ฉบับที่6
ฉบับที่ 6 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2495
หลังจากที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 ถูกใช้ได้เพียง 2 ปีเศษ ก็มีการทำรัฐประหาร เพื่อนำเอารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 กลับมาใช้อีกครั้ง โดยอ้างว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 นั้น ให้สิทธิเสรีภาพมากจนเกินไป ทำให้ไม่สามารถป้องกันภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ ส่วนเหตุผลที่แท้จริง ก็คือ ปรากฏว่ามีข้อห้ามข้าราชการประจำเป็นสมาชิกรัฐสภา และรัฐมนตรี การห้ามสมาชิกรัฐสภาและรัฐมนตรีหาประโยชน์จากรัฐ ทำให้ผู้บัญชาการทหาร ซึ่งประสงค์จะเป็นรัฐมนตรีไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ นั่นเอง จึงได้เกิดการรัฐประหารนำรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2475 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (พ.ศ. 2482 กับ พ.ศ. 2483) มาใช้แทนเป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน และให้สภาผู้แทนราษฎรประชุมปรึกษาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อใช้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวรต่อไป ซึ่งก็ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 24 คน เมื่อได้ดำเนินการเสร็จแล้ว จึงได้เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร และสภามีมติเห็นชอบ จึงได้ประกาศมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2495 ประกอบด้วยบทบัญญัติทั้งหมด 123 มาตรา โดยมีบทบัญญัติเดิมของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2475 อยู่เพียง 41 มาตราเท่านั้น นอกนั้นอีก 82 มาตรา เป็นบทบัญญัติที่เขียนเพิ่มเติมขึ้นใหม่ ซึ่งบทบัญญัติใหม่ดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่ก็นำมาจากรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2492
ฉะนั้น รัฐธรรมนูญฉบับที่ 6 นี้ จึงมีลักษณะผสมผสานกันระหว่างรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับข้างต้น นั่นเองอนึ่ง ตามคำปรารภของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้ระบุถึงบุคคลที่นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้แก่ คณะบริหารประเทศชั่วคราว พร้อมด้วยข้าราชการทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และพลเรือน คณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 คณะรัฐประหาร พ.ศ. 2490 และผู้รักชาติ
ในระหว่างที่มีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปได้ประมาณ 5 ปี ก็ได้เกิด การเลือกตั้งสกปรก ขึ้นเป็นประวัติการณ์ เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งไม่สุจริต มีการโกงการเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครพรรคเสรีมนังคศิลาของจอมพล ป. โดยเฉพาะตามหน่วยเลือกตั้งหลายหน่วยในจังหวัดพระนคร กรณีนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คณะรัฐประหารภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2500 และประกาศยุบเลิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 ประเภท แต่ก็มิได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ทว่ายังคงให้ใช้รัฐธรรมนูญต่อไป ในขณะเดียวกัน ก็กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกประเภทที่ 1 ภายใน 90 วัน เมื่อเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลับปรากฏว่าการบริหารราชการแผ่นดินก็ไม่เป็นไปโดยราบรื่นนัก
ในที่สุด รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็จึงได้ถูก "ฉีกทิ้ง" เสีย เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2501 โดยการทำรัฐประหารอีกครั้งหนึ่งของคณะรัฐประหารชุดเดิม ซึ่งมีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้า รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ทั้งสิ้น 6 ปี 7 เดือน 12 วัน
หลักการสำคัญ
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2495 มีหลักการผสมระหว่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 กับ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 ดังมีสาระสำคัญ ดังนี้
1) ให้มีคณะองคมนตรีตามเดิม
2) คงแนวนโยบายแห่งรัฐไว้เหมือนเดิม
3) ใช้ระบบสภาเดียว คือ สภาผู้แทนราษฎร (มีคำว่า ราษฎร มาต่อท้าย) แต่ในระหว่างใช้บทเฉพาะกาลมีสมาชิก 2 ประเภท คือ สมาชิกประเภทที่ 1 ราษฎรเลือกตั้งโดยตรง อยู่ในวาระ 5 ปี และสมาชิกประเภทที่ 2 พระมหากษัตริย์แต่งตั้ง
4) เลิกข้อห้ามสมาชิกรัฐสภาและรัฐมนตรีหาประโยชน์จากรัฐ และเลิกข้อห้ามไม่ให้รัฐมนตรีเป็นข้าราชการประจำ
5) การแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นรัฐมนตรี จะไม่ทำให้ผู้นั้นจำต้องออกจากสมาชิกภาพ
6) รับรองสิทธิและเสรีภาพของปวงชนน้อยกว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 และได้เพิ่มข้อจำกัดการใช้สิทธิเสรีภาพ มิให้ ใช้เป็นปรปักษ์ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ