พระราชประวัติสมเด็จย่า
![รูปภาพของ sss28433 รูปภาพของ sss28433](http://202.44.68.33/files/profilepic/picture-76983.jpg)
พระราชประวัติสมเด็จย่า
![](http://www.whenifallinlove.net/diary/images_line/line16/00028555_105012.gif)
![](/files/u76983/1_1.gif)
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระราชสมภพเมื่อ วัน อาทิตย์ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2443 ทรงเป็นบุตรคนที่ 3 ของพระชนกชู และพระชนนนีคำ ทรงมีพระภคินีและพระเชษฐา 2 คน ซึ่งได้ถึงแก่กรรมเสียตั้งแต่ยังเยาว์วัย เหลือแต่พระอนุชา คือ คุณถมยา ซึ่งอ่อนกว่าสมเด็จย่า 2 ปี ได้มีชีวิตอยู่ต่อมาจนโต ส่วนพระชนกชูนั้น ได้ถึงแก่กรรมเมื่อสมเด็จย่ายังทรงพระเยาว์มาก และเมื่อพระองค์มีพระชนม์มายุ
เพียง 9 พรรษา พระชนนีคำก็ถึงแก่กรรม หลังจากนั้นทรงอยู่ในความอุปการะของป้าซ้วย พี่สาวของพระชนนีคำ ซึ่งมีอาชีพรับจ้างมวนบุหรี่และทำขนมขาย
![](/files/u76983/2.gif)
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ทรงบรรยายถึงบ้านข้างวัดอนงคารามไว้ในหนังสือ
พระนิพนธ์เรื่อง “แม่เล่าให้ฟัง” ว่า “เมื่อจำความได้ แม่ก็อยู่ที่ธนบุรีแล้ว ที่ซอยซึ่งปัจจุบันเป็นซอยวัดอนงค์ “บ้าน” นั้นเหมือนห้องแถวชั้นเดียวแต่มีหลายห้อง แทนที่จะเป็นห้องเดียว “บ้าน” จะเป็นส่วนหนึ่งของอาคารที่ก่อด้วยอิฐ หลังคาเป็นกระเบื้อง และประกอบด้วยหลายชุดอีกด้านหนึ่งของบ้าน มี 4-5 ชุด ซึ่งมีคนอยู่ อีกด้านหนึ่งพังไปแล้วและร้างบ้านที่อยู่นั้นเก่าพอใช้ และอยู่ในสภาพไม่ดีเพราะไม่มีการซ่อมแซมเลย แต่มีเพียงกำแพง ผนัง และหลังคาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไม้ เช่น พื้นนั้น ผู้เช่านำมาเอง
![](/files/u76983/3.gif)
เป็นที่รู้กันว่าในสมัยก่อนคนไทยไม่นิยมให้ผู้หญิงเรียนรู้หนังสือ พระชนนีคำ
เป็นคนเดียวในบรรดาพี่น้องที่รู้หนังสือและนำมาถ่ายทอดให้สมเด็จย่า ซึ่งนับได้ว่า
เป็นรากฐานที่สำคัญในกาลต่อมา
![](http://www.theprincessmothermemorialpark.org/images/stories/student.gif)
ต่อมาสมเด็จย่าได้เข้าเรียนในโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง ที่ตั้งที่
วัดอนงคาราม ทรงเรียนอยู่ไม่ถึงปีโรงเรียนก็ปิด พระองค์จึงเข้าเรียนที่โรงเรียนศึกษานารี ทรงเรียนอยู่ได้เดือนกว่าๆ เท่านั้น ก็ทรงลาออก เพราะทางบ้านไม่มีเงินพอที่จะเสียค่าเล่าเรียน ด้วยพระอุปนิสัยที่ชอบการเรียนรู้และการอ่านหนังสือตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ สมเด็จย่าจึงทรงเฉลียวฉลาด
และมีคุณลักษณะโดดเด่นกว่าบรรดาผู้อยู่ในวัยเดียวกัน
เมื่อสมเด็จย่าพระชนมายุได้ 7-8 พรรษา ได้ถูกนำเข้าถวายตัวเป็นข้าหลวงชั้นสองในสมเด็จเจ้าฟ้าวไลอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ต่อมาสมเด็จย่าทรงถูกส่งไป เป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนของหม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลสาสน์ เมื่อโรงเรียนเลิกกิจการในอีก 1 เดือนต่อมา ก็ทรงถูกส่งไปยังโรงเรียนแห่งหนึ่งที่อยู่ ใกล้กับพระบรมมหาราชวัง ซึ่งอีก 2-3 เดือนต่อมาโรงเรียนก็ปิดกิจการอีก จึงถูกส่งไปยังโรงเรียนสตรีวิทยา โดยให้ไปประทับอยู่บ้านคุณหวน หงสกุล
ที่อยู่ข้าง วัดมหรรณพพาราม คุณหวนเป็นพระพี่เลี้ยงในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ พระราชโอรสในพระบาทสาเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในระหว่างนั้น สมเด็จย่าทรงถูกเข็มเย็บผ้าตำฝ่าพระหัตถ์ จึงทรงย้ายไปประทับที่บ้านพระยาดำรงแพทยคุณ เพื่อผ่าตัดฝ่าพระหัตถ์ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเล่าไว้ในพระนิพนธ์ “แม่เล่าให้ฟัง” ว่า
“...ในระหว่างที่เรียนซ้ำชั้นประถมปีที่ 3 อยู่ เจ้าคุณดำรงฯ มาถามแม่ว่า อยากเรียนเป็นนางพยาบาลไหม แม่รับทันที ในสมัยนั้นผู้หญิงไม่มีอาชีพที่จะเลือกมากนัก เมื่อจบประถมปีที่ 3 แล้วจะมีชั้นมัธยมปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 เท่านั้น ถ้าอยากเรียนต่อก็ต้องเรียนเป็นครู เวลานั้นโรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาลแห่งศิริราชมีผู้หญิงเรียนอยู่น้อย ในการเข้าไม่มีกฎเกณฑ์มาก เพียงแต่อ่านออกเขียนได้ก็พอแล้ว เพื่อสนับสนุนให้มาเรียน ยังมีการให้เงินเดือนละ 15 บาทต่อคน จำนวนเงินนี้เพียงพอสำหรับค่าอาหารตลอดทั้งเดือน”
การที่สมเด็จย่าทรงตัดสินพระทัยเข้าโรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาลแห่งศิริราชในครั้งนี้ นับว่าเป็นหัวเลี้ยวสำคัญในชีวิตของพระองค์ เพราะกาลเวลาต่อมา ทรงได้รับทุนไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
![](/files/u76983/4.gif)
สมเด็จย่าทรงเข้าศึกษาวิชาพยาบาลที่โรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาลแห่งศิริราชเมื่อ พ.ศ. 2456 ซึ่งขณะนั้นสมเด็จย่าอายุยังไม่ครบ 13 พรรษาบริบูรณ์ ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ระบุไว้ถึง 2 ปี แต่เนื่องจากมีความสามารถเกินวัย จัดได้ว่าเป็นนักเรียนที่อายุน้อยที่สุดในรุ่น
สมเด็จย่าทรงเป็นนักเรียนประเภทนักเรียนหลวง คือ ผู้ที่สมัครเข้าเรียนโดยขอรับเงินบำรุงเดือนละ 15 บาท และมีข้อผูกพันว่าเมื่อสำเร็จสอบได้ประกาศนียบัตรแล้วต้องทำงานเกี่ยวข้องกับโรงเรียนไม่น้อยกว่า 3 ปี ทรงเรียนจบหลักสูตรใน พ.ศ. 2459 และทรงทำงานต่อที่โรงพยาบาลศิริราช
ในปี พ.ศ. 2460 สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ ซึ่งขณะนั้นกำลังทรงศึกษาวิชาแพทย์ปีที่ 1 อยู่ที่โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา พระราชทานทุนแก่นักเรียนแพทย์ 2 คน และสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระราชทานทุนแก่นักเรียนพยาบาล 2 คน ซึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือกก็คือ นางสาวอุบล ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา และ สมเด็จย่า
![](http://www.theprincessmothermemorialpark.org/images/stories/nurse.gif)
ในระยะเวลา 6 เดือน ทรงศึกษาภาษาอังกฤษกับอาจารย์ใหญ่โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง เป็นสตรีชาวอเมริกันชื่อ มิสเอ็ดนา ซาราห์โคล
ในการที่จะเดินทางไปต่างประเทศ จำเป็นต้องมีนามสกุลใช้ในหนังสือเดินทาง เมื่อพระชนกชูถึงแก่กรรม ไม่มีผู้ใหญ่ฝ่ายชายที่จะไปจดทะเบียนนามสกุล พระองค์จึงทรงใช้นามสกุลของขุนสงขลานครินทร์ (หลี ตะละภัฏ)
ในการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา สมเด็จย่าเสด็จโดยสารเรือ “กัวลา” เมื่อวัน ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2460 พร้อมคณะนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 18 คน ใช้เวลาเดินทาง 6 สัปดาห์ จึงเสด็จถึงนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย
สมเด็จย่าได้ไปพำนักอยู่กับครอบครัว นายแพทย์ อดัม เสน เป็นเวลาเกือบ 1 ปี ได้เสด็จไปศึกษาที่โรงเรียนประถมเอเมอร์สันพร้อมกับ นางสาวอุบล และทุกวันอาทิตย์พระองค์จะเสด็จเข้าโรงเรียนของคริสต์ศาสนา
ต่อมาใน พ.ศ. 2461 สมเด็จย่า และ นางสาวอุบล ได้ร่วมสมทบกับคณะนักเรียนไทยอีก 8 คน เดินทางไปยังเมืองบอสตัน
รัฐแมสซาซูเซต โดยรถไฟใน วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2461 สมเด็จพระบรมราชชนกทรงคอยรับคณะนักเรียนอยู่ ณ ที่นั่น ในตอนแรก สมเด็จย่าไม่ทรงรู้จักว่าพระองค์เป็นใคร ส่วนสมเด็จพระบรมราชชนกนั้น หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ได้บันทึกเหตุการณ์คืนวันนั้นไว้ว่า
“ประมาณสักตีสองเศษ...พระองค์ท่านเสด็จกลับมาถึงบ้าน ปลุกข้าพเจ้าทันที แล้วรับสั่งว่า ผู้หญิง 2 คนมาถึงแล้ว แม่สังวาลสวยเช้งเชียวแกเอ๋ย”
![](http://i33.photobucket.com/albums/d67/cute_line/heart/h6.gif)
แหล่งอ้างอิง:
http://www.theprincessmothermemorialpark.org/index.php?option=com_content&view=category&layout=blog&id=34&Itemid=53