ฉันทลักษณ์

user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:42050b19688d82b71aad1fd82e971f1f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '\n<div class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"209\" width=\"600\" src=\"/files/u40864/cantaluk.jpg\" alt=\"ฉันทลักษณ์\" border=\"0\" />\n</div>\n<div class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n\n</div>\n<div align=\"center\" class=\"Post-body\">\n<a href=\"/node/84030\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/art.jpg\" alt=\"ศิลปะในการประพันธ์\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84032\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/chan.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84972\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/kanvijak.jpg\" alt=\"การวิจักษ์และวิจารณ์วรรณคดี\" border=\"0\" /></a> \n\n<img height=\"379\" width=\"200\" src=\"/files/u40864/vaja1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 287px; height: 180px\" /> \n\n\nแหล่งที่มาของภาพ\n\n\nhttp://202.28.17.101/prachyanun/dte/dte18/images/stories/image1/vaja1.jpg \n\n\n</div>\n\n\nฉันทลักษณ์ \n\n\n\n คือตําราที่ว่าด้วยวิธีร้อยกรองถ้อยคําหรือเรียบเรียงถ้อยคำให้เป็นระเบียบตามลักษณะบังคับและบัญญัติที่นักปราชญ์ได้วางเป็นแบบไว้ถ้อยคำที่ร้อยกรองขึ้นตามลักษณะบัญญัติแห่ง \n\n\nฉันทลักษณ์ เรียกว่า คำประพันธ์ \n\n\n คำประพันธ์ คือถ้อยคำที่ได้ร้อยกรองหรือเรียบเรียงขึ้น โดยมีข้อบังคับ จำกัดคำและวรรคตอนให้รับสัมผัสกันเพื่อความไพเราะตามกฎเกณฑ์ที่ได้วางไว้ใน ฉันทลักษณ์ \n\n\n คำประพันธ์ที่ดีประกอบด้วยลักษณะ 3 ประการ คือ \n\n\n 1. มีข้อความดี \n\n\n 2. มีสัมผัสดี \n\n\n 3. แต่งได้ถูกต้องตามลักษณะบังคับ \n\n\nคําประพันธ์จําแนกออกเป็น 7 ชนิด คือ\n\n\n โคลง ร่าย \n\n\n ลิลิต กลอน \n\n\n กาพย์ ฉันท์ \n\n\n\n<a href=\"/node/81942\" title=\"HOME\"><img height=\"82\" width=\"108\" src=\"/files/u40864/aa70.gif\" alt=\"กลับสู่หน้าหลัก\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 89px\" /></a><a href=\"/node/84030\" title=\"กลับสู่หัวข้อหลัก\"><img height=\"160\" width=\"147\" src=\"/files/u40864/th_bgns864.gif\" border=\"0\" style=\"width: 58px; height: 48px\" /></a> \n\n\n\n\n<div align=\"left\" class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"209\" width=\"600\" src=\"/files/u40864/cantaluk.jpg\" alt=\"ฉันทลักษณ์\" border=\"0\" /><a href=\"/node/84030\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/art.jpg\" alt=\"ศิลปะในการประพันธ์\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84032\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/chan.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84972\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/kanvijak.jpg\" alt=\"การวิจักษ์และวิจารณ์วรรณคดี\" border=\"0\" /></a> \n</div>\n\n\nฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพ \n โคลงสี่สุภาพ เป็นคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองชนิดหนึ่งที่ปรากฏในวรรณคดีไทยมานานแล้ว โดยเฉพาะโคลงสี่สุภาพบทหนึ่งจากลิลิตพระลอได้ถูกยกมาเป็นโคลงครูของการแต่งคำประพันธ์ประเภท\n\n\nโคลงสี่สุภาพ\n\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"146\" width=\"300\" src=\"/files/u30660/klong1.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n \n เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย \n เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า \n สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤาพี่ \n สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ \n (ลิลิตพระลอ)\n\n\n 1. คณะ 1 บท มี 4 บาท บาทหนึ่งมี 2 วรรค วรรคต้นมี 5 คำ วรรคหลังมี 2 คำ ส่วนบาทที่ 4 นั้น วรรคต้นมี 5 คำ วรรคหลังมี 4 คำ โคลง 1 บท จึงมี 30 คำ ท้ายบาท 1 และ บาท 3 ถ้าความไม่ครบ \n\n\nยอมให้เติมสร้อยได้อีก 2 คำและคำทั้ง 30 คำนี้ จัดเป็น 3 พวก คือ \n คำสุภาพ คือ คำธรรมดา ไม่กำหนดเอกโท จะมีหรือไม่มีก็ได้ มี 19 คำ \n คำเอก คือ คำที่บังคับไม้เอก หรือจะใช้คำตายแทน คำเอกก็ได้ มี 7 คำ \n คำโท คือ คำที่บังคับให้มีไม้โท มี 4 คำ\n\n\n \n 2. พยางค์หรือคำ ในการแต่งร้อยกรองเราถือว่าพยางค์ก็คือคำ ร้อยกรองแต่ละชนิดจะมีการกำหนดไว้แน่นอนว่า วรรคหนึ่งมีกี่พยางค์ ถ้าในโคลงมีคำที่ออกเสียงสระกึ่งหนึ่ง ก็อนุโลมนับเป็นพยางค์เพียงหรือคำเดียวได้ เช่น "อักขระห้าวันหนี เนิ่นช้า" เป็นต้น \n\n\n 3. คำเอก-คำโท ใช้กับบทร้อยกรองประเภทโคลงและร่ายเท่านั้น มีข้อกำหนดดังนี้ \n\n\n \n คำเอก\n\n\n 1. คำหรือพยางค์ที่มีไม้เอกบังคับทั้งหมด ไม่ว่าพยัญชนะต้นของคำนั้นหรือพยางค์นั้นจะเป็นอักษรกลาง อักษรสูง หรืออักษรต่ำ เช่น ก่อ จ่าย ดิ่ง ปู่ ข่า ฉ่ำ สุ่ม ห่าง คู่ ง่าย ใช่ โล่ ฯลฯ \n 2. คำหรือพยางค์ที่เป็นคำตายทั้งหมด จะเป็นเสียงวรรณยุกต์ใดก็ได้ \n 3. คำที่ไม่เคยใช้ไม้เอกเลย แต่นำมาแปลงใช้โดยเปลี่ยนพยัญชนะต้นและใช้วรรณยุกต์เอกบังคับ เช่น ไข้ ---> ไค่, ถ้ำ ---> ท่ำ, แผ้ว ---> แพ่ว เช่นนี้ก็อนุโลมให้เป็นคำเอกได้ แต่เรียกว่าเอกโทษ \n คำโท \n 1. คำหรือพยางค์ที่มีไม้โทบังคับทั้งหมด ไม่ว่าพยัญชนะต้นจะเป็นอักษรกลาง อักษรสูง หรืออักษรต่ำ \n 2. คำที่ไม่เคยใช้ไม้โท แต่นำมาแปลงใช้โดยเปลี่ยนพยัญชนะต้นและใช้วรรณยุกต์โทบังคับ เช่น คู่ ---> ขู้, ง่อย ---> หง้อย, เม่น ---> เหม้น, ย่อม ---> หย้อม อนุโลมให้เป็นคำโทได้ แต่เรียกว่า โทโทษ \n\n\n 4. คำเอกโทษ - คำโทโทษ ที่ใช้แทนตำแหน่งของคำเอกและคำโท \n เอกโทษ หมายถึง คำที่บังคับรูปวรรณยุกต์เอกตามลักษณะแผนผังบังคับของโคลงสี่สุภาพ \n โทโทษ หมายถึง คำที่บังคับรูปวรรณยุกต์โทตามลักษณะแผนผังบังคับของโคลงสี่สุภาพ \n\n\n 5. คำตาย สามารถใช้แทนคำเอกได้ มีลักษณะดังนี้ \n 1. เป็นคำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นในแม่ ก กา เช่น กะ อุ และ เจาะ \n 2. เป็นคำสะกดในมาตราแม่กก กบ กด \n\n\n 6. คำสร้อย เป็นคำที่ต่อท้ายวรรค ท้ายบาท หรือท้ายบท มักจะใช้เฉพาะในการแต่งโคลงกับร่าย คำสร้อยนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้เพราะไม่ได้บังคับบางแห่งใช้เป็นคำถาม หรือย้ำข้อความคำที่มักใช้เป็นคำสร้อย ได้แก่ เฮย ฤา พี่ นาพ่อ มาแม่ พี่รา อยู่นอ \n\n<div class=\"Post-inner\">\n 7. สัมผัส คือ ลักษณะที่บังคับให้ใช้คำที่มีเสียงสัมผัสคล้องจองกัน สัมผัสเป็นลักษณะที่สำคัญมากในร้อยกรองของไทย คำประพันธ์ทุกชนิดต้องมีสัมผัส ได้แก่ \n สัมผัสสระ ได้แก่ คำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป ที่มีเสียงสระพ้องกัน หรือคล้องจองกันตามมาตรา ถ้าเป็นคำที่มีตัวสะกดก็ต้องเป็นตัวสะกดในมาตราเดียวกัน \n สัมผัสอักษร ได้แก่ คำที่ใช้พยัญชนะต้นเสียงเดียวกัน อาจเป็นพยัญชนะต้นเดียวกันหรือเป็นพยัญชนะเสียงสูงต่ำเข้าคู่กัน เช่น ข-ค, ส-ซ, ฉ-ช หรือพยัญชนะควบชุดเดียวกัน \n สัมผัสนอก เป็นสัมผัสบังคับที่ส่งและรับากันนอกวรรค \n สัมผัสใน เป็นสัมผัสไม่บังคับมีคำที่สัมผัสคล้องจองกันอยู่ภายในวรรคเดียวกัน อาจเป็นสัมผัสสระหรือสัมผัสอักษรก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสมและความพอใจของผู้แต่ง สัมผัสในช่วยให้บทร้อยกรองไพเราะขึ้น \n</div>\n<div class=\"Post-inner\">\n \n\n<a href=\"/node/81942\" title=\"HOME\"><img height=\"82\" width=\"108\" src=\"/files/u40864/aa70.gif\" alt=\"กลับสู่หน้าหลัก\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 89px\" /></a><a href=\"/node/84030\" title=\"กลับสู่หัวข้อหลัก\"><img height=\"160\" width=\"147\" src=\"/files/u40864/th_bgns864.gif\" border=\"0\" style=\"width: 58px; height: 48px\" /></a> \n\n\n\n\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"209\" width=\"600\" src=\"/files/u40864/cantaluk.jpg\" alt=\"ฉันทลักษณ์\" border=\"0\" /><a href=\"/node/84030\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/art.jpg\" alt=\"ศิลปะในการประพันธ์\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84032\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/chan.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84972\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/kanvijak.jpg\" alt=\"การวิจักษ์และวิจารณ์วรรณคดี\" border=\"0\" /></a> \n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"285\" width=\"235\" src=\"/files/u40864/s1733qt4_1.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n แหล่งที่มาของภาพ\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n http://img232.imageshack.us/img232/4636/s1733qt4.jpg\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n\n</div>\n\n\n\n\n<div class=\"Post-inner\">\nฉันท์ คือลักษณะถ้อยคำที่กวีได้ร้อยกรองขึ้น เพื่อให้เกิดความไพเราะ โดยกำหนดครุ ลหุและสัมผัสเป็นมาตรฐาน \n</div>\n\n ฉันท์เป็นคำประพันธ์ที่ได้แบบอย่างมาจากอินเดีย เดิมแต่งเป็นภาษาบาลี และสันสกฤต ไทยนำเปลี่ยนแปลงลักษณะบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมในคำประพันธ์ไทย ตำราฉันท์ที่เป็น แบบฉบับของฉันท์ไทย คือ คัมภีร์วุตโตทัย (อ่านตำราฉันท์ของไทยเพิ่มเติม ได้จากหนังสืออ้างอิง) การเลือกใช้ฉันท์ชนิดต่าง ๆ \n\n\n การเลือกใช้ฉันท์ ต้องเลือกให้เหมาะกับวัตถุประสงค์หรือเนื้อเรื่องที่จะเขียน\n\n\n 1. บทนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บทไหว้ครู บทสรรเสริญพระเกียรติ ความขลัง ใช้ สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ หรือสัทธราฉันท์ \n\n\n 2. บทเล่าเรื่อง บทชม คร่ำครวญ นิยมใช้ อินทรวิเชียรฉันท์ หรือวสันดิลกฉันท์ \n\n\n 3. บทแสดงอารมณ์รุนแรง เช่นโกรธ ตื่นเต้น วิตกกังวล หรือบรรยายความในใจเกี่ยวกับความรักที่ต้องการให้เห็นอารมณ์สะเทือนใจอย่างมาก นิยมใช้ อิทิสังฉันท์ ซึ่งเป็นฉันท์ที่สลับเสียงหนักเบา \n\n\nเน้นเสียงเป็นจังหวะทุกระยะ \n\n\n 4. บทพรรณนาโวหารหรือบรรยายข้อความที่น่าตื่นเต้น หรือเป็นที่ประทับใจ นิยมใช้ภุชงคประยาตฉันท์ \n\n\n 5. บทสนุกสนานขบขัน หรือคึกคักสับสน ให้เหตการณ์บรรยายไปอย่างรวดเร็ซจะนิยมใช้ \n\n\nโตฏกฉันท์ มาณวกฉันท์ หรือจิตรปทาฉันท์ \n\n\n 6. บทบรรยายความ นิยมใช้ อุเปนทรวิเชียรฉันท์ อินทวงสฉันท์ วิชชุมมาลาฉันท์ หรือสาลินีฉันท์ \n\n\n\n<a href=\"/node/81942\" title=\"HOME\"><img height=\"82\" width=\"108\" src=\"/files/u40864/aa70.gif\" alt=\"กลับสู่หน้าหลัก\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 89px\" /></a><a href=\"/node/84030\" title=\"กลับสู่หัวข้อหลัก\"><img height=\"160\" width=\"147\" src=\"/files/u40864/th_bgns864.gif\" border=\"0\" style=\"width: 58px; height: 48px\" /></a> \n\n\n\n\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"209\" width=\"600\" src=\"/files/u40864/cantaluk.jpg\" alt=\"ฉันทลักษณ์\" border=\"0\" /><a href=\"/node/84030\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/art.jpg\" alt=\"ศิลปะในการประพันธ์\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84032\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/chan.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84972\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/kanvijak.jpg\" alt=\"การวิจักษ์และวิจารณ์วรรณคดี\" border=\"0\" /></a>\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\nแผนผังและตัวอย่างคำประพันธ์ประเภทฉันท์ที่นิยมแต่ง \n</div>\n\n\n\n<div class=\"Post-inner\" style=\"text-align: center\">\n\n</div>\n<div class=\"Post-inner\" style=\"text-align: center\">\n\n</div>\n<div class=\"Post-inner\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" class=\"Post-inner\">\nมาณวกฉันท์ 8 (มา-นะ-วก-กะ-ฉัน) ฉันท์ที่มีลีลาเสียงไพเราะงดงามให้ความสดชื่นมีชีวิตชีวา ประดุจมาณพหนุ่มน้อย \n</div>\n\n\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"211\" width=\"470\" src=\"/files/u30660/thai1.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n\nแหล่งที่มาของภาพ \n\n\nhttp://kivlanna.site40.net/mocave_img/thai1.gif\n\n\nวิชชุมมาลาฉันท์ 8 ฉันท์ที่เปล่งสำเนียงยาวดุจสายฟ้าแลบที่มีรัศมียาว\n\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"248\" width=\"270\" src=\"/files/u30660/v8.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\nแหล่งที่มาของภาพ \n\n\nhttp://gotoknow.org/file/suphamart/v8.jpg\n\n\n \nสาลินีฉันท์ 11 หมายถึง ฉันท์ที่มากไปด้วยครุ ซึ่งเปรีบเหมือนแก่นหรือหลัก \n\n\n\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"181\" width=\"403\" src=\"/files/u30660/chan_sali11.gif\" border=\"0\" /> \n</div>\n\n\n\nแหล่งที่มาของภาพ \n\n\nhttp://www.st.ac.th/bhatips/images/chan_sali11.gif\n\n\n\n<a href=\"/node/81942\" title=\"HOME\"><img height=\"82\" width=\"108\" src=\"/files/u40864/aa70.gif\" alt=\"กลับสู่หน้าหลัก\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 89px\" /></a><a href=\"/node/84030\" title=\"กลับสู่หัวข้อหลัก\"><img height=\"160\" width=\"147\" src=\"/files/u40864/th_bgns864.gif\" border=\"0\" style=\"width: 58px; height: 48px\" /></a> \n\n\n\n\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"209\" width=\"600\" src=\"/files/u40864/cantaluk.jpg\" alt=\"ฉันทลักษณ์\" border=\"0\" /><a href=\"/node/84030\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/art.jpg\" alt=\"ศิลปะในการประพันธ์\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84032\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/chan.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84972\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/kanvijak.jpg\" alt=\"การวิจักษ์และวิจารณ์วรรณคดี\" border=\"0\" /></a> \n</div>\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\nอินทรวิเชียรฉันท์ 11 หมายถึงฉันที่มีลีลาอันรุ่งเรืองงดงามประดุจสายฟ้าซึ่งเป็นอาวุธของพระอินทร์ \n\n\n\n\n\n\n\n\n\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"252\" width=\"390\" src=\"/files/u30660/chan_intra11.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\nแหล่งที่มาของภาพ \n\n\nhttp://www.st.ac.th/bhatips/images/chan_intra11.gif\n\n\nอุเปนทรวิเชียรฉันท์ 11 แปลว่ารองอินทรวิเชียร คือมีลักษณะคล้าย ๆ อินทรวิเชียรฉันท์ \n\n\n</div>\n<div align=\"left\" class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"197\" width=\"434\" src=\"/files/u30660/chan_upain11.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n\nแหล่งที่มาของภาพ \n\n\nhttp://www.st.ac.th/bhatips/images/chan_upain11.gif \n\n\n \n \n\n\n\n<a href=\"/node/81942\" title=\"HOME\"><img height=\"82\" width=\"108\" src=\"/files/u40864/aa70.gif\" alt=\"กลับสู่หน้าหลัก\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 89px\" /></a><a href=\"/node/84030\" title=\"กลับสู่หัวข้อหลัก\"><img height=\"160\" width=\"147\" src=\"/files/u40864/th_bgns864.gif\" border=\"0\" style=\"width: 58px; height: 48px\" /></a> \n\n\n\n\n<div align=\"left\" class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"209\" width=\"600\" src=\"/files/u40864/cantaluk.jpg\" alt=\"ฉันทลักษณ์\" border=\"0\" /><a href=\"/node/84030\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/art.jpg\" alt=\"ศิลปะในการประพันธ์\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84032\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/chan.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84972\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/kanvijak.jpg\" alt=\"การวิจักษ์และวิจารณ์วรรณคดี\" border=\"0\" /></a> \n</div>\n\n\n\n\n\nวสันตดิลกฉันท์ 14 (วะ-สัน-ตะ-ดิ-หลก-กะ -ฉัน) ฉันที่มีลีลางามวิจิตรประดุจรอยแต้มที่กลีบเมฆ ซึ่งปรากฎในตอนต้นแห่งวสันตฤดู\n\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"230\" width=\"420\" src=\"/files/u30660/chan_wasan141.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n\nแหล่งที่มาของภาพ \n\n\nhttp://www.st.ac.th/bhatips/images/chan_wasan141.gif\n\n\n\n \nอีทิสังฉันท์ 20 ฉันท์มีลีลางดงามประดุจฉันท์ที่ได้พรรณนามาแล้วข้างตน บ้างก็เรียก "อีทิสฉันท์"\n\n\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"177\" width=\"380\" src=\"/files/u30660/chan_iti20.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n\nแหล่งที่มาของภาพ \n\n\nhttp://www.st.ac.th/bhatips/images/chan_iti20.gif\n\n\n \n 1. วรรคหนึ่งมี 4 คำ นับ 2 วรรค หรือ 2 กลอนเป็นหนึ่งบาท 2 บาทเป็นหนึ่งบทเพราะบาทหนึ่งมี 8 คำ จึงเรียกว่าฉันท์ 8 บาทแรกเรียกบาทเอกหรือบาทขอน บาทหลังเรียกบาทโทหรือบาทคู่ เรียกเหมือนกันเช่นนี้ทุกฉันท์ \n\n\n 2. เครื่องหมาย ๐ หมายความว่าครุ ส่วนวงกลมที่มีหางด้านล่างหมายถึงลหุ นอกจากนั้นเป็นครุ \n\n\n 3. สัมผัสให้ดูตามเส้นโยง คำที่ ของวรรคที่ 1 ซึ่งสัมผัสกับคำที่ 3 ในวรรคที่ 2 นั้นบางทีก็ไม่นิยม \n\n\n 4. จิตรปทาแนท์ นิยมแต่ง 2 บทคู่กันเป็นตอนหนึ่ง เมื่อขึ้นตอนต่อไป ต้องย่อหน้าทุก ๆ ตอน และต้องให้คำสุดท้ายบทที่ 2 ของตอนต้นสัมผัสกับคำสุดท้ายของบทที่ 1 ของตอนต่อๆ ไปดังตัวอย่างที่แสดงไว้ จะแต่งยาวเท่าไหร่ก็ได้ แต่ต้องสัมผัสกันเช่นนี้เสมอ \nจะจบลงในบาทเอกไม่ได้ \n\n\n\n<a href=\"/node/81942\" title=\"HOME\"><img height=\"82\" width=\"108\" src=\"/files/u40864/aa70.gif\" alt=\"กลับสู่หน้าหลัก\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 89px\" /></a><a href=\"/node/84030\" title=\"กลับสู่หัวข้อหลัก\"><img height=\"160\" width=\"147\" src=\"/files/u40864/th_bgns864.gif\" border=\"0\" style=\"width: 58px; height: 48px\" /></a> \n\n\n\n\n<div align=\"left\" class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"209\" width=\"600\" src=\"/files/u40864/cantaluk.jpg\" alt=\"ฉันทลักษณ์\" border=\"0\" /><a href=\"/node/84030\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/art.jpg\" alt=\"ศิลปะในการประพันธ์\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84032\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/chan.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84972\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/kanvijak.jpg\" alt=\"การวิจักษ์และวิจารณ์วรรณคดี\" border=\"0\" /></a> \n</div>\n\n\n\n\n\nกลอนแปด\n\n\n คณะหนึ่ง จะมี 4 วรรค ทุกวรรคมี แปดคำ \n\n\n วรรคแรก เรียกว่า วรรคสดับ \n\n\n วรรคสอง เรียกว่า วรรครับ \n\n\n วรรคสาม เรียกว่า วรรครอง \n\n\n วรรคสี่ เรียกว่า วรรคส่ง \n\n\n อ่านเป็นสามตอนในทุกวรรค สามคำ สองคำ และสามคำแ และมีกำหนดสัมผัสด้วย กลอนแปดนั้นไม่บังคับวรรณยุกต์ บังคับแต่รูปสระ \n\n\nส่วนกลอนแปดสุภาพนั้นเหมือนกลอนแปดทั่วไป แต่จะเพิ่มบังคับรูปวรรณยุกต์ไว้ \n\n\n ๐๐๐ ๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐ ๐๐สุภาพ ( วรรคสดับ - วรรครับ ) \n\n\n๐๐๐ ๐๐ ๐๐สุภาพ ๐๐๐ ๐๐ ๐๐สุภาพ ( วรรครอง - วรรคส่ง ) \n\n\n๐๐๐ ๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐ ๐๐สุภาพ ( วรรคสดับ - วรรครับ ) \n\n\n๐๐๐ ๐๐ ๐๐สุภาพ ๐๐๐ ๐๐ ๐๐สุภาพ ( วรรครอง - วรรคส่ง ) \n\n\n\n<a href=\"/node/81942\" title=\"HOME\"><img height=\"82\" width=\"108\" src=\"/files/u40864/aa70.gif\" alt=\"กลับสู่หน้าหลัก\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 89px\" /></a><a href=\"/node/84030\" title=\"กลับสู่หัวข้อหลัก\"><img height=\"160\" width=\"147\" src=\"/files/u40864/th_bgns864.gif\" border=\"0\" style=\"width: 58px; height: 48px\" /></a> \n\n\n\n\n<div align=\"left\" class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"209\" width=\"600\" src=\"/files/u40864/cantaluk.jpg\" alt=\"ฉันทลักษณ์\" border=\"0\" /><a href=\"/node/84030\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/art.jpg\" alt=\"ศิลปะในการประพันธ์\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84032\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/chan.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84972\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/kanvijak.jpg\" alt=\"การวิจักษ์และวิจารณ์วรรณคดี\" border=\"0\" /></a> \n</div>\n<div align=\"left\" class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n <img height=\"458\" width=\"464\" src=\"/files/u40864/kabhoklong.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 324px; height: 205px\" />\n</div>\n<div align=\"left\" class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\nแหล่งที่มาของภาพ\n</div>\n<div align=\"left\" class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/files/u19124/kabhoklong.jpg\">http://www.thaigoodview.com/files/u19124/kabhoklong.jpg</a>\n</div>\n\n\n\n\n\nกาพย์ คือคำประพันธ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกำหนดคณะ พยางค์ และสัมผัส มีลักษณะคล้ายกับฉันท์ แต่ไม่นิยม ครุ ลหุ เหมือนกับฉันท์ \n\n\n กาพย์ แปลตามรูปศัพท์ว่า เหล่ากอแห่งกวี หรือ ประกอบด้วย คุณแห่งกวี หรือ คำที่กวี ได้ร้อยกรองไว้ \n\n\n กาพย์มาจากคำว่า กาวฺย หรือ กาพฺย และคำ กาวฺย หรือ กาพฺย มาจากคำ กวี กวีออกมาจากคำเดิม ในภาษาบาลี และสันสกฤต คือ กวิ แปลว่า ผู้คงแก่เรียน ผู้เฉลียวฉลาด ผู้มีปัญญาเปรื่องปราด ผู้ประพันธ์กาพย์กลอน คำ กวิ หรือ กวี มาจากรากศัพท์เดิม คือ กุธาตุ แปลว่า เสียง ว่าทำให้เกิดเสียง ว่าร้อง ว่าร้องระงม ว่าคราง ว่าร้องเหมือนเสียงนก หรือเสียงแมลงผึ้ง \n\n\n กาพย์ ตามความหมายเดิม มีความหมายกว้างกว่าที่เข้าใจกัน ในภาษาไทย คือ บรรดาบทนิพนธ์ ที่กวีได้ ร้อยกรองขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โคลง ฉันท์ กาพย์ หรือ ร่าย นับว่าเป็นกาพย์ ทั้งนั้น แต่ไทยเรา หมายความ แคบ หรือหมายความถึง คำประพันธ์ชนิดหนึ่ง ของกวีเท่านั้น \n\n\n กาพย์มีลักษณะผิดกับกลอนธรรมดา คือ \n 1. วางคณะ พยางค์ และสัมผัสคล้ายกับฉันท์ \n 2. ใช้แต่งปนกับฉันท์ได้ และคงเรียกว่า คำฉันท์ เหมือนกัน \n\n\n กาพย์ที่นิยมใช้อยู่ในภาษาไทย มี 5 ชนิด คือ \n 1. กาพย์ยานี 11 \n 2. กาพย์ฉบัง 16 \n 3. กาพย์สุรางคนางค์ มีอยู่ 3 ชนิด คือ กาพย์สุรางคนางค์ 28 สุรางคนางค์ 32 และ สุรางคนางค์ 36 \n 4. กาพย์ห่อโคลง \n 5. กาพย์ขับไม้ห่อโคลง \n\n\n กาพย์ เป็นคำประพันธ์ที่มีลักษณะคล้ายฉันท์ มีกำเนิดมาจากคัมภีร์วุตโตทัยของบาลีและสันสกฤตเช่นเดียวกับฉันท์ แต่ไม่บังคับ ครุ ลหุ จึงได้รับความนิยมในการใช้แต่งเป็นอย่างมาก ใช้แต่งวรรณคดีทั้งเรื่อง หรือแต่งกับคำฉันท์ หรือแต่งกับโคลงสี่สุภาพ เป็น กาพย์ห่อโคลง และ กาพย์เห่เรือ หรือใช้แต่งกล่อมช้าง เรียกว่า กาพย์ขับไม้ \n\n\n ครุ คือพยางค์ที่มีเสียงหนัก ได้แก่ พยางค์ที่ประกอบด้วย สระเสียงยาว (ทีฆสระ) \n สระเกินทั้ง 4 คือ สระ อำ ใอ ไอ เอา \n พยางค์ที่มีตัวสะกดทั้งสิ้น \n\n\n ลหุ คือพยางค์ที่มีเสียงเบา ได้แก่ พยางค์ที่ประกอบด้วย สระเสียงสั้น (รัสสระ) ที่ไม่มีตัวสะกด\n\n\n ลิลิต หมายถึง หนังสือที่แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภท โคลง และร่าย สลับกันเป็นช่วงๆ ตามธรรมเนียมแล้ว มักจะใช้โคลงและร่ายในแบบเดียวกัน กล่าวคือ โคลงดั้น สลับกับร่ายดั้น, โคลงสุภาพ สลับกับร่ายสุภาพ อย่างนี้เป็นต้น โคลงและร่ายที่สลับกันนั้น มักจะร้อยสัมผัสด้วยกัน เรียกว่า "เข้าลิลิต" ร่ายโบราณ ร่ายสุภาพ \n\n\n\n\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/72826/\"></a>\n\n <a href=\"/node/81942\" title=\"HOME\"><img height=\"82\" width=\"108\" src=\"/files/u40864/aa70.gif\" alt=\"กลับสู่หน้าหลัก\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 89px\" /></a><a href=\"/node/84032\" title=\"กลับสู่หัวข้อหลัก\"><img height=\"160\" width=\"147\" src=\"/files/u40864/th_bgns864.gif\" border=\"0\" style=\"width: 58px; height: 48px\" /></a> \n\n</div>\n', created = 1715835623, expire = 1715922023, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:42050b19688d82b71aad1fd82e971f1f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:dce3ad3753a4aec583e5215da811b9e6' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '\n<div class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"209\" width=\"600\" src=\"/files/u40864/cantaluk.jpg\" alt=\"ฉันทลักษณ์\" border=\"0\" />\n</div>\n<div class=\"Post-body\" style=\"text-align: center\">\n\n</div>\n<div align=\"center\" class=\"Post-body\">\n<a href=\"/node/84030\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/art.jpg\" alt=\"ศิลปะในการประพันธ์\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84032\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/chan.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/84972\"><img height=\"30\" width=\"150\" src=\"/files/u40864/kanvijak.jpg\" alt=\"การวิจักษ์และวิจารณ์วรรณคดี\" border=\"0\" /></a> \n\n<img height=\"379\" width=\"200\" src=\"/files/u40864/vaja1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 287px; height: 180px\" /> \n\n\nแหล่งที่มาของภาพ\n\n\nhttp://202.28.17.101/prachyanun/dte/dte18/images/stories/image1/vaja1.jpg \n\n\n</div>\n\n\nฉันทลักษณ์ \n\n\n\n คือตําราที่ว่าด้วยวิธีร้อยกรองถ้อยคําหรือเรียบเรียงถ้อยคำให้เป็นระเบียบตามลักษณะบังคับและบัญญัติที่นักปราชญ์ได้วางเป็นแบบไว้ถ้อยคำที่ร้อยกรองขึ้นตามลักษณะบัญญัติแห่ง \n\n\nฉันทลักษณ์ เรียกว่า คำประพันธ์ \n\n\n คำประพันธ์ คือถ้อยคำที่ได้ร้อยกรองหรือเรียบเรียงขึ้น โดยมีข้อบังคับ จำกัดคำและวรรคตอนให้รับสัมผัสกันเพื่อความไพเราะตามกฎเกณฑ์ที่ได้วางไว้ใน ฉันทลักษณ์ \n\n\n คำประพันธ์ที่ดีประกอบด้วยลักษณะ 3 ประการ คือ \n\n\n 1. มีข้อความดี \n\n\n 2. มีสัมผัสดี \n\n\n 3. แต่งได้ถูกต้องตามลักษณะบังคับ \n\n\nคําประพันธ์จําแนกออกเป็น 7 ชนิด คือ\n\n\n โคลง ร่าย \n\n\n ลิลิต กลอน \n\n\n กาพย์ ฉันท์ \n\n\n\n<a href=\"/node/81942\" title=\"HOME\"><img height=\"82\" width=\"108\" src=\"/files/u40864/aa70.gif\" alt=\"กลับสู่หน้าหลัก\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 89px\" /></a><a href=\"/node/84030\" title=\"กลับสู่หัวข้อหลัก\"><img height=\"160\" width=\"147\" src=\"/files/u40864/th_bgns864.gif\" border=\"0\" style=\"width: 58px; height: 48px\" /></a> \n\n\n', created = 1715835623, expire = 1715922023, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:dce3ad3753a4aec583e5215da811b9e6' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

เมื่อ อังคาร, 23/11/2010 - 10:13 | แก้ไขล่าสุด จันทร์, 31/01/2011 - 23:34| โดย

muaykimyi

แหล่งที่มาของภาพ

http://202.28.17.101/prachyanun/dte/dte18/images/stories/image1/vaja1.jpg

ฉันทลักษณ์

คือตําราที่ว่าด้วยวิธีร้อยกรองถ้อยคําหรือเรียบเรียงถ้อยคำให้เป็นระเบียบตามลักษณะบังคับและบัญญัติที่นักปราชญ์ได้วางเป็นแบบไว้ถ้อยคำที่ร้อยกรองขึ้นตามลักษณะบัญญัติแห่ง

ฉันทลักษณ์ เรียกว่า คำประพันธ์

คำประพันธ์ คือถ้อยคำที่ได้ร้อยกรองหรือเรียบเรียงขึ้น โดยมีข้อบังคับ จำกัดคำและวรรคตอนให้รับสัมผัสกันเพื่อความไพเราะตามกฎเกณฑ์ที่ได้วางไว้ใน ฉันทลักษณ์

คำประพันธ์ที่ดีประกอบด้วยลักษณะ 3 ประการ คือ

1. มีข้อความดี

2. มีสัมผัสดี

3. แต่งได้ถูกต้องตามลักษณะบังคับ

คําประพันธ์จําแนกออกเป็น 7 ชนิด คือ

โคลง ร่าย

ลิลิต กลอน

กาพย์ ฉันท์

สร้างโดย:

ครูศรีสวาสดิ์ บุนนาค กับนางสาว สุพิรญาณ์ ตั้งกมลเลิศ

ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น |

อ่าน 27716 ครั้ง |

Tags: ภาษาไทย, ช่วงชั้น 4 (ม.4-6)

Thaigoodview

ของขวัญ ของที่ระลึก Miori Jung Handmade

ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ
ไม่ถูกปิดเสียก่อน
ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558
มีผลบังคับใช้แล้ว
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

โรงเรียนเครือข่ายจัดกิจกรรม บล็อก(Blog) เครื่องมือสำหรับครูยุคใหม่ เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้

เปลี่ยนชื่อผู้ใช้งาน/เพิ่มพื้นที่เก็บภาพ

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 258 คน กำลังออนไลน์

Copyright © 2000-2024 thaigoodview.com | ออกแบบและพัฒนาระบบโดย ไทยกู๊ดวิวดอทคอม
สงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-Noncommercial-Share Alike 3.0 Unported License.
ท่านสามารถนำเนื้อหาไปใช้ แสดง ดัดแปลง เผยแพร่ โดยต้องอ้างอิงที่มา ห้ามใช้เพื่อการค้า และต้องใช้สัญญาอนุญาตชนิดเดียวกันนี้ไปกับงานดัดแปลงต่อยอดที่เผยเผยแพร่ต่อ

ฉันทลักษณ์

นำทาง

สมาชิกที่ออนไลน์