การบรรเลงปี่พาทย์ในการเทศน์มหาชาติ
...
ชั้นแรกเมื่อเจ้าภาพ (หรือเจ้าของกัณฑ์) จุดเทียนประจำกัณฑ์ซึ่งเป็นสัญญาณแทนนิมนต์ธรรมกถึกขึ้นเทศน์ ปี่พาทย์ก็จะบรรเลงเพลงสาธุการ ประกอบกิริยาน้อมนมัสการพระรัตนตรัยไปจนถึงพระธรรมกถึกองค์นั้นขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เรียบร้อยแล้วจึงจะหยุดการบรรเลง เวลาพระขึ้นธรรมาสน์นี้ใช้เพลงสาธุการเหมือนกันหมด ไม่ว่าเทศน์กัณฑ์ไหนหรือเทศน์เรื่องอะไร ต่อเมื่อเวลาพระเทศน์จบแล้ว เพลงหน้าพาทย์ที่ปี่พาทย์บรรเลงจึงจะแยกย้ายไปต่างๆ ตามท้องเรื่องเทศนาในกัณฑ์ที่จะจบลง ซึ่งมีแบบแผนวางไว้แต่โบราณ ดังนี้
๑. จบกัณฑ์ทศพร บรรเลงเพลงสาธุการ
๒. จบกัณฑ์หิมพานต์ บรรเลงเพลงตวงพระธาตุ
๓. จบกัณฑ์ทานกัณฑ์ บรรเลงเพลงพญาโศก
๔. จบกัณฑ์วนประเวศน์ บรรเลงเพลงพญาเดิน
๕. จบกัณฑ์ชูชก บรรเลงเพลงเซ่นเหล้า หรือค้างคาวกินกล้วย (วรเชษฐ์)
๖. จบกัณฑ์จุลพน บรรเลงเพลงรัวสามลา หรือใช้เพลงคุกพาทย์แทนก็ได้
๗. จบกัณฑ์มหาพน บรรเลงเพลงเชิดกลอง
๘. จบกัณฑ์กุมาร บรรเลงเพลงเชิดฉิ่งโอด คือ เพลงเชิดฉิ่งสลับโอด
๙. จบกัณฑ์มัทรี บรรเลงเพลงทยอยโอด คือ เพลงโอดสลับกับเพลงทยอย
๑๐. จบกัณฑ์สักกบรรพ บรรเลงเพลงเหาะ บางที่ใช้เพลงกลมหรือกระบองกัน
๑๑. จบกัณฑ์มหาราช บรรเลงเพลงกราวนอดบางที่ใช้เพลงเรื่องทำขวัญเวียนเทียน
๑๒. จบกัณฑ์ฉกษัตริย์ บรรเลงเพลงตระนอน
๑๓. จบกัณฑ์นครกัณฑ์ บรรเลงเพลงกลองโยน แล้วเชิดเพลงกลองโยน
ถ้าหากการเทศน์สิ้นสุดงาน มิได้มีเทศน์อริยสัจหรืองานอื่นต่อปี่พาทย์จะบรรเลงเพลงกราวรำต่อกับเพลงเชิดต่อไปเลย เป็นการอนุโมทนาแก่ผู้ที่ร่วมในการกุศลและพระภิกษุสงฆ์สวดยถาสัพพีแสดงว่าหมดงาน
การที่โบราณจารย์วางแบบแผนไว้เช่นนี้เป็นการเหมาะสมยิ่ง เพราะสามารถทำให้ในกัณฑ์นั้นๆ ได้ถูกต้อง จากลีลาของปี่พาทย์จะได้ร่วมนมัสการอนุโมทนาบุญอีกประการหนึ่งผู้เป็นเจ้าของกัณฑ์บางกัณฑ์ เมื่อได้ยินก็สามารถรู้ว่าจบกัณฑ์ใดแล้วหากใกล้เคียงกัณฑ์ของคนจะได้รีบจัดแจงจตุปัจจัยที่จะถวายเป็นเครื่องกัณฑ์ พร้อมเตรียมตัวไปฟังพระธรรมเทศนาในกัณฑ์ของตนได้ทันการ
- « แรก
- ‹ หน้าก่อน
- 1
- 2