• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:b0e9af546b9cb7215613d24dae787f37' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div align=\"center\">\n<a href=\"/node/42790\"><img width=\"58\" src=\"/files/u20079/2ho.gif\" height=\"31\" /></a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img width=\"500\" src=\"/files/u20079/000041.jpg\" height=\"300\" /> \n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> ...</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img width=\"120\" src=\"/files/u20079/61-20080916211335.gif\" height=\"130\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> ...</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<b><span style=\"color: #ff6600\">การบรรเลงปี่พาทย์ในการเทศน์มหาชาติ</span><br />\n</b>\n</div>\n<p>\n<br />\nการบรรเลงปี่พาทย์ในงานเทศน์มหาชาตินี้ นอกจากการโหมโรงอันเป็นประเพณีที่ไม่ว่างานชนิดใดจะต้องมีแล้ว ยังต้องบรรเลงในเวลาพระขึ้นธรรมาสน์ และพระเทศน์จบเรียงลำดับไปทุกๆ กัณฑ์ด้วย ประเพณีบรรเลงปี่พาทย์เรียงลำดับประจำกัณฑ์เทศน์มหาชาตินี้ น่าจะมีมาแล้วตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา และอาจจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการแต่งมหาชาติคำหลวงในสมัยรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถหรือรัชกาลสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมก็ได้</p>\n<p>ดังโคลงบาท ๓ ของผู้มีนาม <b>“รัตน”</b> ว่า <b>“บทหนึ่งประโคมคำ  คำหนึ่ง นับนา”</b> กับจดหมายเหตุที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้มีการเทศน์มหาชาติและมีพระบรมวงศานุวงศ์เป็นเจ้าของกัณฑ์ก็มีความตอนหนึ่งกล่าวว่า</p>\n<p>“ครั้นจบลงกัณฑ์ใด ก็ศรัทธาสมโภชบูชา เสียงก้องโกลาหล มโหรีปี่พาทย์ กลองแขกแตรสังข์ทั้งพระคาถาพันและเรียงกัณฑ์”</p>\n<p>ดังกล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่าถ้าเป็นพระราชพิธีหลวงจะมีเครื่องประโคมจนถึงแตรสังข์อันถือเป็นเครื่องประโคมอย่างสูงด้วย ประเพณีประโคมอย่างนี้เข้าใจว่า คงจะได้สืบต่อแบบแผนมาจากกรุงศรีอยุธยา หาใช่เป็นของที่ทรงคิดขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ไม่</p>\n<p>เพลงที่ปี่พาทย์บรรเลงประกอบเทศน์มหาชาตินั้น โบราณจารย์ได้กำหนดเพลงสำหรับบรรเลงไว้โดยเฉพาะ ซึ่งล้วนเป็นเพลงหน้าพาทย์ที่เหมาะสมทั้งสิ้น<br />\n<span style=\"color: #3366ff\"><br />\n<span style=\"color: #ff0000\"><i>(หน้าพาทย์ เป็นศัพท์เฉพาะของดุริยางค์ไทย หมายถึง เพลงที่บรรเลงประกอบกิริยาเคลื่อนไหวของบุคคลและธรรมชาติ เช่น นั่ง นอน ยืน เดิน โลกธาตุเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และสูญไป เป็นต้น)</i></span></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img width=\"350\" src=\"/files/u20079/reply-00000028360.gif\" height=\"100\" />\n</p>\n<blockquote><p align=\"center\">\n <a href=\"/node/46634\"><img width=\"58\" src=\"/files/u20079/2bk.gif\" height=\"31\" /></a>   <a href=\"/node/47646?page=0%2C1\"><img width=\"58\" src=\"/files/u20079/2nx.gif\" height=\"31\" /></a>\n </p>\n</blockquote>\n<p align=\"center\">\n<img width=\"90\" src=\"/files/u20079/pt1.gif\" height=\"80\" />\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\n<a href=\"/node/42790\"><img width=\"58\" src=\"/files/u20079/2ho.gif\" height=\"31\" /></a>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img width=\"500\" src=\"/files/u20079/000041.jpg\" height=\"300\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> ...</span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img width=\"120\" src=\"/files/u20079/61-20080916211335.gif\" height=\"130\" /> \n</div>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> .</span><span style=\"color: #ffffff\">..</span>\n</p>\n<p>\nชั้นแรกเมื่อเจ้าภาพ (หรือเจ้าของกัณฑ์) จุดเทียนประจำกัณฑ์ซึ่งเป็นสัญญาณแทนนิมนต์ธรรมกถึกขึ้นเทศน์ ปี่พาทย์ก็จะบรรเลงเพลงสาธุการ ประกอบกิริยาน้อมนมัสการพระรัตนตรัยไปจนถึงพระธรรมกถึกองค์นั้นขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เรียบร้อยแล้วจึงจะหยุดการบรรเลง เวลาพระขึ้นธรรมาสน์นี้ใช้เพลงสาธุการเหมือนกันหมด ไม่ว่าเทศน์กัณฑ์ไหนหรือเทศน์เรื่องอะไร ต่อเมื่อเวลาพระเทศน์จบแล้ว เพลงหน้าพาทย์ที่ปี่พาทย์บรรเลงจึงจะแยกย้ายไปต่างๆ ตามท้องเรื่องเทศนาในกัณฑ์ที่จะจบลง ซึ่งมีแบบแผนวางไว้แต่โบราณ ดังนี้</p>\n<p><span style=\"color: #ff0000\">๑.    จบกัณฑ์ทศพร บรรเลงเพลงสาธุการ</span><br />\n<span style=\"color: #99cc00\">๒.    จบกัณฑ์หิมพานต์ บรรเลงเพลงตวงพระธาตุ</span><br />\n<span style=\"color: #cc99ff\">๓.    จบกัณฑ์ทานกัณฑ์ บรรเลงเพลงพญาโศก</span><br />\n<span style=\"color: #3366ff\">๔.    จบกัณฑ์วนประเวศน์ บรรเลงเพลงพญาเดิน</span><br />\n<span style=\"color: #ff6600\">๕.    จบกัณฑ์ชูชก บรรเลงเพลงเซ่นเหล้า หรือค้างคาวกินกล้วย (วรเชษฐ์)</span><br />\n<span style=\"color: #ff99cc\">๖.    จบกัณฑ์จุลพน บรรเลงเพลงรัวสามลา หรือใช้เพลงคุกพาทย์แทนก็ได้</span><br />\n<span style=\"color: #993300\">๗.    จบกัณฑ์มหาพน บรรเลงเพลงเชิดกลอง</span><br />\n<span style=\"color: #999999\"><span style=\"color: #993366\">๘.    จบกัณฑ์กุมาร บรรเลงเพลงเชิดฉิ่งโอด คือ เพลงเชิดฉิ่งสลับโอด</span></span><br />\n<span style=\"color: #00ccff\">๙.    จบกัณฑ์มัทรี บรรเลงเพลงทยอยโอด คือ เพลงโอดสลับกับเพลงทยอย</span><br />\n<span style=\"color: #ffcc00\">๑๐.   จบกัณฑ์สักกบรรพ บรรเลงเพลงเหาะ บางที่ใช้เพลงกลมหรือกระบองกัน</span><br />\n<span style=\"color: #339966\">๑๑.   จบกัณฑ์มหาราช บรรเลงเพลงกราวนอดบางที่ใช้เพลงเรื่องทำขวัญเวียนเทียน</span><br />\n<span style=\"color: #99ccff\">๑๒.   จบกัณฑ์ฉกษัตริย์ บรรเลงเพลงตระนอน</span><br />\n<span style=\"color: #808000\">๑๓.   จบกัณฑ์นครกัณฑ์ บรรเลงเพลงกลองโยน แล้วเชิดเพลงกลองโยน</span></p>\n<p>ถ้าหากการเทศน์สิ้นสุดงาน มิได้มีเทศน์อริยสัจหรืองานอื่นต่อปี่พาทย์จะบรรเลงเพลงกราวรำต่อกับเพลงเชิดต่อไปเลย เป็นการอนุโมทนาแก่ผู้ที่ร่วมในการกุศลและพระภิกษุสงฆ์สวดยถาสัพพีแสดงว่าหมดงาน</p>\n<p>การที่โบราณจารย์วางแบบแผนไว้เช่นนี้เป็นการเหมาะสมยิ่ง เพราะสามารถทำให้ในกัณฑ์นั้นๆ ได้ถูกต้อง จากลีลาของปี่พาทย์จะได้ร่วมนมัสการอนุโมทนาบุญอีกประการหนึ่งผู้เป็นเจ้าของกัณฑ์บางกัณฑ์ เมื่อได้ยินก็สามารถรู้ว่าจบกัณฑ์ใดแล้วหากใกล้เคียงกัณฑ์ของคนจะได้รีบจัดแจงจตุปัจจัยที่จะถวายเป็นเครื่องกัณฑ์ พร้อมเตรียมตัวไปฟังพระธรรมเทศนาในกัณฑ์ของตนได้ทันการ\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img width=\"350\" src=\"/files/u20079/reply-00000028360.gif\" height=\"100\" />\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/47646\"><img width=\"58\" src=\"/files/u20079/2bk.gif\" height=\"31\" /></a>   <a href=\"/node/47691\"><img width=\"58\" src=\"/files/u20079/2nx.gif\" height=\"31\" /></a>\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img width=\"90\" src=\"/files/u20079/pt1.gif\" height=\"80\" />\n</div>\n', created = 1728188623, expire = 1728275023, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:b0e9af546b9cb7215613d24dae787f37' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:f912e70c0ffb42c62ca0a3c3003ce453' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div align=\"center\">\n<a href=\"/node/42790\"><img width=\"58\" src=\"/files/u20079/2ho.gif\" height=\"31\" /></a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img width=\"500\" src=\"/files/u20079/000041.jpg\" height=\"300\" /> \n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> ...</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img width=\"120\" src=\"/files/u20079/61-20080916211335.gif\" height=\"130\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> ...</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<b><span style=\"color: #ff6600\">การบรรเลงปี่พาทย์ในการเทศน์มหาชาติ</span><br />\n</b>\n</div>\n<p>\n<br />\nการบรรเลงปี่พาทย์ในงานเทศน์มหาชาตินี้ นอกจากการโหมโรงอันเป็นประเพณีที่ไม่ว่างานชนิดใดจะต้องมีแล้ว ยังต้องบรรเลงในเวลาพระขึ้นธรรมาสน์ และพระเทศน์จบเรียงลำดับไปทุกๆ กัณฑ์ด้วย ประเพณีบรรเลงปี่พาทย์เรียงลำดับประจำกัณฑ์เทศน์มหาชาตินี้ น่าจะมีมาแล้วตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา และอาจจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการแต่งมหาชาติคำหลวงในสมัยรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถหรือรัชกาลสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมก็ได้</p>\n<p>ดังโคลงบาท ๓ ของผู้มีนาม <b>“รัตน”</b> ว่า <b>“บทหนึ่งประโคมคำ  คำหนึ่ง นับนา”</b> กับจดหมายเหตุที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้มีการเทศน์มหาชาติและมีพระบรมวงศานุวงศ์เป็นเจ้าของกัณฑ์ก็มีความตอนหนึ่งกล่าวว่า</p>\n<p>“ครั้นจบลงกัณฑ์ใด ก็ศรัทธาสมโภชบูชา เสียงก้องโกลาหล มโหรีปี่พาทย์ กลองแขกแตรสังข์ทั้งพระคาถาพันและเรียงกัณฑ์”</p>\n<p>ดังกล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่าถ้าเป็นพระราชพิธีหลวงจะมีเครื่องประโคมจนถึงแตรสังข์อันถือเป็นเครื่องประโคมอย่างสูงด้วย ประเพณีประโคมอย่างนี้เข้าใจว่า คงจะได้สืบต่อแบบแผนมาจากกรุงศรีอยุธยา หาใช่เป็นของที่ทรงคิดขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ไม่</p>\n<p>เพลงที่ปี่พาทย์บรรเลงประกอบเทศน์มหาชาตินั้น โบราณจารย์ได้กำหนดเพลงสำหรับบรรเลงไว้โดยเฉพาะ ซึ่งล้วนเป็นเพลงหน้าพาทย์ที่เหมาะสมทั้งสิ้น<br />\n<span style=\"color: #3366ff\"><br />\n<span style=\"color: #ff0000\"><i>(หน้าพาทย์ เป็นศัพท์เฉพาะของดุริยางค์ไทย หมายถึง เพลงที่บรรเลงประกอบกิริยาเคลื่อนไหวของบุคคลและธรรมชาติ เช่น นั่ง นอน ยืน เดิน โลกธาตุเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และสูญไป เป็นต้น)</i></span></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img width=\"350\" src=\"/files/u20079/reply-00000028360.gif\" height=\"100\" />\n</p>\n<blockquote><p align=\"center\">\n <a href=\"/node/46634\"><img width=\"58\" src=\"/files/u20079/2bk.gif\" height=\"31\" /></a>   <a href=\"/node/47646?page=0%2C1\"><img width=\"58\" src=\"/files/u20079/2nx.gif\" height=\"31\" /></a>\n </p>\n</blockquote>\n<p align=\"center\">\n<img width=\"90\" src=\"/files/u20079/pt1.gif\" height=\"80\" />\n</p>\n', created = 1728188623, expire = 1728275023, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:f912e70c0ffb42c62ca0a3c3003ce453' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

การบรรเลงปี่พาทย์ในการเทศน์มหาชาติ

 ...
 ...
การบรรเลงปี่พาทย์ในการเทศน์มหาชาติ


การบรรเลงปี่พาทย์ในงานเทศน์มหาชาตินี้ นอกจากการโหมโรงอันเป็นประเพณีที่ไม่ว่างานชนิดใดจะต้องมีแล้ว ยังต้องบรรเลงในเวลาพระขึ้นธรรมาสน์ และพระเทศน์จบเรียงลำดับไปทุกๆ กัณฑ์ด้วย ประเพณีบรรเลงปี่พาทย์เรียงลำดับประจำกัณฑ์เทศน์มหาชาตินี้ น่าจะมีมาแล้วตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา และอาจจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการแต่งมหาชาติคำหลวงในสมัยรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถหรือรัชกาลสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมก็ได้

ดังโคลงบาท ๓ ของผู้มีนาม “รัตน” ว่า “บทหนึ่งประโคมคำ  คำหนึ่ง นับนา” กับจดหมายเหตุที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้มีการเทศน์มหาชาติและมีพระบรมวงศานุวงศ์เป็นเจ้าของกัณฑ์ก็มีความตอนหนึ่งกล่าวว่า

“ครั้นจบลงกัณฑ์ใด ก็ศรัทธาสมโภชบูชา เสียงก้องโกลาหล มโหรีปี่พาทย์ กลองแขกแตรสังข์ทั้งพระคาถาพันและเรียงกัณฑ์”

ดังกล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่าถ้าเป็นพระราชพิธีหลวงจะมีเครื่องประโคมจนถึงแตรสังข์อันถือเป็นเครื่องประโคมอย่างสูงด้วย ประเพณีประโคมอย่างนี้เข้าใจว่า คงจะได้สืบต่อแบบแผนมาจากกรุงศรีอยุธยา หาใช่เป็นของที่ทรงคิดขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ไม่

เพลงที่ปี่พาทย์บรรเลงประกอบเทศน์มหาชาตินั้น โบราณจารย์ได้กำหนดเพลงสำหรับบรรเลงไว้โดยเฉพาะ ซึ่งล้วนเป็นเพลงหน้าพาทย์ที่เหมาะสมทั้งสิ้น

(หน้าพาทย์ เป็นศัพท์เฉพาะของดุริยางค์ไทย หมายถึง เพลงที่บรรเลงประกอบกิริยาเคลื่อนไหวของบุคคลและธรรมชาติ เช่น นั่ง นอน ยืน เดิน โลกธาตุเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และสูญไป เป็นต้น)

  

สร้างโดย: 
นางสาวดวงพร แซ่ลิ้ม / ครูรัตนาภรณ์ ทองอยู่

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 422 คน กำลังออนไลน์