เวชกรรมไทย
เบื้องต้นจะกล่าวถึงคำจำกัดความของคำว่า “เวชกรรมไทย” ตาม พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า เวชกรรมไทย หมายถึง การตรวจ การวินิจฉัย การบำบัด หรือการป้องกันโรค ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย
ดังนั้น เวชกรรมไทย ก็คือ การตรวจ การวินิจฉัย การบำบัด หรือการป้องกันโรค ด้วยกรรมวิธีทาง การแพทย์แผนไทย หรือมักเป็นที่รู้จักกันในชื่อ การแพทย์แผนโบราณ เป็นความพยายามจะอธิบายภาวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ทั้งสภาวะปกติ และสภาวะที่ผิดปกติ (เป็นโรค) โดยใช้ทฤษฎีความสมดุลของธาตุต่าง ๆ ในร่างกายเข้ามาอธิบาย ผสมผสานองค์ความรู้จากวัฒนธรรมอินเดีย พุทธศาสนา และองค์ความรู้ที่ถูกพัฒนาขึ้นเองโดยครูการแพทย์แผนไทย คือ ชีวกโกมารภัจจ์
กล่าวโดยรวมแล้วvการแพทย์แผนไทย อาจหมายถึง กระบวนการทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับการตรวจ วินิจฉัย บำบัด หรือป้องกันโรค หรือการส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพของมนุษย์หรือสัตว์ การผดุงครรภ์ การนวดไทย และหมายความรวมถึงการเตรียมการผลิตยาแผนไทย ประดิษฐ์อุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ โดยอาศัยความรู้หรือตำราที่ได้ถ่ายทอดและสืบต่อกันมา การแพทย์แผนไทยอาจจะไม่มีองค์ความรู้ด้านกลไกการเกิดโรค และเทคนิคทางศัลยกรรมมากนัก แต่ต้องมีองค์ความรู้ด้านกลวิธีทางคลินิก เช่น การซักประวัติ และการรักษาด้วยยา เพียงแต่ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ทางคลินิก (Evidence-based clinical knowledge) ซึ่งก็มาจากกฎข้อบังคับตามใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ที่ว่า "มิให้แพทย์แผนไทยกระทำการอันเป็นวิทยาศาสตร์ใดๆ" นั่นเอง ทำให้ไม่สามารถมีการตั้งสมมุติฐานและวิจัยได้อย่างเต็มที่
ในส่วนการเรียนการสอนก็จะประกอบด้วยการเรียนทั้งที่เป็นภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ ภาคทฤษฏีจะกล่าวถึงเรื่องของการวินิจฉัยโรคตามหลักการแพทย์แผนไทยโดยอ้างอิงตามคัมภีร์ต่างๆ อาทิเช่น คัมภีร์ตักศิลา คัมภีร์ฉันทศาสตร์ และคัมภีร์ปฐมจินดา เป็นต้น ทั้งนี้ยังมีการเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของสาเหตุการเกิดโรค อาการและพยาธิสภาพของโรคตามหลักการแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบัน แนวทางการรักษา และการเลือกใช้ยาแผนไทย การตั้งตำรับยาแผนไทยเพื่อรักษา
รวมทั้งแนวทางในการส่งต่อผู้ป่วย
ภาคปฏิบัติจะเน้นการปฏิบัติที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เช่น การลงพื้นที่ออกชมชุนไปพบปะกับผู้ป่วยจริงนอกสถานที่ศึกษา การลงไปศึกษาตามบ้านของหมอพื้นบ้าน การไปศึกษาและสังเกตการทำงานการตรวจวินิจฉัยของแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยตามสถานพยาบาลภาครัฐและเอกชน การไปสังเกตดูพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กวัยต่างๆ การจัดให้มีการทำกรณีศึกษาพิเศษจากผู้ป่วยจริง ตลอดจนการฝึกปฏิบัติงานด้านเวชกรรมไทยตามโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ เพื่อที่จะให้บัณฑิตที่จบออกไปสามารถนำความรู้ที่ได้นั้นไปประกอบการในวิชาชีพด้านการแพทย์แผนไทยได้อย่างเต็มที่สามารถที่จะทำการรักษาพยาบาลคนไข้ตามแนวทางแพทย์แผนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
ความแตกต่างกับแพทย์แผนปัจจุบัน คือ การแพทย์แผนไทย นอกจากต้องศึกษาและมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโรค กลไกการเกิดโรค และแนวทางการรักษาแบบแผนปัจจุบันแล้ว แพทย์แผนไทยยังมีแนวคิดเกี่ยวกับการเกิดโรคที่มีความสัมพันธ์กันระหว่างธาตุ-อุตุ-อายุ-กาล-ประเทศสมุฏฐาน และพฤติกรรมมูลเหตุที่ก่อให้เกิดโรค โดยจะมองสิ่งทั้งหลายที่ว่านั้นเชื่อมโยงกันอย่างเป็นองค์รวมส่งผลให้มีการวินิจฉัยและรักษาโรคตามแนวทางการแพทย์แผนไทยที่ให้ความสำคัญกับตัวผู้ป่วยร่วมกับบริบทแวดล้อมของผู้ป่วย เช่น ครอบครัว ชุมชน หรือสิ่งแวดล้อม การให้บริการจึงเน้นทั้งที่เป็นปัจเจกชน (ตัวผู้ป่วย) และมีการเชื่อมโยงไปสู่สิ่งแวดล้อมทั้งทางกายภาพ ชีวภาพ และสิ่งแวดล้อมทางจิตวิทยาและสังคมร่วมด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
แหล่งที่มา http://www.rsa.sci.ru.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=118&Itemid=549