเอาใบชาไปนึ่งกับข้าว เติมเกลือ ขิง เปลือกส้ม และเครื่องเทศ แล้วปั้นเป็นก้อนละลายน้ำร้อนดื่ม

2) สมัยราชวงศ์ซ้อง (พ.ศ. 1503-1823)
        การชงชาได้เปลี่ยนจากก้อนชานึ่ง มาเป็นใบชาแห้งนำมาโม่จนเป็นผง แล้วชงกับน้ำร้อน ในยุคนี้เอง ที่คนจีนเริ่มวัฒนธรรมจิบน้ำชาพรางร่ายกวีอย่างพลิดเพลิน พระสงฆ์ก็หันมาชงชาเพื่อช่วยสร้างศีล สมาธิและปัญญา ญี่ปุ่นได้เรียนวิธีชงชาผงจากจีน และได้พัฒนาเป็นศิลปะการชงน้ำชาของตนเองขึ้น ในขณะเดียวกันที่คนจีนลืมวิธีทำและชงชาผงไปหลังจากที่พวกตาดรุกรานจีน และอารยธรรมจีนของราชวงศ์ซ้องถูกทำลายไปสิ้น

3) สมัยราชวงศ์หยวน (พ.ศ. 1823-1911)
        คนจีนหันมาชงชาด้วยใบชาซึ่งต้องชงในป้าน ป้านชาช่วยกรองเศษชาไม่ให้หล่นลงจองขณะริน ผิดกับชาผงที่ชงดื่มในถ้วยได้ไม่ต้องรินจากป้าน
        ป้านคือเครื่องเครียบชั้นดีมีเนื้อบางเฉียบ เกิดขึ้นเพื่อใช้ดื่มชา ชาเริ่มแพร่หลายออกไปนอกแผ่นดินจีน ทำให้ชาเป็นที่รู้จักกันในหมู่อาหรับ ซึ่งติดต่อการค้ากับจีนมาก่อนชาวยุโรป

 


 

สร้างโดย: 
นางสาวธัญญาเรศ แซ่ล้อ - นางสาววิภาดา จิระรัตนกุล

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 264 คน กำลังออนไลน์