| หน้าหลัก | แฟรนไชส์คิออะไร? | ร้านต้นแบบ | หน้าที่ของผู้ลงทุน |การเติบโตของแฟรนไชส์
| ขั้นตอนการทำ | ข้อได้เปรียบ | ข้อเสียเปรียบ |
หน้าที่ของผู้ลงทุน
• อันดับแรก คือ จ่ายค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ (Franchise
Fee) ให้กับเจ้าของ
แฟรนไชส์ (Franchisor) เป็นเงินก้อนแรกตามที่ตกลงกัน
• ตระเตรียมหาเงินลงทุน
• เลือกหาทำเล ที่ตั้งร้านค้าที่ดีที่สุด
• เข้ารับการฝึกอบรมจากวิทยากร ทั้งในห้องอบรม และ
สถานที่ทำงานจริง
ปัจจุบันธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทย
มีทั้งส่วนที่เป็นสาขาจากต่างประเทศ เช่นกิจการจำหน่ายสินค้าประเภทจานด่วน
(Fast Food) ได้แก่ เคเอฟซี แมคโดนัลด์ พิซซ่าฮัท ฯลฯกิจการจำหน่ายสินค้าสะดวกซื้อ ได้แก่ เซเว่น-อีเลฟเว่น
ไทเกอร์มาร์ต สตาร์ชอร์ป ฯลฯ
และธุรกิจแฟรนไชส์ที่กำเนิดโดยคนไทยเอง เช่น เลมอนฟาร์ม ลูกชิ้นแชมป์
ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ข้าวมันไก่เจมส์ ฯลฯ
คุณสมบัติที่ดีของแฟรนไชส์ซอร์
ในแง่ธุรกิจจะต้องมี Business Concept ที่ดีมีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจและมีระบบการบริหารการจัดการที่ดีพอสำหรับรองรับการขยายการเติบโตในอนาคต
และที่สำคัญที่สุด
ธุรกิจจะต้องประสบความสำเร็จมีผลประกอบการที่มีกำไรคุ้มค่ากับการลงทุน
และในแง่ของบุคคลคือตัวผู้บริหารเจ้าของแฟรนไชส์ซอร์
จะต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ที่มีความยืดหยุ่นสูง
มีความประนีประนอมและมีความอดทนในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
อันที่จะเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกัน
นอกจากนั้นผู้บริหารยังจำเป็นจะต้องเป็นนักขายที่เก่งและเป็นนักบริหารจัดการที่ดีที่เก่งทั้งการบริหารงานและบริหารคนอีกด้วย
ธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์
จะต้องมีตลาดที่ใหญ่พอที่จะสร้างยอดขายจำนวนมากและตลาดจะต้องกว้างพอที่จะขยายการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ลักษณะแฟรนไชส์ที่ดีจะต้องมีระบบที่ถูกต้อง การบริหารจัดการที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน
สามารถทำงานได้ง่าย แต่ธุรกิจที่ดีจะต้องมี Know How เฉพาะเป็นของตัวเองที่คนอื่นไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย
ธุรกิจที่เหมาะกับระบบแฟรนไชส์ ได้แก่ ธุรกิจประเภทอาหารและเครื่องดื่ม
ร้านค้าปลีกประเภทสะดวกซื้อ บริการที่เกี่ยวกับบ้านและธุรกิจที่เกี่ยวกับรถยนต์
เป็นต้น