ก้าวสู่จีนยุคใหม่
สงครามฝิ่น (ค.ศ. 1839-1842)
ระหว่างศรรตวรรษที่ 18 ชา ซึ่งเป็นเครื่องดื่มชนิดใหม่สำหรับโลกตะวันตกเป็นที่ต้องการอย่างมหาศาลในตลาดยุโรปและอเมริกา ขณะเดียว
กัน ความต้องการผ้าไหมจีนและเครื่องปั้นดินเผาจีน ก็มีความต้องการ-อย่างต่อเนื่อง แต่ประเทศจีนซึ่งยังมีกำลังผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงทำให้พ่อค้าตะวันตก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษเกิดความไม่พอใจ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ชาวอังกฤกจึงหาวิธีทำการค้าใหม่โดยการนำสินค้าไปแลกเปลี่ยนกับวัตถุดิบในประเทศอินเดียและประเทศแถบเอเชียอาคเนย์ แล้วนำวัตถุดิบมาผลิตเป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูปไปขายในกว่างโจวต้นศรรตวรรษที่ 19 ฝ้ายดิบและฝิ่นดิบจึงเป็นสินค้าหลักที่นำเข้าสู่กว่างโจว แต่เนื่องจากประเทศจีนมีกฏหมายห้ามนำเข้าฝิ่น ทางอังกฤกจึงนำ-เข้าอย่างลับ ๆ โดยผ่านพ่อค้าจีนบางคนที่เห็นแก่ได้หรือผ่านข้าราชการ
ที่โกงกิน
หลังจากรัฐบาลชิงประสบความล้มเหลวในการรณณรงค์ต่อต้านฝิ่น จึงได้แต่งตั้งหลินเจ๋อสู 则徐 (ค.ศ. 1785-1850) ไปกว่างโจว เพื่อปราบปรามเส้นทางลำเลียงฝิ่น หลินประกาศให้ผู้ที่ครอบครองฝิ่นให้เอาออกมามอบให้ทางการภายในสามวัน เมื่อพ้นกำหนดจึงได้เข้ายึดคลังสต๊อกฝิ่นจากพ่อค้าคนจีน และเข้าล้อมชุมชนชาวต่างชาติเพื่อเข้ายึดฝิ่นของชาวอังกฤษจำนวนถึง 20,000 ลังและเผาทิ้งทั้งหมด ชาวอังกฤกไม่พอใจอย่างมาก รัฐบาลอังกฤกจึงส่งเรือรบ 40 ลำ พร้อมด้วยกำลังทหารกว่า 4000 นายเข้าตีประเทศจีนจากปากอ่านจูเจียง 珠江 จากการที่รัฐบาลชิงไม่ได้เตรียมการสำหรับสงคราม และประเมินกำลังฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไป รัฐบาลชิงจึงพ่ายแพ้ และถูกบังคับเซ็นสนธิสัญญาหนานจิง 南京条约 ในปี 1842 ซึ่งเซ็นบนเรือรบของอังกฤษ บังคับให้รัฐบาลจีนยกเกาะฮ่องกงให้อังกฤษ บังคับให้เปิดเมืองท่า 5 แห่งให้กับอังกฤษ บัง-คับให้เก็บภาษีเพียง 5 เปอร์เซ็น ให้สิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้กับอังกฤษ และชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมาก และยังบังคับให้เปิดช่องให้สิทธิพิเศษแก่อังกฤษ ถ้าหากจีนสิทธิพิเศษใด ๆ แก่ประเทศอื่นใน-ขณะนั้นหรือในอนาคต จะต้องให้แก่อังกฤษด้วย สนธิสัญญานี้ชาวจีนเรียกว่า “ความอัปยศแห่งชาติ” และเป็นเหตุนำสู่การสงคราม การรุกรานและสุดท้ายเกิดสนธิสัญญาอัปยศแก่ต่างชาติต่อ ๆ มา
แหล่งอ้างอิง http://www.thaichinese.net/History/Modern/modern.html http://www.thaichinese.net/History/Modern/OpiumW/opiumw.html
- « แรก
- ‹ หน้าก่อน
- 1
- 2