ประเพณีเทศน์มหาชาติ
![](/files/u20079/linetorio.gif)
![](/files/u20079/000039.jpg)
เวสสันดรชาดก ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏก เล่มที่ ๒๘ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นคาถาภาษาบาลีนับได้ ๑,๐๐๐ พระคาถา เป็นพุทธวจนะแท้ อยู่ในรูปคาถา คือ คำร้อยกรอง ต่อมาบรรพบุรุษของเราทั้งฝ่ายอาณาจักรและศาสนจักร ได้เห็นพ้องต้องกันว่า เวสสันดรชาดกเป็นเรื่องที่เหมาะสมจะเชิดชู เป็นหลัก เป็นประธานในการเสริมสร้างอัธยาศัยของคนในชาติ จึงได้มีการแปลเป็นภาษาไทยตั้งแต่ยุคสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี คนไทยนิยมฟังเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดกมาตั้งแต่ครั้งนั้น ทั้งนี้เป็นเพราะอิทธิพลของมาลัยสูตร ที่กล่าวถึงพระมาลัยเถระผู้นำข่าวสารจากพระศรีอาริยเมตไตรยมาแจ้งข่าวแก่โลกว่า
“ข้าแต่พระเถระผู้เจริญ ถ้านรชนชายหญิงทั้งปวง ปรารถนาจะพบพระศรีอาริยเมตตไตรย ผู้จะบรรลุพระสัพพัญญตญาณในอนาคตกาลแล้วไซร้จงให้มนุษย์ทั้งหลายจัดแจงเครื่องสักการะบูชา...นำมาสักการะพระธรรมเทศนามหาชาติเวสสันดรชาดก แล้วนั่งสดับฟังให้จบในวันเวลาเดียวนั้นจะได้สำเร็จพระอรหัตตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ เฉพาะพระพักตร์พระศรีอาริยเมตไตรยสัญญสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาล” (ฎีกามาลัยเทวสูตร)
ครั้นมาในยุคกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้โปรดเกล้าฯให้ประชุมบรรดานักปราชญ์ราชบัณฑิต แต่งแวสสันดรชาดกเป็นคำหลวง ความในพระราชพงศาวดารจดหมายเหตุกล่าวไว้ว่า “ได้กระทำเมื่อปีขาล จุลศักราช ๘๔๕ ตรงกับพุทธศักราช ๒๐๒๕ ทั้งนี้ ก็ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะโน้มน้าวจิตใจของประชาชนพลเมืองให้สนใจในเวสสันดรชาดกมากยิ่งขึ้น”
ต่อมาในแผ่นดินพระเข้าทรงธรรมระหว่างพุทธศักราช ๒๑๔๔-๒๑๗๐ ก็ได้โปรดแต่งกาพย์มหาชาติขึ้นอีกชุดหนึ่ง ในสมัยที่อยู่ในพระราชนิยมนั้นเจ้านายต่างๆ ทรงสนพระทัยเชิดชูบูชาเทศน์มหาชาติ ผูกขาดสำนวนภาษา ยอมรับกันว่าลีลาสำเนียง การอ่าน การเทศน์กันอย่างวิจิตรไพเราะ จนกลายเป็นแบบฉบับเรียกกันว่า ทำนองคำหลวง หรือ ทำนองหลวง มีการแข่งขันกันในหมู่ของเจ้านายผู้มีวาสนาแสวงหาพระภิกษุผู้มีเสียงดีมาฝึกหัด และรับเป็นอุปัฎฐาก บำรุงด้วยปัจจัยไทยทานทำให้เกิดมีพระนักเทศน์มหาชาติที่ดี ๆ เด่นๆ กันมากรูป เมื่อถึงฤดูกาล เดือน ๑๑ เดือน ๑๒ และเดือนอ้ายก็นิมนต์มาเทศน์แข่งขัน โชว์ศิลปะสำเนียงกันเป็นที่ครึกครื้น แต่ละกัณฑ์ก็มีท่วงทำนองไม่ซ้ำกัน และเป็นลีลาทำนองที่รักษาบุคลิกภาพของตัวละครและบทบาทเหตุการณ์ในท้องเรื่อง