นิทานพื้นบ้าน
กล่าวถึงลูกชายตัวดีที่กำลังบ่นเหมือนหมีกินผึ้ง “ป่านนี้แม่ทำไมยังมาไม่ถึงอีกนะ มัวทำอะไรอยู่นะชักช้าเหลือเกิน
ไม่รู้หรือว่าจวนจะเที่ยงแล้ว ฉันหิวจนปวดท้อง ไปหมด แล้วไม่มีเรี่ยวแรงจะทำนาอยู่แล้ว คอยดูถ้ามาถึงจะต่อว่าให้หน้าดูเลย”
เจ้าดำบ่นไปต่าง ๆนานา จนอารมณ์เสียพานเตะโน้นเตะนี่กระจัดกระจายไปทั่ว แล้วเดินไปมา กินน้ำอยู่หลายรอบ
จึงนั่งมองตามคันนาว่าแม่เดินถึงไหนแล้วส่วนยายทองสุกทั้งวิ่งทั้งเดินสลับไปมาแกพยายามมองดูลูกชายแต่ไกล
“คงอีกไม่ ไกลก็จะถึงที่หมายปลายทางแล้วลูกรอแม่ก่อนนะอย่าเพิ่งโกรธแม่เลย” แกพูดตามทาง มาตลอดแล้วแก
ก็รีบเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ด้วยความที่ต้องเดินเท้าเปล่า แถมยังมี บาดแผล ที่เพิ่งโดนเศษไม้ปักจนเป็นแผลใหญ่
เลือดยังไหลไม่หยุด แกก็ไม่ยอมพัก พยายามเดินให้ทันกลัวลูกชายจะหิวและพื้นดินที่ถูกแดดเผาจนร้อนระอุเท้าก็พอง
ไปหมดก็ยิ่งทำให้เจ็บปวดเพิ่มขึ้นอีก แต่ก็ไม่ทำให้แกลดละความพยายาม แกพยายามเดิน ตามคันนาอย่างรีบเร่ง
เพราะอีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว ยายทองสุกแกร้องตะโกนมาแต่ไกล “เจ้าดำแม่มาแล้ว เจ้าดำแม่มาแล้ว ข้าวกำลังร้อน ๆ
มีเนื้อตากแห้งด้วย”แกทั้งวิ่งทั้งร้อง ตะโกน วิ่งไปเซไปข้าวของที่หอบหิ้วมาก็หนักเต็มทนส่วนลูกชายเมื่อเห็นแม่วิ่งมาแต่ไกล
แทนที่จะรีบวิ่งไปรับช่วยยกข้าวของที่แม่ถือมา ทั้งหนักทั้งเหนื่อยแถมยังต้องเดินตากแดดมาตั้งไกล
เจ้าดำกลับตะโกนต่อว่าเสียยกใหญ่ เมื่อยายทองสุกมาถึง เจ้าดำเอยกับแม่ว่า “แม่มัวทำบ้าอะไรอยู่ ไม่รู้หรือ
ว่าฉันหิว แทบขาดใจตายเอากล่องข้าวมานี่ อ้าวแม่ทำไมกล่องข้าวมันเล็กเท่านี้ แล้วฉันจะอิ่มได้ยังไงกินแค่ 4-5 คำก็หมดแล้ว
คนทำงานหนักก็ต้องกินเยอะซิ ถ้าเช่นนั้นหลีกไปให้ไกล” เจ้าดำไม่ได้ฟังคำที่แม่พูดแต่กลับผลักแม่ออกทันที
จนทำให้ ยายทองสุก ล้มลงหัวฟาดกับขอบคันนาเพราะด้วยอายุก็มากจึงไม่สามารถพยุงตัวไว้ได้