ตัวเรียงภาษาไทย
- ในสมัยสุโขทัย พ่อ ขุนรามคำแหงมหาราชได้คิดประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๖ โดยมีการศึกษามาจากภาษาขอม มอญ อินเดีย
สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ลูกหลานชาวไทยตลอดมา ตัวอักษรไทยมีความสวยงามอยู่ในตัวเอง ประกอบกับคนไทยมีนิสัยชอบประดิษฐ์ประดอย
มีความปราณีต นุ่มนวลอยู่ในสายเลือดจึงชอบที่จะเขียนตัวอักษรมากกว่าการพิมพ์ ทำให้มีการเขียนตัวอักษรไว้ในที่ต่างๆ เช่น สมุดข่อย ใบลาน
หรือตามฝาผนังเพื่อใช้อธิบายภาพ ใช้บันทึกตำรายา อักษรไทยที่เป็นตัวเขียนจะมีความงามเฉพาะโดยจะเอียงไปทางขวาของผู้เขียน
ประมาณ ๔๕ องศา บางครั้งมีการประกวดแข่งขันกัน หรือใช้เป็นข้อมูลในการทำนายอนาคตด้วยลายมือก็ได้ เช่น ถ้าเขียนอักษรได้สวยงาม
เชื่อว่าจะเรียนเก่ง ต่อไปจะได้ดี ทำให้การพิมพ์ไม่มีความสำคัญหรือไม่มีความจำเป็น สำหรับสังคมไทยในสมัยนั้น
-ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ประเทศมหาอำนาจทางตะวันตกจะแสวงหา เมืองขึ้นเพื่อเป็นอาณานิคมของตน ประเทศต่างๆรอบบ้านเรา
ตกเป็นเมืองขึ้นของชาวตะวันตกจนหมดด้วยพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ แห่งราชวงศ์จักรี จึงทำให้เราดำรงความเป็นไทยมาได้จนปัจจุบัน
แต่อย่างไรก็ตาม ชาวตะวันตกก็ไม่ละความพยายาม จึงแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามาในรูปของความศรัทธา ความเชื่อถือโดยการเผยแพร่ศาสนาคริสต์
เข้ามายังบ้านเรา นนอกจากนี้ยังได้นำความรู้ด้านการพิมพเข้ามาสู่ประเทศไทยดด้วย ดังจะกล่าวโดยสรุปดังต่อไปนี้
ตระหนักถึงการเผยแพร่ศาสนาว่าถ้าเป็นภาษาถิ่นจะช่วยให้ชาวบ้านเข้าใจได้ดี และรวดเร็วขึ้น จึงเริ่มศึกษาภาษาไทย
จากเ๙ลยศึกเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่ ๒ (พ.ศ. ๒๓๑๐) แล้วแปลคำสอนศาสนาคริสต์จากภาษาอังกฤษมาเป็น
ภาษาไทยและช่วยกันหล่อตัวพิมพ์ เป็นภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า มีลักษณะเป็นตัวเขียน
ด้วยปากกาคอแล้งหรือปากกาจิ้มหมึก ขนาดประมาณ ๓๐ พ้อยท์ หลายปีต่อมา สถานการณ์ในประเทพม่าไม่น่าไว้วางใจ
นายฮัฟ จึงอพยพครอบครัวมาอยู่ที่เมือง กัลกัตตา แล้วเดินทางต่อมายังประเทศสิงคโปร์ และได้นำตัวเรียงภาษาไทยมาพิมพ์ที่นี่ด้วย
- ปี พ.ศ. ๒๓๗๘ หมอบ ลัดเลย์ (Dr.Dan Beach Bradley) ได้ซื้อตัวเรียงภาษาไทยที่ได้พัฒนามาจากตัวเรียงที่หล่อขึ้นที่เมือง
ย่างกุ้ง และนำเข้าสู่ประเทศไทย เป็นตัวเรียงที่มีภาษาเดียว (ประมาณ ๓๒ พ้อยท์ ตัวเรียงชุดนี้หมอบรัดเลย์
ใช้พิมพ์ประกาศห้ามสูบฝิ่น เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๓๘๒
เป็นครั้งแรกที่ข้างวัดประยูรวงศ์ (ธนบุรี) กทม. ทำให้ตัวเรียงภาษาไทยมีหลายแบบหลายขนาดเช่น ตัวโป้ง
ขนาด ๓๒ พ้อยท์ ตัวกลาง ขนาด ๒๔ พ้อยท์ และตัวธรรมดา ขนาด ๒๐-๒๒พ้อยท์
- ปี พ.ศ. ๒๔๔๔-๒๔๙๕ ได้ ทำตัวเรียงภาษาไทยให้มีหลายแบบหลาบขนาดมากยิ่งขึ้น เช่น ตัวโป้งหนา (แบบหัวกลมทึบหรือตัวหัวบอด)
ขนาด32พ้อยท์ ใช้เป็นตัวหัวเรื่อง ตัวจิ๋วบางขนาด ๑๔-๑๖ พ้อยท์ เป็นตัวที่เล็กมากถ้าใช้โลหะทั่วไปหล่อ จะทำได้ยากและไม่คม
จึงต้องใช้ทองแดงที่สั่งมาจากฝรั่งเศสหล่อ ทำให้เรียกกันติดปากว่าตัว ฝรั่งเศส
- ปี พ.ศ.๒๕๐๐ บริษัท โมโนไทน์และบริษัทไทยวัฒนาพานิช ได้ร่วมมือกันปรับปรุงตัวเรียงภาษาไและหล่อขึ้นอีกหลายแบบ
หลายขนาดใช้กัน อยู่ในปัจจุบันส่งผลให้บริษัทไทยวัฒนาพานิชเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน
- ปี พ.ศ.๒๕๐๐-๒๕๐๙ โรง พิมพ์ชาเก็น (Shaken ) ของประเทศญี่ปุ่น ได้นำอักษรไทยไปพัฒนาใช้กับระบบเรียงพิมพ์ด้วยแสง
แล้วไปถ่ายฟิล์ม อัดเพลท ใช้กับแท่นพิมพ์ระบบออฟเซท (ขณะนั้นสามารถทำได้ขนาดตั้งแต่ ๘-๖๗ พ้อยท์
- ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ นายทองเต็ม เสมรสุต ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำตัวเรียงพิมพ์ภาษาไทยออกมาได้อีกมากมายหลายขนาด
มีทั้งตัวหนา ตัวบาง ตัวเอน ตัวราชการ ตัวตลกและตัวพิมพ์อื่นๆที่สวยงาม คมชัด เหมาะกับการทำต้นฉบับเพื่อการพิมพ์ในระบบต่างๆ
โดยเฉพาะระบบออฟเซทที่กำลัง เป็นที่นิยมกันในปัจจุบันนี้ (วัลลภ สวัสดิวัลลภ.๒๕๓๕ : ๕๐)
- ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ บริษัท วัชรพล (โรงพิมพ์ไทยรัฐ) ได้นำเครื่องคอมพิวกราฟิค (Comput ) เข้ามาทำตัวเรียงเพื่อผลิตต้นฉบับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
และได้พัฒนาปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆจนเหมาะสมและใช้กันในปัจจุบัน เรียกการทำตัวเรียงลักษณะนี้ว่าเรียงคอมพิวกราฟิค (เรียกตามชื่อเครื่อง) และเรียกตัวเรียงว่า ตัวคอมพิว
- วงการพิมพ์บ้านเราเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อสนองตอบความต้องการ ที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันเรากำลังก้าวสู่ยุคแห่งสังคม
ข่าวสารความสำคัญของสื่อสิ่งพิมพ์ยิ่งทวีค่ามากขึ้นตามลำดับ จึงทำให้มีการคิดค้นตัวอักษรภาษาไทยในรูปแบบต่างๆเพื่อสะดวกแก่กสรใช้งาน
เช่น อักษรลอกซึ่งมีหลายแบบหลายขนาด เหมาะที่จะใช้ทำต้นฉบับสิ่งพิมพ์ที่ใช้ข้อความน้อยๆหรือทำเป็นตัวหัวเรื่อง ตัวเน้นตัว
อักษรที่พิมพ์มาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป (เครื่อง P.C.) ก็สามารถใช้ทำต้นฉบับเพื่อการพิมพ์ได้ แต่ควรจะมีความคมชัด
ถ้าปริ้น (Print )ออกมาจากเครื่องที่ใช้เข็ม (DotMatric ) ก็ควรจะเลือกเครื่องที่มีความถี่สูงและเปลี่ยนผ้าหมึกใหม่เพื่อให้ได้ตัวที่
เข้ม แต่ถ้าเป็นเครื่องเลเซอร์ปริ้น (Laser Print )สามารถนำไปใช้ได้ เลย แต่ถ้าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอส
จะออกแบบตัวอักษรได้หลากหลายกว่า มีลูกเล่นพลิกแพลงได้มาก โดยเฉพาะโปรแกรมเพจเมคเกอร์ (Pagemaker )
แต่ขณะนี้เครื่องพีซี ก็มีโปรแกรมนี้และโปรแกรมอื่นๆภายใต้วินโดว์ที่เอื้ออำนวยแก่การออกแบบเพื่อ การพิมพ์อีกมากมาย
ตัวอักษรที่ใช้ในงาน พิมพ์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ตัวเรียง ซึ่งปัจจุบันมีการเรียงพิมพ์ ๒ ลักษณะ คือ
๑. การเรียงตัวพิมพ์แบบร้อน (Hot Type Computer ) เป็นการเรียงพิมพ์โดยใช้ตัวเรียงที่ทำด้วยโลหะ (๓ มิติ) และการหล่อตัวเรียงเป็น
ข้อความด้วยเครื่องจักรกล ตัวเรียงจะแยกกันอยู่ในกระบะตามชนิด ตามแบบและขนาด สามารถนำมาใช้ได้หลายครั้ง
เมื่อชำรุดหักหรือบิ่น สามารถหล่อใหม่ได้ เป็นตัวเรียงที่ใช้ในการพิมพ์ระบบเลตเตอร์เพรส
๒. การเรียงตัวพิมพ์แบบเย็น (Cold Type Composition) เป็นการสร้างตัวเรียงโดยการอัดภาพบนกระดาษ (๒ มิติ) ผ่านเครื่องพิมพ์แบบต่างๆ
บางครั้งเรียกว่า รางยาวใช้ได้ครั้งเดียวเป็นตัวเรียงที่นำมาใช้ในการจัดหน้า ทำอาร์ตเวิร์ค เป็นต้นฉบับพิมพ์ระบบออฟเซท
การใช้ตัวอักษรในการพิมพ์
ข้อความหรือตัวอักษรที่ใช้ในงานพิมพ์ ทั้งงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ จะได้รับการกลั่นกรองจาก นักคิดคำโฆษณา ผู้กำกับศิลป์ ลูกค้า
ก่อนออกสู่สายตาสาธารณชน นับเป็นกระบวนการสร้างสรรค์และยิ่งใหญ่ไม่แพ้งานเขียนอื่นๆ สิ่งพิมพ์ที่เราพบเห็ฯกันในปัจจุบัน
จะมีตัวอักษรเป็นองค์ประกอบที่สำคัญพอๆกับองค์ประกอบอื่นๆ เมื่อพิจารณาดูแล้วจะเห็นว่าเราใช้ตัวอักษรในกรณีต่อไปนี้
๑. ใช้ตัวอักษรเพื่อการอธิบาย หรือบรรยาย เนื้อหา (Book Face) หรือที่เรียกว่าตัวพื้นซึ่งนักออกแบบจะต้องออกแบบให้สอดคล้องกับประเภทของ
สิ่งพิมพ์และการรับรู้ของประชาชน เช่นถ้าเป็นหนังสือโดยทั่วไปแล้วจะมีข้อกำหนดตามวัยต่างๆดังนี้ ระดับอนุบาล ควรใช้ตัวขนาด 30 พ้อยท์ขึ้นไป
ระดับประถมปีที่ ๑-๒ ควรใช้ขนาด ๒๔-๓๒ พ้อยท์ ระดับประถมปีที่ ๓-๔ ควรใช้ตัวขนาด ๑๘-๒๔ พ้อยท์ ระดับประถมปีที่๕-๖ ควรใช้ตัวขนาด ๑๖-1๑๘ พ้อยท์
ระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๖ ควรใช้ตัวขนาด ๑๖ พ้อยท์ ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป ควรใช้ตัวขนาด ๑๔-๑๖ พ้อยท์
นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับระยะในการมองเห็นด้วย เช่น ถ้าเป็นหนังสือ เอกสาร ระยะการมองปกติ ขนาดของตัวอักษรไม่เป็นปัญหา
แต่ถ้าเป็นสิ่งพิมพ์ประเภทโปสเตอร์ ป้ายโฆษณากลางแจ้งผู้ออกแบบควรพิจารณาเรื่องขนาดของตัวอักษรด้วย
๒. ใช้ตัวอักษรเพื่อเป็นจุดเด่น ในการดึง ดูดสายตา (Display Face) ส่วนใหญ่จะใช้เป็นชื่อเรื่อง หัวข้อเรื่อง หรือหน้าปกหนังสือ
ซึ่งมักจะมีขนาดใหญ่อาจจะเป็นตัวเรียง อักษรลอก หรือักษรประดิษฐ์ก็ได้
ตัวอักษรที่ใช้ในการออกแบบและจัด ทำต้นฉบับสิ่งพิมพ์ มี ๓ ลักษณะใหญ่ๆคือ
๑. ตัวพื้นหรือตัวกลาง (Bass Line) เป็นตัวอักษรที่ใช้เป็นส่วนใหญ่ในสิ่งพิมพ์ เช่นการจัดทำหนังสือ ตัวพื้นจะเป็นตัวเดินเรื่อง
หรือตัวพรรณา นับว่าเป็นตัวที่สำคัญมากเพราะผู้อ่านต้องมอง ต้องอ่าน ตลอดทั้งเรื่อง และใช้เวลาในการอ่านส่วนใหญ่อยู่กับตัวพื้น
๒. ตัวเน้น (Emphasis ) เป็นตัวที่มีขนาดเท่ากับตัวพื้น แต่มีแบบหรือมีลักษณะที่แตกต่างออกไป
๓. ตัวหัวเรื่อง (Head Line) เป๋นตัวหนาและใหญ่ขนาดประมาณ ๔๐-๗๒ พ้อยท์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ตัวอักษรป้ายแสดง ( )ซึ่งอาจจะเป็นตัวเรียง
ตัวประดิษฐ์ที่แสดงอารมณ์ต่างๆ หรืออักษรลอกก็ได้ (Letter Press) ตัวหัวเรื่องทำหน้าที่ สร้างความน่าสนใจ สะดุดตา
ชักจูงให้อยากอ่านรายละเอียดต่อไป ปัจจุบันมีการทำตัวซ้อน ตัวห่าง ตัวอิสระที่หันไปตามทิศทางต่างๆ (ตัวเรียงจากเครื่องคอมพิวเตอร์)
หัวเรื่องที่ดีมักจะบอกถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับการนำเสนอข่าวใหม่ หรือข้อความที่เป็นจริง ฯลฯ