|
|
|
ภาษาปาสคาล เป็นภาษาระดับสูง
(High-Level Language) เป็นอีกภาษาหนึ่งที่ได้รับความนิยม
เนื่องมาจากตัวภาษามีลักษณะเด่นหลายด้าน
เช่น รูปแบบคำสั่งที่มีลักษณะเป็นภาษาอังกฤษ
ง่ายต่อการเขียน และการจดจำ นอกจากนี้โปรแกรมยังมีลักษณะที่เป็นโครงสร้าง
(Structure Programing) ง่ายต่อการศึกษา มีตัวแปรภาษา(Compilers)
อยู่ในหลายระบบคอมพิวเตอร์ และเป็นภาษาที่เหมาะสมกับงานในทุกประเภท
ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ที่มีการคำนวณที่ซับซ้อน
ด้านการศึกษา เหมาะกับผู้ที่จะเริ่มศึกษาการเขียนโปรแกรมเป็นครั้งแรก โครงสร้างของโปรแกรมภาษาปาสคาลโปรแกรมภาษาปาสคาลประกอบด้วยส่วนสำคัญต่าง ๆ 3 ส่วนคือ1. ส่วนหัวโปรแกรม (program heading) 2. ส่วนประกาศ (program declarations) 3. ส่วนคำสั่งการทำงาน (program statements) ส่วนหัว (Heading)ประกอบด้วยประโยคเพียงประโยคเดียว ดังรูปแบบProgram ชื่อโปรแกรม;ชื่อโปรแกรม เป็นไปตามกฎเกณฑ์การตั้งชื่อของปาสคาล และจะต้องไม่ซ้ำกับชื่ออื่น ๆ ภายในโปรแกรม การกำหนดชื่อต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ดังต่อไปนี้ 1. ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร แล้วตามด้วยตัวอักษร หรือตัวเลข หรือเครื่องหมายขีดล่าง เท่านั้น ตัวอักษรนี้จะเป็นตัวพิมพ์ใหญ่หรือตัวพิมพ์เล็กก็จะมีความหมายเช่นเดียวกัน 2. มีความยาวไม่เกิน 127 ตัวอักขระ แต่ตัวแปรภาษาสามารบอกความแตกต่างของชื่อแต่ละตัวได้เฉพาะอักขระ 8 ตัวแรกเท่านั้น สำหรับภาษาปาสคาลจะบอกความแตกต่างได้ถึง 60 ตัวอักขระ 3. ชื่อไม่ตรงกับคำสงวน (reserve words) ในภาษาปาสคาล คำสงวน หมายถึงคำที่มีกฎเกณฑ์การใช้และมีความหมายเฉพาะที่แน่นอน เช่น Begin…End,If.. Then….เป็นต้น ตัวอย่าง Program Tax;{โปรแกรมคิดภาษี} {} ข้อความที่อยู่ในสัญลักษณ์นี้ หมายถึง หมายเหตุหรือข้อความอธิบายไม่มีผลต่อโปรแกรม ส่วนประกาศ (Declaration part)โปรแกรมภาษาปาสคาลแตกต่างจากบางภาษาที่ต้องมีการกำหนดชื่อและชนิดของตัวแปรที่จะใช้ในโปรแกรมเสียก่อน ส่วนประกาศโปรแกรมได้แก่บริเวณตั้งแต่หลังส่วนหัวไปจนถึงข้อความก่อนคำว่า Begin ของโปรแกรมหลัก ส่วนประกาศโปรแกรมจะประกอบด้วย 1. ส่วนประกาศเลเบล Labal 2. ส่วนประกาศชื่อค่าคงที่ Const 3. ส่วนกำหนดแบบข้อมูล Type 4. ส่วนประกาศตัวแปร Var 5. ส่วนโปรแกรมย่อย Procedure/Function ส่วนใดไม่ได้ใช้ก็ไม่ต้องประกาศ ส่วนคำสั่งการทำงาน (Statements)ส่วนคำสั่งของโปรแกรม จะอยู่ต่อจากส่วนประกาศ ขึ้นต้นด้วย Begin และจบด้วย End. ช่วงระหว่าง 2 คำนี้จะเป็นคำสั่ง จะต้องแยกแต่ละคำสั่งออกจากกันด้วย; โดยคำสั่งแต่ละคำสั่งจะมีผลให้มีการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง Begin
|
จัดทำโดย ครูเนาวรัตน์ ใจการุณ
โีรงเรียนปิยะบุตร์
อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลพบุรี
เขต 1
copyright(c) 2007 Ms.Naowarat Jaikaroon All rights reserved
จำนวนผู้เข้าใช้งาน
ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2550
thaigoodview.com Version 17.0
บริหารและจัดการโดยทีมงานชาวมัธยมศึกษาและประถมศึกษา
e-mail: webmaster@thaigoodview.com