• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:dc0115d8c61b76371209c814bf7a4705' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"500\" src=\"/files/u19157/banner.jpg\" height=\"262\" style=\"width: 506px; height: 196px\" /> \n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/43024\"><img border=\"0\" width=\"380\" src=\"/files/u19157/ist2_6736872-home-icon-on-a-blot.jpg\" height=\"380\" style=\"width: 58px; height: 54px\" /></a>   <a href=\"/node/43423\"><img border=\"0\" width=\"201\" src=\"/files/u19157/1.jpg\" height=\"41\" style=\"width: 133px; height: 35px\" /></a>   <a href=\"/node/43418\"><img border=\"0\" width=\"201\" src=\"/files/u19157/2.jpg\" height=\"41\" style=\"width: 141px; height: 35px\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n <a href=\"/node/43434\"><img border=\"0\" width=\"201\" src=\"/files/u19157/3.jpg\" height=\"41\" style=\"width: 181px; height: 37px\" /></a>   <a href=\"/node/43444\"><img border=\"0\" width=\"201\" src=\"/files/u19157/4.jpg\" height=\"41\" style=\"width: 161px; height: 38px\" /></a>   <a href=\"/node/43450\"><img border=\"0\" width=\"201\" src=\"/files/u19157/5.jpg\" height=\"41\" style=\"width: 149px; height: 38px\" /></a>   <a href=\"/node/43417/\"><img border=\"0\" width=\"300\" src=\"/files/u19157/671516857163pitr_red_menu_icon_set_2_svg_med.jpg\" height=\"286\" style=\"width: 50px; height: 53px\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n  \n</p>\n<p>\n<img border=\"0\" width=\"240\" src=\"/files/u19157/dec1.gif\" height=\"20\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffff00; background-color: #ff6600\"><strong><u><span style=\"color: #00ccff; background-color: #800080\">วิทยาศาสตร์ได้ก้าวเข้าสู่อาณาเขตของพระเจ้า</span></u></strong></span>\n</p>\n<p>\n<img border=\"0\" width=\"240\" src=\"/files/u19157/dec1.gif\" height=\"20\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffcc00\">  </span><span style=\"color: #993300\">        <span style=\"color: #993300\">ถ้าอาณาเขตของพระเจ้ามีจริง เราก็คงไม่ควรจะไปก้าวก่าย แต่ในกรณีนั้นเพียงแต่หมายความว่ามนุษย์เรายังรู้ไม่ถึงเท่านั้น แต่ถ้าเราสามารถมองหาวิธีได้ วิทยาศาสตร์ย่อมเข้าไปได้ทุกหนทุกแห่ง ในทศวรรษ 1980 นักวิทยาศาสตร์ได้เริ่มค้นพบเส้นทางที่จะเข้าไปสู่อาณาเขตของพระเจ้านี้แล้ว ด้วยทฤษฎีที่เกี่ยวกับอนุภาคพื้นฐาน ซึ่งกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และจากนี้ก็จะเป็นครึ่งหลังของการค้นคว้าเกี่ยวกับ กำเนิด ของเอกภพ ทำไมทฤษฎีของอนุภาคพื้นฐานจึงมาเกี่ยวกับ กำเนิด ของเอกภพได้ </span></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\"><span style=\"color: #993300\">         <span style=\"color: #ff0000\"> </span>เมื่อลองพิจารณาเหตุต่อไปนี้จะบรรลุได้ ตอนที่เอกภพกำเนิด มันจะมีความหนาแน่นสูงและอุณหภูมิที่สูงมาก ในสภาพเช่นนั้นสสารจะมีสภาพเช่นไร จะรู้ได้โดยยกอุณหภูมิของสสารให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าขั้นแรกจะแยกออกเป็นอะตอม เช่น ออกซิเจน คาร์บอน ไนโตรเจน เป็นต้น และเมื่ออุณหภูมิยิ่งสูงขึ้นอิเล็กตรอนจะหนีออกจากอะตอม นิวเคลียสกับอิเล็กตรอนจะแยกกันอยู่ในสภาพพลาสมา เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นอีกนิวเคลียสจะแยกออกเป็นนิวตรอน และโปรตอนและเมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 10 (ยกกำลัง 12) องศา (1 ล้านล้านองศา) อนุภาคเหล่านี้จะแยกตัวออกเป็นอนุภาค ควาร์ก อนุภาคควาร์กเป็นอนุภาคพื้นฐานยิ่งกว่าโปรตอนและนิวตรอน นั่นก็คือการที่จะศึกษาสภาพตอนที่เอกภพกำเนิด ซึ่งมีอุณหภูมิและความหนาแน่นสูงมากนั้น เราจำเป็นต้องรู้และใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับอนุภาคพื้นฐานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการค้นคว้าเกี่ยวกับอนุภาคพื้นฐานนั้นได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วหลังจากทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการเปิดยุคใหม่แห่งการค้นคว้าเกี่ยวกับกำเนิดของเอกภพด้วยนั่นเอง</span></span><span style=\"color: #993300\"> </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #993300\">   </span><span style=\"color: #993300\"><img border=\"0\" width=\"1\" src=\"/\" height=\"1\" /></span> <img border=\"0\" width=\"500\" src=\"/files/u19157/dec3.gif\" height=\"36\" />\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"423\" src=\"/files/u19157/Picture46.jpg\" height=\"358\" />\n</div>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #993300\">ที่มาของภาพ : <a href=\"http://www.darasart.com/space_image/image/Boomerang.jpg\"><span style=\"color: #ff0000\">http://www.darasart.com/space_image/image/Boomerang.jpg</span></a></span>\n</p>\n<p>\n          <span style=\"color: #993300\">ตามทฤษฎีของอนุภาคพื้นฐาน เอกภพและสสารในเอกภพของเราจะอยู่ภายใต้กฎของแรง 4 ชนิด ส่วนเหตุผลที่ใช้ทฤษฎีของอนุภาคพื้นฐานในการคิดเกี่ยวกับแรงก็เพราะสามารถคิดได้ว่าแรงนั้นก็คือการแลกเปลี่ยนอนุภาคสมมติระหว่างอนุภาคนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น การที่แม่เหล็กมีแรงต่อกันก็เพราะสารแม่เหล็กนั้นแลกอนุภาคโฟตอน (แสง)ระหว่างกันนั่นเอง และการที่โลกกับดวงจันทร์ดึงดูดกันก็เพราะมีการและเปลี่ยนอนุภาค กราวิตอน (อนุภาคแรงโน้มถ่วง) ระหว่างกันนั่นเอง แรง 4 ชนิดที่ว่าก็คือ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์แบบแข็ง และแรงนิวเคลียร์แบบอ่อน เราอาจจะคิดว่ายังมีแรงอื่นๆ อีก เช่นแรงเสียดทาน แต่แรงอื่นนั้นจะสามารถอธิบายได้ว่ามีกำเนิดมาจากแรง 4 ชนิดนี้เท่านั้น ทำไมถึงมีแรง 4 ชนิด ก็เพราะว่าจากการที่ฟิสิกส์ได้พัฒนารวบรวมแรงตามธรรมชาติมาเป็นลำดับก็ปรากฏว่าเหลืออยู่เพียง 4 แรงเท่านั้นที่ไม่สามารถรวมกันได้อีกแต่เป็นอิสระต่อกัน นิวตันได้แสดงให้เห็นว่าแรงระหว่างดาวบนท้องฟ้ากับแรงที่ดึงลูกแอปเปิลให้ตกลงสู่พื้นดินนั้นเป็นแรงเดียวกัน คือแรงโน้มถ่วง ส่วน แมกซ์เวลนั้นได้รวมแรงไฟฟ้าและแรงแม่เหล็ก เข้าอยู่ภายใต้กฎอันเดียวกัน คือ กฎของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า</span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"left\">\n<strong><span style=\"color: #800080\"> <img border=\"0\" width=\"240\" src=\"/files/u19157/dec1.gif\" height=\"20\" /></span></strong>\n</p>\n<p align=\"left\">\n<strong> <span style=\"color: #800080\">    </span><a href=\"/node/43427\"><span style=\"color: #800080\"><span style=\"color: #800080\">เอกภพบิกแบง</span></span></a><span style=\"color: #800080\"><span style=\"color: #800080\"> </span></span></strong>\n</p>\n<p><strong><span style=\"color: #800080\"></span></strong><strong><span style=\"color: #800080\"></span></strong></p>\n<p align=\"left\">\n<span style=\"color: #800080\"><img border=\"0\" width=\"240\" src=\"/files/u19157/dec1.gif\" height=\"20\" /><br />\n     </span><a href=\"/node/43429\"><span style=\"color: #800080\"><span style=\"color: #800080\">การเริ่มของเอกภพ</span></span></a><span style=\"color: #800080\"> </span>\n</p>\n<p></p>\n<p align=\"left\">\n<span style=\"color: #800080\"><img border=\"0\" width=\"240\" src=\"/files/u19157/dec1.gif\" height=\"20\" /></span><span style=\"color: #800080\"><br />\n<span style=\"color: #800080\">     </span><a href=\"/node/43429\"><span style=\"color: #800080\">เอกภพมีกำเนิดอย่างไร</span></a></span><span style=\"color: #800080\"> </span>\n</p>\n<p align=\"left\">\n<span style=\"color: #800080\"><img border=\"0\" width=\"240\" src=\"/files/u19157/dec1.gif\" height=\"20\" /><br />\n   <span style=\"color: #800080\">  </span></span><a href=\"/node/43430\"><span style=\"color: #800080\"><span style=\"color: #800080\"><span style=\"color: #800080\"><span style=\"color: #800080\">เอกภพเปลี่ยนไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด</span></span></span></span></a><span style=\"color: #800080\"><span style=\"color: #800080\"> </span></span>\n</p>\n<p><span style=\"color: #800080\"><span style=\"color: #800080\"><img border=\"0\" width=\"240\" src=\"/files/u19157/dec1.gif\" height=\"20\" /></span></span><span style=\"color: #800080\"><br />\n<span style=\"color: #800080\">     </span><a href=\"/node/43431\"><span style=\"color: #800080\">วิทยาศาสตร์ได้ก้าวเข้าสู่อาณาเขตของพระเจ้า</span></a></span><span style=\"color: #800080\"></span><span style=\"color: #800080\"><span style=\"color: #800080\"> </span><span style=\"color: #800080\"></span><span style=\"color: #800080\"></span></span><span style=\"color: #800080\"></span><span style=\"color: #800080\"></span></p>\n<p align=\"left\">\n<span style=\"color: #800080\"><img border=\"0\" width=\"240\" src=\"/files/u19157/dec1.gif\" height=\"20\" /><br />\n     </span><a href=\"/node/43433\"><span style=\"color: #800080\">แรงทั้ง4ชนิด ตอนแรกเป็นชนิดเดียวกัน</span></a>\n</p>\n<p></p>\n<p align=\"left\">\n<img border=\"0\" width=\"240\" src=\"/files/u19157/dec1.gif\" height=\"20\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"500\" src=\"/files/u19157/dec2.gif\" height=\"23\" />\n</p>\n', created = 1714987987, expire = 1715074387, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:dc0115d8c61b76371209c814bf7a4705' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

วิทยาศาสตร์ได้ก้าวเข้าสู่อาณาเขตของพระเจ้า

 

      

         

  

วิทยาศาสตร์ได้ก้าวเข้าสู่อาณาเขตของพระเจ้า

          ถ้าอาณาเขตของพระเจ้ามีจริง เราก็คงไม่ควรจะไปก้าวก่าย แต่ในกรณีนั้นเพียงแต่หมายความว่ามนุษย์เรายังรู้ไม่ถึงเท่านั้น แต่ถ้าเราสามารถมองหาวิธีได้ วิทยาศาสตร์ย่อมเข้าไปได้ทุกหนทุกแห่ง ในทศวรรษ 1980 นักวิทยาศาสตร์ได้เริ่มค้นพบเส้นทางที่จะเข้าไปสู่อาณาเขตของพระเจ้านี้แล้ว ด้วยทฤษฎีที่เกี่ยวกับอนุภาคพื้นฐาน ซึ่งกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และจากนี้ก็จะเป็นครึ่งหลังของการค้นคว้าเกี่ยวกับ กำเนิด ของเอกภพ ทำไมทฤษฎีของอนุภาคพื้นฐานจึงมาเกี่ยวกับ กำเนิด ของเอกภพได้

          เมื่อลองพิจารณาเหตุต่อไปนี้จะบรรลุได้ ตอนที่เอกภพกำเนิด มันจะมีความหนาแน่นสูงและอุณหภูมิที่สูงมาก ในสภาพเช่นนั้นสสารจะมีสภาพเช่นไร จะรู้ได้โดยยกอุณหภูมิของสสารให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าขั้นแรกจะแยกออกเป็นอะตอม เช่น ออกซิเจน คาร์บอน ไนโตรเจน เป็นต้น และเมื่ออุณหภูมิยิ่งสูงขึ้นอิเล็กตรอนจะหนีออกจากอะตอม นิวเคลียสกับอิเล็กตรอนจะแยกกันอยู่ในสภาพพลาสมา เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นอีกนิวเคลียสจะแยกออกเป็นนิวตรอน และโปรตอนและเมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 10 (ยกกำลัง 12) องศา (1 ล้านล้านองศา) อนุภาคเหล่านี้จะแยกตัวออกเป็นอนุภาค ควาร์ก อนุภาคควาร์กเป็นอนุภาคพื้นฐานยิ่งกว่าโปรตอนและนิวตรอน นั่นก็คือการที่จะศึกษาสภาพตอนที่เอกภพกำเนิด ซึ่งมีอุณหภูมิและความหนาแน่นสูงมากนั้น เราจำเป็นต้องรู้และใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับอนุภาคพื้นฐานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการค้นคว้าเกี่ยวกับอนุภาคพื้นฐานนั้นได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วหลังจากทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการเปิดยุคใหม่แห่งการค้นคว้าเกี่ยวกับกำเนิดของเอกภพด้วยนั่นเอง

  

ที่มาของภาพ : http://www.darasart.com/space_image/image/Boomerang.jpg

          ตามทฤษฎีของอนุภาคพื้นฐาน เอกภพและสสารในเอกภพของเราจะอยู่ภายใต้กฎของแรง 4 ชนิด ส่วนเหตุผลที่ใช้ทฤษฎีของอนุภาคพื้นฐานในการคิดเกี่ยวกับแรงก็เพราะสามารถคิดได้ว่าแรงนั้นก็คือการแลกเปลี่ยนอนุภาคสมมติระหว่างอนุภาคนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น การที่แม่เหล็กมีแรงต่อกันก็เพราะสารแม่เหล็กนั้นแลกอนุภาคโฟตอน (แสง)ระหว่างกันนั่นเอง และการที่โลกกับดวงจันทร์ดึงดูดกันก็เพราะมีการและเปลี่ยนอนุภาค กราวิตอน (อนุภาคแรงโน้มถ่วง) ระหว่างกันนั่นเอง แรง 4 ชนิดที่ว่าก็คือ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์แบบแข็ง และแรงนิวเคลียร์แบบอ่อน เราอาจจะคิดว่ายังมีแรงอื่นๆ อีก เช่นแรงเสียดทาน แต่แรงอื่นนั้นจะสามารถอธิบายได้ว่ามีกำเนิดมาจากแรง 4 ชนิดนี้เท่านั้น ทำไมถึงมีแรง 4 ชนิด ก็เพราะว่าจากการที่ฟิสิกส์ได้พัฒนารวบรวมแรงตามธรรมชาติมาเป็นลำดับก็ปรากฏว่าเหลืออยู่เพียง 4 แรงเท่านั้นที่ไม่สามารถรวมกันได้อีกแต่เป็นอิสระต่อกัน นิวตันได้แสดงให้เห็นว่าแรงระหว่างดาวบนท้องฟ้ากับแรงที่ดึงลูกแอปเปิลให้ตกลงสู่พื้นดินนั้นเป็นแรงเดียวกัน คือแรงโน้มถ่วง ส่วน แมกซ์เวลนั้นได้รวมแรงไฟฟ้าและแรงแม่เหล็ก เข้าอยู่ภายใต้กฎอันเดียวกัน คือ กฎของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า

 

 

     เอกภพบิกแบง


    
การเริ่มของเอกภพ


     เอกภพมีกำเนิดอย่างไร


    
เอกภพเปลี่ยนไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


     วิทยาศาสตร์ได้ก้าวเข้าสู่อาณาเขตของพระเจ้า


    
แรงทั้ง4ชนิด ตอนแรกเป็นชนิดเดียวกัน

สร้างโดย: 
นางสุกัญญา เพ็ชรประดับ และ นางสาวกีรติ อินตรา โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพมหานคร

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 497 คน กำลังออนไลน์