• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:1fc31fbbc1829e1d3ceeec446dc26158' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"600\" src=\"/files/u20249/a8.jpg\" height=\"69\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"194\" src=\"/files/u20249/s8.jpg\" height=\"322\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #666699\"><span style=\"color: #666699\"><strong>ภาพจาก</strong> </span></span><a href=\"http://www.prdnorth.in.th/The_King/picture/ram8.jpg\"><span style=\"color: #666699\"><span style=\"color: #666699\">http://www.prdnorth.in.th/The_King/picture/ram8.jpg</span></span></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\"><span style=\"color: #808000\"><strong>พระราชประวัติ </strong></span></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 11 ปีฉลู หรือตรงกับวันที่ </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">20 กันยายน พุทธศักราช 2468 ณ เมืองไฮเดนเบิร์ก (Heidenberg) ประเทศเยอรมนี ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์โตใน </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ และหม่อมสังวาล ตะละภัฎ </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">(ภายหลังทรงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">และสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี) เมื่อแรกประสูติทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น หม่อมเจ้าชายอานันทมหิดล </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">ต่อมาในปีพุทธศักราช 2470 ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<br />\n<span style=\"color: #808000\">        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงมีพระเชษฐภคินีหนึ่งพระองค์คือ </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และทรงมีสมเด็จพระอนุชาอีกหนึ่งพระองค์คือ </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<br />\n<span style=\"color: #808000\">        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงเข้ารับการศึกษาเบื้องต้นที่โรงเรียนมาแตร์เดอี </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">เป็นเวลา 2 ปี และต่อมาทรงย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ต่อมาเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">บ้านเมืองเกิดความสับสน พระองค์จึงได้เสด็จฯ ไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินีและพระอนุชา เพื่อการศึกษาและเพื่อบำรุงพระพลานามัย </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<br />\n<span style=\"color: #808000\">        แต่แล้วเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พุทธศักราช 2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้น </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">ประทับรักษาพระเนตรอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ได้ทรงประกาศสละราชสมบัติพร้อมกับสละพระราชสิทธิ์ในการแต่งตั้ง</span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">ผู้สืบราชสันตติวงศ์ และเนื่องจากไม่ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาเลย การสืบสันตติวงศ์จึงเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">โดยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลไทยในขณะนั้นจึงได้กราบทูลอัญเชิญ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">ซึ่งทรงอยู่ในลำดับที่ 1 แห่งการสืบราชสันตติวงศ์ ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 8 ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระนามว่า </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">“ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา อานันทมหิดล สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดี พระอัฐมรามาธิบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ”</span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\"> และเนื่องจากในขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา จึงต้องทรงมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งได้แก่ พระวรวงศ์เธอ </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา และเจ้าพระยายมราช </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">ทำการบริหารราชการแผ่นดินแทนพระองค์จนกว่าจะทรงบรรลุพระราชนิติภาวะ </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<br />\n<span style=\"color: #808000\">        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้เสด็จฯ นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งแรกหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2481 ซึ่งขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ 13 ชันษา พร้อมด้วยสมเด็จพระราชชนนี </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอและสมเด็จพระอนุชา หลังจากเสด็จฯ นิวัติเมืองไทยครั้งแรกแล้ว ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">สถานการณ์ของโลกอยู่ในขั้นวิกฤติ การคมนาคมติดต่อระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศขัดข้อง </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล จึงมิได้เสด็จฯ นิวัติประเทศไทยอีกเป็นเวลานาน แต่ก็ได้ทรงศึกษาวิชาการอยู่โดยตลอด จ</span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">นเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง เหตุการณ์ต่าง ๆ เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">ซึ่งขณะนั้นกำลังทรงศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์และเหลือเวลาอีกประมาณ 3 ปี ก็จะทรงได้รับปริญญาเอก </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808000\">ก็ได้เสด็จนิวัติฯ กลับประเทศไทยอีกครั้ง โดยทางเครื่องบินที่กองทัพอากาศของรัฐบาลอังกฤษจัดถวาย เสด็จฯ </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #999999\"><span style=\"color: #808000\">ถึงกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2488 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 21 พรรษา ซึ่งทรงบรรลุพระราชนิติภาวะแล้ว</span> </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #999999\"><span style=\"color: #808000\"><a href=\"/node/49465\"><img border=\"0\" width=\"20\" src=\"/files/u20249/link.gif\" height=\"18\" /></a><strong><a href=\"/node/49465\">   พระราชกรณียกิจที่สำคัญ</a>  <a href=\"/node/49478\"> <img border=\"0\" width=\"20\" src=\"/files/u20249/link.gif\" height=\"18\" />   วัดประจำรัชกาลที่ ๘  </a> <a href=\"/node/49486\"><img border=\"0\" width=\"20\" src=\"/files/u20249/link.gif\" height=\"18\" />   ตราประจำรัชกาลที่ ๘</a></strong></span></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #999999\"><span style=\"color: #808000\"></span></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #999999\"></span>\n</p>\n', created = 1720201191, expire = 1720287591, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:1fc31fbbc1829e1d3ceeec446dc26158' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

รัชกาลที่ ๘

 

ภาพจาก http://www.prdnorth.in.th/The_King/picture/ram8.jpg

พระราชประวัติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 11 ปีฉลู หรือตรงกับวันที่

20 กันยายน พุทธศักราช 2468 ณ เมืองไฮเดนเบิร์ก (Heidenberg) ประเทศเยอรมนี ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์โตใน

สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ และหม่อมสังวาล ตะละภัฎ

(ภายหลังทรงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

และสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี) เมื่อแรกประสูติทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น หม่อมเจ้าชายอานันทมหิดล

ต่อมาในปีพุทธศักราช 2470 ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล


        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงมีพระเชษฐภคินีหนึ่งพระองค์คือ

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และทรงมีสมเด็จพระอนุชาอีกหนึ่งพระองค์คือ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9


        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงเข้ารับการศึกษาเบื้องต้นที่โรงเรียนมาแตร์เดอี

เป็นเวลา 2 ปี และต่อมาทรงย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ต่อมาเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

บ้านเมืองเกิดความสับสน พระองค์จึงได้เสด็จฯ ไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินีและพระอนุชา เพื่อการศึกษาและเพื่อบำรุงพระพลานามัย


        แต่แล้วเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พุทธศักราช 2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้น

ประทับรักษาพระเนตรอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ได้ทรงประกาศสละราชสมบัติพร้อมกับสละพระราชสิทธิ์ในการแต่งตั้ง

ผู้สืบราชสันตติวงศ์ และเนื่องจากไม่ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาเลย การสืบสันตติวงศ์จึงเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล

โดยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลไทยในขณะนั้นจึงได้กราบทูลอัญเชิญ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล

ซึ่งทรงอยู่ในลำดับที่ 1 แห่งการสืบราชสันตติวงศ์ ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 8 ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระนามว่า

“ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา อานันทมหิดล สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดี พระอัฐมรามาธิบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ”

 และเนื่องจากในขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา จึงต้องทรงมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งได้แก่ พระวรวงศ์เธอ

กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา และเจ้าพระยายมราช

ทำการบริหารราชการแผ่นดินแทนพระองค์จนกว่าจะทรงบรรลุพระราชนิติภาวะ


        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้เสด็จฯ นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งแรกหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2481 ซึ่งขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ 13 ชันษา พร้อมด้วยสมเด็จพระราชชนนี

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอและสมเด็จพระอนุชา หลังจากเสด็จฯ นิวัติเมืองไทยครั้งแรกแล้ว ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2

สถานการณ์ของโลกอยู่ในขั้นวิกฤติ การคมนาคมติดต่อระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศขัดข้อง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล จึงมิได้เสด็จฯ นิวัติประเทศไทยอีกเป็นเวลานาน แต่ก็ได้ทรงศึกษาวิชาการอยู่โดยตลอด จ

นเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง เหตุการณ์ต่าง ๆ เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล

ซึ่งขณะนั้นกำลังทรงศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์และเหลือเวลาอีกประมาณ 3 ปี ก็จะทรงได้รับปริญญาเอก

ก็ได้เสด็จนิวัติฯ กลับประเทศไทยอีกครั้ง โดยทางเครื่องบินที่กองทัพอากาศของรัฐบาลอังกฤษจัดถวาย เสด็จฯ

ถึงกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2488 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 21 พรรษา ซึ่งทรงบรรลุพระราชนิติภาวะแล้ว

   พระราชกรณียกิจที่สำคัญ      วัดประจำรัชกาลที่ ๘      ตราประจำรัชกาลที่ ๘

สร้างโดย: 
นางพีรทิพย์ สุคันธเมศวร์ และ น.ส.กฤตินา จันทร์หวร โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 579 คน กำลังออนไลน์