ยุคราชวงศ์โจว

รูปภาพของ sss27520

ราชวงศ์โจวตะวันตก

      เล่ากันว่าพระเจ้าโจวเหวินหวัง (จีซาง) เป็นเจ้าเมืองที่มีความสามารถอีกทั้งมีคุณธรรมสูงส่ง ท่านได้พัฒนาเครื่องหมาย ปา กว้า ที่ฝูซีประดิษฐ์ขึ้นมา เป็นเครื่องหมาย 64 เครื่องหมาย เพื่อนำมาอธิบายกฎการเปลี่ยนแปลงของบุคคล เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคม จีซางได้รวบรวมสิ่งที่พระองค์ได้ค้นพบมาเป็นหนังสือชื่อว่า"โจวอี้"

          โจวมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เดิมอาศัยอยู่ในแถบเสียกาน ต่อมาอพยพไปตั้งรกรากยังโจวหยวน  ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอำเภอฉีซานมณฑลส่านซีของจีน เมื่อ 1100 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชนเผ่าต้นตระกูลโจวก็มีขุมกำลังเข้มแข็งขึ้น พวกเขาทางหนึ่งรวบรวมรัฐเล็ก ๆรอบข้างเข้ามา อีกทางหนึ่งโยกย้ายนครหลวงจากโจวหยวนมายังดินแดนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเฟิง หรืออำเภอฉางอานในปัจจุบัน โดยตั้งเป็นเมืองเฟิงจิง  จากนั้นแพร่ขยายอิทธิพลไปทางทิศตะวันออก ทำให้เกิดข้อพิพาทกับราชวงศ์ซาง ขณะนั้นราชวงศ์ซาง อยู่ในรัชสมัยของตี้ซิ่งหรือซังโจ้วนั้น ได้กักขังจีซาง (หรือต่อมาเป็นโจวเหวินหวังผู้นำของราชวงศ์โจว)ไว้ที่โหย่วหลี่มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ขุนนางของโจวถวายหญิงงามและเพชรนิลจินดามากมายให้แก่ซัง ซังโจ้วจึงยอมปล่อยตัวจีซาง (ซีป๋อชั่ง) เมื่อ จีซาง (ซีป๋อชั่ง) กลับถึงรัฐของตน ก็เร่งระดมพลเพื่อยกทัพบุกซัง ในเวลานั้น การเมืองภายในราชวงศ์ซัง (ซาง) ล้มเหลวฟอนเฟะ เกิดการแตกแยกทั้งภายในนอก โจวเหวินหวัง  เห็นว่าสถานการณ์ใกล้ถึงจุดจบแล้ว แต่ยังไม่ทันพบกับชัยชนะ ขณะพระองค์ใกล้สิ้นลมได้กำชับสั่งเสียให้บุตรชายไท่จื่อฟา (จีฟา) หรือโจวอู่หวัง  รวบรวมไพร่พลยกทัพบุกซัง ในตอนที่พระองค์ยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น ได้พบกับผู้มีความสามารถผู้หนึ่ง นามว่า เจียงจื่อหยา หรือ เจียงไท่กง (หรือบางคนเรียก เจียง กู แหย) ภายใต้การช่วยเหลือของเจียงจื่อหยา ทำให้ราชโอรสของพระเจ้าโจวเหวินหวัง ซึ่งก็คือพระเจ้าโจวอู่หวัง (จีฟา) เมื่อขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากโจวเหวินหวัง ก็กรีฑาทัพครั้งใหญ่โดยมี พลรถ 300 พลทหารราบ 450,000 หน่วยกล้าตาย 3,000 มุ่งสู่ตะวันออก ระหว่างทางบรรดารัฐเล็ก ๆได้แก่ ยง  สู  เชียง  จง  เวย  หลู  เผิง  ผู  เป็นต้น ต่างยอมสวามิภักดิ์เข้าร่วมกับกองทัพ โจวอู่หวังได้ประกาศโทษทัณฑ์ความผิดของซังโจ้ว ซังโจ้วจึงจัดทัพ 170,000 ออกมาสู้รบด้วยโจวอู่หวัง ทว่าเหล่าทหารของซังไม่มีกำลังใจสู้รบ ต่างพากันทิ้งอาวุธหลบหนี เป็นเหตุให้ทัพโจวได้ชัยชนะ ฝ่ายซางโจ้วหลบหนีไป ภายหลังเสียชีวิตที่ลู่ไถ ราชวงศ์ซางจึงล่มสลาย นับแต่นั้นมา ประวัติศาสตร์จีนก็เข้าสู่ยุคราชวงศ์โจว


            โจวอู่หวัง (จีฟา) เมื่อได้ชัยชนะเหนือซางแล้ว ก็เข้าครอบครองดินแดนที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของซาง อีกทั้งยังปราบปรามรัฐเล็ก ๆ รอบข้าง ทว่าปัญหาอันหนักอึ้งที่โจวอู่หวัง (จีฟา) ต้องเผชิญก็คือการจะรักษาผืนแผ่นดินตะวันออกนี้ไว้ได้อย่างไร ดังนั้น เขาจึงเลือกใช้นโยบาย "เมืองหน้าด่าน " โดยมอบหมายให้ญาติพี่น้องและขุนนางที่มีความดีความชอบออกไปปกครองยังดินแดนต่าง ๆ ตั้งให้เป็นผู้ครองแคว้น โดยผู้ครองแคว้นจะได้รับอำนาจในการปกครองดินแดนรอบนอกผืนหนึ่ง อีกทั้งพวกเขาเหล่านั้นยังถือเป็นผู้พิทักษ์ราชสำนักโจวอีกด้วย
    นอกจากนี้ โจวอู่หวังยังแต่งตั้งให้อู่เกิง บุตรของซังโจ้วดูแลแคว้นซัง เพื่อสามารถควบคุมชาวซังต่อไป โดยส่งน้องชายของเขา ได้แก่ ก่วนซู่ ไช่ซู่  และฮั่วซู่  ให้คอยตรวจสอบอู่เกิง นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งให้โจวกงตั้น  ไปปกครองแคว้นหลู่  ส่วนเจียงซ่าง ไปปกครองแคว้นฉี  และเส้ากงซื่อ  ไปครองแคว้นเอี้ยน

         สืบเนื่องจากโจวอู่หวังเมื่อล้มล้างราชวงศ์ซางแล้ว ก็กลับไปนครหลวงเฮ่าจิง  ( ย้ายมาจากเฟิงจิง)แล้วพบว่า ระยะทางระหว่างเมืองเฮ่าจิงกับศูนย์กลางการปกครองแห่งใหม่อยู่ห่างไกลกันเกินไป ดังนั้นจึงคิดจะย้ายมาสร้างเมืองหลวงใหม่ในแถบลุ่มแม่น้ำอีและแม่น้ำลั่ว  ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชนเผ่าเซี่ยมาแต่เดิม แต่ความคิดนี้ยังไม่ทันได้เป็นจริง ก็ล้มป่วยสิ้นพระชนม์ลงเสียก่อน จากจารึกที่ขุดได้จากเมืองเป่าจีพบว่า โจวเฉิงหวัง  เมื่อได้สืบทอดราชบัลลังก์แล้ว ก็ได้สานต่อแนวปณิธานของโจวอู่หวัง โดยกำหนดตั้งเมืองหลวงใหม่บริเวณลุ่มแม่น้ำอีและแม่น้ำลั่วซึ่งอยู่ใกล้เมืองลั่วหยาง  ในปัจจุบัน โดยใช้เมืองใหม่นี้เป็นศูนย์กลางการปกครองแห่งใหม่ ซึ่งก็สามารถร่นระยะทางไปได้มากทีเดียว
          เพราะเพื่อการนี้ เฉิงหวังได้เคยแต่งตั้งให้เส้ากงซื่อหรือเส้ากง  ไป ‘ สำรวจ ' ละแวกเมืองลั่วหยาง ไม่นานนัก เมืองหลวงแห่งใหม่คือ ลั่วอี้  หรือนครหลวงตะวันออก ก็รวมเข้ากับเมืองเฮ่าจิง เมืองหลวงเดิมซึ่งโจวอู่หวังได้สร้างไว้ กลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม การปกครอง และการทหารของราชวงศ์โจวตะวันตก และเพื่อล้มล้างแนวคิดกอบกู้บ้านเมืองของประชาชนชาวซาง เฉิงหวังจึงอพยพชาวยินหรือซางเข้าสู่เมืองเฉิงโจวเมืองหลวงแห่งใหม่

 เนื่องจากโจวกง  ได้สำเร็จราชการเมื่อครั้งอยู่ที่นครเฮ่าจิงหรือนครหลวงตะวันตกมาโดยตลอด ดังนั้นบุตรชายคนโตของเขาชื่อป๋อฉิน  จึงได้รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าแคว้นหลู่  ต่อจากบิดา ในปัจจุบันได้มีการขุดค้นทางโบราณคดีพบซากเมืองโบราณแห่งนี้ที่เมืองชวีฝู่ของมณฑลซานตง
          ส่วนเจียงซ่าง  ที่ได้รับแต่งตั้งไปครองแคว้นฉี  ปัจจุบันคือเมืองหลินจือในมณฑลซานตง และเส้ากง  ที่ครองแคว้นเอี้ยน  ปัจจุบันคือเขตฝางซานในปักกิ่ง ก็ได้มีการขุดพบซากเมืองและสุสานของเจ้าแคว้นเอี้ยนอีกด้วย
          ภายหลังเหตุการณ์ปราบกบฏอู่เกิงสงบราบคาบลง โจวอู่หวังก็ได้พระราชทานดินแดนซึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของอู่เกิงให้กับน้องชายชื่อคังซู่  โดยแต่งตั้งเป็นเจ้าแคว้นเว่ย  ซึ่งปัจจุบันได้ขุดพบซากเมืองโบราณของแคว้นเว่ยในอำเภอซวิ่นมณฑลเหอหนาน นอกจากนี้ พระองค์ยังได้แต่งตั้งเวยจื่อ  ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของซังโจ้วกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซาง)ที่ไม่ได้เข้าร่วมในการก่อกบฏอู่เกิงขึ้นเป็นเจ้าแคว้นซ่ง  ปัจจุบันคือเมืองซางชิวในมณฑลเหอหนาน ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแคว้นเว่ย  

               ต่อมา เมื่อโจวเฉิงหวัง  ปราบแคว้นถัง  ได้แล้ว ก็มอบดินแดนที่ยึดมาได้ให้กับถังซู่อวี๋  ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องปกครอง แล้วตั้งเป็นแคว้นจิ้น  ปัจจุบันมีการขุดพบร่องรอยทางโบราณคดีที่เขตต่อแดนระหว่างเมืองอี้และฉวี่เยว่ในมณฑลซานซี
   บรรดาเจ้าผู้ครองแคว้นเหล่านี้ มักมีเรื่องขัดแย้งกันบ้าง มีสัมพันธ์ไมตรีต่อกันบ้าง บางครั้งยังคานอำนาจซึ่งกันและกันเอง สภาพการปกครองเช่นนี้ส่งผลให้ในช่วงต้นของราชวงศ์โจวมีความสงบและมั่นคงทางการเมือง ดังคำกล่าวที่ว่า "ยุคทองแห่งเฉิงหวัง 40 ปีไม่ต้องใช้โทษทัณฑ์" แสดงให้เห็นถึงสภาพสังคมในสมัยโจวเฉิงหวังภายหลังเหตุการณ์ปราบกบฏอู่เกิงแล้ว ราชวงศ์โจวได้มีความสันติสุขระยะหนึ่ง
   ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ไพร่พลชาวโจวกลับต้องผ่านการศึกสงคราม เพื่อขยายดินแดนออกไปทางตอนใต้อันได้แก่ ปา  ผู เติ้ง  ฉู่  ทางตอนเหนือจรดดินแดนซู่เซิ่น  เอี้ยน  ป๋อ  ทิศตะวันออกจรดชายฝั่งทะเล ทิศตะวันตกจรดกาน  ชิง  รวมเป็นอาณาจักรที่กว้างใหญ่กว่าในสมัยราชวงศ์ซาง เสียอีก
   ราชวงศ์โจวได้วางระบบการปกครองภายในที่ค่อนข้างจะประสบผลสมบูรณ์ มีการกำหนดบทลงโทษที่เป็นระบบกว่าในสมัยซาง มีการเตรียมกองกำลังทหารเป็นจำนวนมากกว่าสมัยซาง ถึงกับมีคำกล่าวว่า "ภายใต้แผ่นฟ้านี้ ผืนดินและไพร่พลล้วนเป็นของโจวหวัง " ดังนั้น เมื่อโจวหวังพระราชทานที่ดินและไพร่พลให้แก่บรรดาเจ้าแคว้นนั้น ก็ต้องจัดพิธีรับที่ดินและไพร่พลนั้น เหล่าเจ้าครองแคว้นที่ได้รับการแต่งตั้ง ต้องมีกำหนดเวลาแน่นอนเพื่อเข้าเฝ้าโจวหวัง โดยมีภารกิจในการปกป้องราชสำนักโจว พวกเขายังจะต้องส่งบรรณาการให้กับโจวหวังด้วย (รวมทั้งการเกณฑ์ทหารไพร่พล) หากไม่ส่งบรรณาการก็จะถือว่าคิดการก่อกบฏต่อราชสำนัก ต้องได้รับโทษทัณฑ์ ทว่า เมื่อเวลาผ่านไป บรรดาเจ้าครองแคว้นก็มักมีการตัดแบ่งหรือแลกเปลี่ยนดินแดนกันเอง จึงค่อย ๆเปลี่ยนที่ดินเป็นของตนเอง ขณะเดียวกันก็มีการบุกเบิกผืนที่ดินทำกินแหล่งใหม่มากขึ้น เมื่อมีที่นาเป็นของตัวเองมากขึ้น ย่อมก่อให้เกิดภาวะที่เป็นการบ่อนทำลายต่อระบบการทำนารวมเกิดขึ้น

 

 

แหล่งอ้างอิง http://www.thaichinese.net/History/Ancient/ancient.html#Zhou http://www.thaisamkok.com/china-dynasty-4.shtml http://www.thaisamkok.com/china-dynasty-5.shtml

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 404 คน กำลังออนไลน์