อยู่มาครั้งหนึ่งในเมืองกลิงคราษฏร์เกิดข้าวยากหมายแพงเพราะฝนแล้ง ทำให้เพาะปลูกไม่ได้ ราษฎรอดอยาก ได้รับความเดือนร้อนสาหัส ประชาชน ชาวกลิงคราษฏร์พากันไปเฝ้าพระราชา ทูลว่า ในเมืองสีวี นั้นมีช้างเผือกคู่บุญ พระเวสสันดร ชื่อว่า ช้างปัจจัยนาคเป็นช้าง
มีอำนาจพิเศษถ้าอยู่เมืองใด จะ ทำให้ ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล
พืชพันธุ์ จะบริบูรณ์ขอให้พระเจ้ากลิงคราษฏร์ส่งทูตเพื่อไปทูลขอ
ช้างจากพระเวสสันดร พระเวสสันดรก็จะทรงบริจาคให้เพราะ พระองค์ไม่เคยขัดเมื่อมีผู้ทูลขอสิ่งใดพระเจ้ากลิงคราษฏร์จึงส่ง
พราหมณ์แปดคน ไปเมืองสีวีครั้นเมื่อพราหมณ์ได้พบพระเวสสันดร
ขณะเสด็จ ประพาสพระนคร ประทับบนหลังช้างปัจจัยนาค พราหมณ์จึง
ทูลขอช้างคู่บุญ เพื่อดับทุกข์ชาวกลิงคราษฏร์ พระเวสสันดรก็โปรด
ประทานให้ตามที่ขอ ชาวสีวีเห็นพระเวสสันดรทรงบริจาคช้าง
ปัจจัยนาคคู่บ้านคู่เมืองไปดังนั้น ก็ไม่พอใจ พากันโกรธเคืองว่า
ต่อไปบ้านเมืองจะลำบาก เมื่อไม่มีช้างปัจจัยนาคเสียแล้ว จึงพากันไป
เข้าเฝ้าพระเจ้าสัญชัย ทูลกล่าวโทษพระเวสสันดรว่าบริจาคช้าง
คู่บ้านคู่เมืองแก่ชาวเมืองอื่นไปขอให้ขับพระเวสสันดรไปเสียจากเมืองสีวี
พระเจ้าสญชัยไม่อาจขัดราษฏรได้ จึงจำ พระทัยมีพระราชโองการให้
ขับพระเวสสันดร ออกจากเมืองไป พระเวสสันดรไม่ทรงขัดข้องแต่
ทูลขอพระราชทานโอกาสบริจาคทานครั้งใหญ่ก่อนเสด็จออกจากพระนคร
พระบิดาก็ทรงอนุญาตให้ พระเวสสันดร ทรงบริจาค สัตสดกมหาทาน คือ
บริจาค ทานเจ็ดสิ่ง สิ่งละเจ็ดร้อย แก่ประชาชนชาวสีวี เมื่อพระนางมัทรี
พระมเหสีของพระเวสสันดร ทรงทราบว่า ประชาชนขอให้ขับพระเวสสันดร
ออกจากเมือง ก็กราบทูลพระเวสสันดรว่า "พระองค์เป็นพระราชสวามี
ของหม่อมฉัน พระองค์เสด็จไปที่ใด หม่อมฉันจะขอติดตาม ไปด้วย
ทุกหนทุกแห่ง มิได้ย่อท้อต่อความ ลำบาก ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยาแล้ว
ย่อมต้อง อยู่เคียงข้างกันในทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่ายามสุข หรือทุกข์
โปรดประทานอนุญาติให้หม่อมฉันติดตามไปด้วยเถิด"