INTRO  @ Satri Si Suriyothai School  @ Bangkok University  @ The Thai Red Cross Society

 @ Satri Si Suriyothai School : ที่โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย

ที่โรงเรียนเป็นที่แรกที่ข้าพเจ้ารู้ข่าวการทำ EM Ball เนื่องจากข้าพเจ้าไปช่วยรุ่นน้องทำเผลดกีฬาสี จึงบังเอิญได้ทราบเรื่องนี้ ในตอนแรกข้าพเจ้าว่ามันเป็นอะไรที่เละเทะมาก ปั้นก็ยาก เหม็นก็เหม็น แต่ทำไปทำมาก็รู้สึกสนุกดี (เริ่มคุ้นกับกลิ่นจนคิดว่ามันไม่เหม็นไปแล้ว =[]=!!)

ประมาณวันที่ 26 ตุลาคม ที่ข้าพเจ้าได้เริ่มทำ EM Ball รู้สึกจะเป็นวันที่สองที่โรงเรียนได้ทำเจ้าลูกบำบัดน้ำเสียนี้ ไปถึงอาจารย์+รุ่นพี่ ก็นำดินที่ผสมใส่กาละมังแล้วนำมาให้ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆปั้น ปั้นให้ลูกกลมๆขนาดประมาณลูกเทนนิส และต้องอัดให้แน่น เพราะเวลาโยนลงน้ำจะได้ไม่ปริเสียก่อน

น่าเสียดายที่ข้าพเจ้าไม่ได้ถ่ายรูปเลย ภาพข้างล่างนี้เป็นภาพจากกล้องของโรงเรียนที่ถ่ายติดข้าพเจ้าเพียงรูปเดียว T^T แถมอยู่ซะเกือบตกเฟรมอีกตะหาก !

ที่มาภาพ : http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/387136_292885907396699_112268552125103_1140743_1566129789_n.jpg

ข้าพเจ้ามาไม่ทันวันที่พี่ๆวิทยากรมาบรรยายวิธีการทำ EM Ball แต่ข้าพเจ้าก็พอรู้ส่วนผสมของการทำ ที่รู้นี่ก็เพราะหลังจากทำหน้าที่ปั้นอยู่สองสามวัน (หลังๆใช้อัดใส่แก้ว แล้วค่อยเคาะออกมา =w=a) ข้าพเจ้าก็เปลี่ยนไปช่วยผสมดินแทน ! ในตอนแรกข้าพเจ้าว่ามันดูเหมือนง่ายกว่านั่งปั้นให้กลมๆ แต่พอลองมาผสมเองแล้ว ถึงได้รู้ว่ามันเหนื่อยมากกกก ={}=;;

วิธีการผสมก็น้ำดินเหนียวมาชั่งกิโล (เท่าไหร่นี่ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ เนื่องจากมีคนตวงให้อยู่แล้ว) แล้วราดด้วยน้ำ EM ที่ตวงแล้วเช่นกัน จากนั้นก็นำมาขยำๆจนกว่าจะเป็นเนื้อเดียวกัน ตรงนี้แหละที่ลำบาก เพราะดินเหนียวที่นำมาทำมีหินเต็มไปหมด ! กว่าจะเอาหินออกก็เสียเวลาไปเยอะ ถ้าขยำทั้งๆที่มีหินก็จะเจ็บมืออีก เล่นเอาเหงื่อตกกันทีเดียว'' พอขยำดินเหนียวกับน้ำ EM จนเริ่มเนียน ก็ตักรำละเอียด 2 ขัน รำหยาบ 1 ขันครึ่ง แล้วก็ขยำต่อไป... จนทุกอยากเริ่มเป็นเนื้อเดียวกันก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 1 กาละมัง (ตั้งนานได้กาลามังเดียว ;;w;;) ถ้าผสมแล้วรู้สึกหยาบๆ ไม่ค่อยชุ่ม ก็เพิ่มน้ำ EM ลงไปได้อีกตามความเหมาะสม >0<

ดินที่ปั้นนี่รู้สึกจะฝังเข้าไปทุกอนูเล็บ =0=;; กว่าจะแงะออกก็ใช้เวลาอยู่พอควร แต่อย่างไรแล้วการได้ทำอะไรเล็กๆน้อย แต่เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นก็รู้สึกดีเหมือนกัน แถมยังได้รู้อีกว่าผลดีของการทำ EM Ball อีกอย่างก็คือ ทำให้มือนุ่มนิ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ *0*!!!

ที่มาภาพ 1: http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/301673_257405380978752_100001278761406_829828_395787770_n.jpg

ที่มาภาพ 2: http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/384247_257405457645411_100001278761406_829830_618900924_n.jpg 

ภาพข้างบนเป็นภาพของวันที่ 4 พฤศจิกายน ตัวข้าพเจ้าอยู่ข้างหลังด้านซ้าย กำลังเรียงลูก EM Ball ส่วนด้านหน้านี้เป็นเพื่อนเก่าของข้าพเจ้า ถ่ายโดยเพื่อนของข้าพเจ้าอีกคน ต้องขอบคุณที่ทำให้ข้าพเจ้ามีรูปส่งงาน (_ _)

ที่ต้องเรียง EM Ball นั้น เนื่องจากต้องปล่อยให้ขึ้นรา 15 วัน จึงจะนำไปใช้จึงได้ บางทีก็มีใส่กล่องลังทิ้งไว้เลยเหมือนกัน ไม่ต้องเอามาตาก แต่มีข้อแม้ว่าห้ามให้ลูกๆ(?)โดนแดดเป็นอันขาด เนื่องจากราจะไม่ขึ้น ทำให้เสียลูกๆไปฟรีๆ T^T ส่วน EM Ball ที่เริ่มขึ้นราจะเห็นเป็นกลมๆดำๆ เต็มไปด้วยเส้นๆสีขาว คล้ายๆลูกโดนัทรสมะพร้าว =[]=!!! 

วันที่ 4 นี้เป็นวันสุดท้ายที่ข้าพเจ้ามาช่วยปั้นเจ้า EM Ball พอหลังจากวันนี้ไป ข้าพเจ้าก็เต็มที่กับการเรียนพิเศษ เลยไม่ได้ไปช่วยผู้ประสบภัยเท่าไหร่ จะไปอีกทีก็ใกล้จะเปิดเทอม ไปพร้อมกับเพื่อน 6/4 ณ สภากาชาดไทย >w<

ที่มาภาพ 2 : http://photos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/309722_257405267645430_100001278761406_829826_826689118_a.jpg 

BeelzeBufo