พระคัมภีร์
ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจทานแก้ไขพระคัมภีร์อีกครั้งหนึ่งในปี ค.ศ. ๑๙๕๔ โดยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายโปรเตสแตนต์และฝ่ายคาทอลิก มีกรรมการยกร่างคำแปลสามคน กรรมการตรวจสอบแก้ไขฉบับยกร่างแปดคน กรรมการที่ปรึกษา ๒๕ คน งานแก้ไขครั้งนี้ใช้เวลานานถึง ๑๓ ปี เนื่องจากต้องการแก้ไขการแปลให้ถูกต้องตามต้นฉบับมากที่สุด โดยการเทียบฉบับภาคพันธสัญญาเดิมกับต้นฉบับภาษาฮีบรู และเทียบฉบับภาคพันธสัญญาใหม่กับต้นฉบับภาษากรีก ซึ่งเป็นภาษาเดิมที่ใช้ในการบันทึก ขั้นสุดท้ายต้องให้นักลีลาภาษาไทยมาช่วยขัดเกลาภาษาให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับนี้แก้ไขเสร็จสมบูรณ์และจัดพิมพ์ขึ้นครั้งแรกที่ฮ่องกง ในปี ค.ศ. ๑๙๗๑
สมาคมพระคริสตธรรมไทยได้แปลพระคัมภีร์ภาษาไทยขึ้นอีกสำนวนหนึ่ง โดยเน้นภาษาที่ทันสมัย มีความสละสลวย เพื่อให้คนอ่านทั่วไปสามารถอ่านได้เข้าใจง่ายขึ้น เรียกว่า “พระวจนะสำหรับยุคใหม่” หรือฉบับ “ประชานิยม” โดยมีบุคคลหลายท่านจากฝ่ายโปรเตสแตนต์และฝ่ายคาทอลิก มาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบแก้ไขการแปล โดยภาคพันธสัญญาเดิมได้เพิ่มบทอธิกธรรมไว้ด้วย ซึ่งเป็นหนังสือเจ็ดเล่มที่ฝ่ายคาทอลิกยอมรับ แต่ฝ่ายโปรเตสแตนต์ไม่ยอมรับ แปลเสร็จและจัดพิมพ์ภาคพันธสัญญาเดิมในปี ค.ศ. ๑๙๗๗ และจัดพิมพ์ภาคพันธสัญญาใหม่ในปี ค.ศ. ๑๙๘๐ และจัดพิมพ์รวมเล่มออกมาในปี ค.ศ. ๑๙๘๔
พระคริสตธรรม คัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ฉบับมาตรฐาน ค.ศ. ๒๐๐๒ เป็นฉบับที่ได้มีการแก้ไขปรับปรุงคำแปลจากฉบับปี ๑๙๗๑ เนื่องจากภาษาไทยมีการพัฒนาการอยู่ตลอดเวลา โครงการแก้ไขคำแปลจึงเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. ๑๙๙๗ มีผู้แปลซึ่งเป็นกรรมการยกร่างคำแปลทำหน้าที่พิจารณาแก้ไขคำแปล ประกอบด้วยคณาจารย์และนักวิชาการที่มีความรู้ภาษากรีกและฮีบรู ซึ่งผ่านอบรมจากสมาคมพระคริสตธรรมไทย กรรมการตรวจสอบทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะในการแก้ไขคำแปล กรรมการที่ปรึกษาประกอบด้วยผู้นำคริสตจักร ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในแง่ผลกระทบของการแปลต่อคริสตจักรโดยรวม เมื่อผ่านกระบวนการยกร่างและพิจารณาข้อเสนอแนะจากการตรวจไขว้โดยผู้ยกร่างพระธรรมเล่มอื่นแล้ว จึงส่งให้ที่ปรึกษาฝ่ายการแปลของสหสมาคมพระคริสตธรรมสากลตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง แล้วให้นักลีลาภาษาขัดเกลาภาษาเป็นขั้นตอนสุดท้าย แล้วเสร็จทั้งเล่มในปี ค.ศ.๒๐๐๒
เบญจบรรณ ฉบับมาตรฐาน ๒๐๐๖ เป็นหมวดหนึ่งของพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม ประกอบด้วยพระธรรมห้าเล่มแรกคือ ปฐมกาล อพยพ เลวีนิติ กันดารวิถี และเฉลยธรรมบัญญัติ ได้รับการแก้ไขคำแปลใหม่จากฉบับ ๑๙๗๑ เริ่มแก้ไขคำแปลพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมในปี ค.ศ. ๑๙๙๙ โดยพยายามแปลให้มีเนื้อความสอดคล้องกับสำเนาฉบับภาษาฮีบรูให้มากที่สุด และเลือกใช้ภาษาไทยที่อ่านเข้าใจได้ง่าย โดยคณะกรรมการยกร่างฯ ได้ยึดหลักเกณฑ์เดียวกับการแก้ไขคำแปลพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ และมีมติให้ผลักดันพระคัมภีร์เดิมหมวดประวัติศาสตร์ (โยชูวา-เอสเธอร์) เป็นหมวดต่อไปที่จะจัดพิมพ์ต่อจากพระธรรมสดุดี ซึ่งจะสิ้นสุดกระบวนการยกร่าง และจัดพิมพ์ราวปลายปี ค.ศ. ๒๐๐๘ และคาดว่าจะแปลเสร็จทั้งเล่มในปี ค.ศ. ๒๐๑๐