เศรษฐกิจ ร.4
ในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงวิธีการค้าขายกับต่างประเทศอย่างมาก อันเนื่องมาจากการทำสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง กับอังกฤษและชาติอื่น ๆ ทำให้ระบบการค้าแบบผูกขาด โดยพระคลังสินค้าถูกยกเลิก ยกเลิกพระคลังสินค้า ยกเลิกสินค้าต้องห้าม เปลี่ยนแปลงวิธีการเก็บภาษีจากเรือสินค้าใหม่ ถือว่าเป็นการปฏิวัติประเพณีการค้าขายของไทยครั้งใหญ่
สาระสำคัญของสนธิสัญญาเบาว์ริ่งที่เกี่ยวกับการค้ามีดังนี้ 1. ลูกค้าจะซื้อสินค้าส่งออกนอกประเทศได้ทุกชนิด โดยเสรี แต่รัฐบาลไทยสามารถสงวนสิทธิที่จะห้ามส่งสินค้าออกนอกประเทศได้เมื่อเกิดทุพภิกขภัย 2. พ่อค้าจะนำสินค้าเข้ามาขายในกรุงได้ทุกชนิด นอกจากอาวุธยุทธภัณฑ์ต้องขายให้กับรัฐบาลเท่านั้นและฝิ่นต้องขายให้กับเจ้าภาษีฝิ่นเท่านั้น 3. พ่อค้าและลูกค้าสามารถติดต่อซื้อขายกันได้โดยเสรี 4. ยกเลิกค่าธรรมเนียมปากเรือ เปลี่ยนมาเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าขาเข้าร้อยละ 3
ผลจากสนธิสัญญา ทำให้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงหลายประการอาทิ 1. การทำการค้าโดยเสรี มีชาวต่างชาติเข้ามาค้าขายมากมาย สินค้าของไทยขายได้ดีขึ้น โดยเฉพาะข้าว ทำให้คนไทย มีงานทำ 2. เมื่อมีการยกเลิกพระคลังสินค้า ทำให้รายได้ของรัฐบาลลดน้อยลง รัฐบาลจึงจำเป็นต้องตั้งภาษีขึ้นใหม่ เช่น ภาษีฝิ่น ภาษีสุกร ภาษีปลาทู ภาษีปลาสด ภาษีหม้อหวด ภาษีเตาหล่อ ภาษีขี้ผึ้ง ภาษีเรือมาด ภาษีเรือโกลน ภาษีผัก ภาษีแจวพาย ภาษีไหม อากรการพนัน อากรมหรสพ อากรค่าน้ำ อากรรักษาเกาะ เป็นต้น
ผลจากการทำการค้าเสรี ทำให้มีการค้าขายเพิ่มมากขึ้น เงินพดด้วงที่เราเคยใช้อยู่ มีไม่เพียงพอในการแลกซื้อสินค้า ในระยะแรกรัฐบาลจึงอนุญาตให้ใช้เงินเหรียญดอลล่าร์ได้ (เหรียญเงินเม็กซิกัน ชาวบ้านเรียก เหรียญนก ) ต่อมารัชกาลที่ 4 ได้โปรดให้สร้างโรงกระษาปณ์ โดยสั่งซื้อเครื่องจักรมาจากเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ มาผลิตเหรียญกระษาปณ์ หรือ เงินแป มีหลายประเภทดังนี้ 1. เหรียญเงิน เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2403 มี 4 ขนาด ได้แก่ หนึ่งบาท กึ่งบาท หนึ่งสลึง หนึ่งเฟื้อง 2. เหรียญดีบุก เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2404 มี 2 ขนาด ขนาดใหญ่เรียกว่า อัฐ ขนาดเล็กเรียกว่า โสฬส เหรียญดีบุกนี้ผลิตขึ้นใช้แทนเบี้ยหอย 3. เหรียญทองคำ เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2406 มี 3 ขนาด มูลค่า 8 บาท เรียกว่า ทศ มูลค่า 4 บาท เรียกว่า พิศ มูลค่า 10 สลึง เรียกว่า พัดดึงส์ 4. เหรียญทองแดง เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2408 มี 2 ขนาด ขนาดใหญ่เรียกว่า ซีก ขนาดเล็กเรียกว่า เสี้ยว
กลับหน้าหลัก หน้าถัดไป ย้อนกลับ