จากแบบจำลองดังกล่าวอธิบายได้ว่า
เมื่ออะตอมของโลหะที่ใช้ทำเป็นแคโทดได้รับพลังงานสูงพอก็จะให้อิเล็กตรอนออกมาวิ่งไปที่แผ่นโลหะที่ใช้เป็นแอโนด
ก็จะไปชนกับอะตอมของก๊าซที่บรรจุภายใน
ทำให้อิเล็กตรอนของก๊าซเหล่านั้นหลุดออกมา
และ อิเล็กตรอนทั้งหมดรวมกันเรียกว่า
รังสีแคโทด (Cathode
ray)
วิ่งมายังแผ่นแอโนดแล้วทะลุไปกระทบฉากเรืองแสง
ส่วนอะตอมของก๊าซที่อิเล็กตรอนหลุดออกไปก็จะเหลืออนุภาคที่มีประจุบวกวิ่งมาทางด้านแคโทด
แล้วไปกระทบฉากเรืองแสง
เกิดการเรืองแสงขึ้นที่ฉาก
ค.ศ.
1908 R.A. Millikan
สามารถหาค่าประจุของอิเล็กตรอนโดยวิธีเม็ดน้ำมัน
(oil dropexperiment)
ซึ่งทำการทดลองดังนี้ กล่าวคือ
พ่นน้ำมันออกเป็นละอองเม็ดเล็ก ๆ
ให้ตกลงมาระหว่างแผ่นโลหะทั้งสอง
ผ่านกระแสไฟฟ้าให้เกิดประจุไฟฟ้า
ตัวละอองเม็ดน้ำมันก็ถูกทำให้มีประจุเสียก่อนด้วยการใช้รังสีเอกซ์ไปทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอมของก๊าซในอากาศแล้วไปติดกับเม็ดน้ำมัน
ถ้าไม่มีสนามไฟฟ้า
เม็ดน้ำมันจะตกลงด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก
แต่ถ้าทำให้แผ่นโลหะมีประจุไฟฟ้า
จะเห็นว่าเม็ดน้ำมันตกลงช้ากว่าและสามารถทำให้หยุดนิ่งได้
หมายความว่า
ขณะนี้แรงจากสนามไฟฟ้าเท่ากับแรงโน้มถ่วงของโลก
เมื่อปิดสนามไฟฟ้าเม็ดน้ำมันก็จะตกลงมาก็สามารถวัดความเร็วได้
แล้วคำนวณหามวลของเม็ดน้ำมันได้
ซึ่งเมื่อทราบความแรงของสนามไฟฟ้า
จะทำให้วัดค่าประจุไฟฟ้าบนเม็ดน้ำมันได้
ซึ่งเป็นจำนวนเท่าของ 1.6 x 10 คูลอมบ์
ดังนั้นประจุของอิเล็กตรอนจึงมีค่าเท่ากับ
1.6 x 10 คูลอมบ์
จากการทดลองทอมสัน
ประจุต่อมวลของอิเล็กตรอน
()
= 1.76 x 10
คูลอมบ์/กรัม
จากการทดลองของมิลลิแกน
ประจุของอิเล็กตรอน (e
) = 1.6 x 10
คูลอมบ์
ดังนั้น
มวลของอิเล็กตรอน (m ) =
= 9.1 x 10 - 28
กรัม (1
อิเล็กตรอน)
|