คำว่า Tanbur และ Chartars ปรากฏในภาษากรีกว่า Tanbur ใน ค.ศ. 300 หลังจากที่โรมันได้มีการพัฒนาจนเป็นคำว่า Tanbur ในราว ก่อน ค.ศ.300  ซึ่งเครื่องสายทั้ง 2 อย่างที่กล่าวมาก็คือ Chartars นั่นเอง มีสิ่งที่ยืนยันว่า โรมันได้นำ Tanburs เข้าไปในแหลม Iberian ก่อนค.ศ. 476 เป็นเวลาเกือบ 3ศตวรรษ ก่อนที่พวก Moors จะบุกรุกเข้าไปในสเปน และด้วยเหตุนี้ Tanbur ของโรมัน จึงพัฒนาไปเป็นคำว่า กีตาร์ร่า มอริสคา (Guitarra Morisca) และกีตาร่า ลาติน่า (Guitarra Latina ) ทั้ง Guitarra Morisca และ Guitarra Latina มีลักษณะเหมือนเครื่องสาย (instrument ) มีปรากฏชัดเจนในเอกสารชื่อ “The Cantigas of Alfonso The Wise” ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1270ก่อนคริสตกาล Guitarra latina นั้นจะมีพื้นหลังแบนราบ เหมือนกับกีตาร์สมัยใหม่ และตรง Soundboard จะมี ช่อง หรือ รู ซึ่งเป็นที่สำหรับลวดหรือเส้นลวดขึงผ่านเหนือ Soundboard ใช้สำหรับเล่น คอร์ด และเป็นเครื่องนำทางของเครื่องVihuela ส่วน Guitarra Mosisca มีพื้นหลังโค้ง Fingerboard (ส่วนคอ) มีขนาดใหญ่ และตัว Soundboard จะมี Soundholes (ช่องเสียง) หลายตัวใช้สำหรับเล่น เมโลดี้ (Melodies)

                ต่อมาเครื่องสายชนิดนี้ได้เจริญแพร่หลายเข้าไปในกลุ่มพวกชนชั้นสูงรวมทั้ง Vihuela (ซึ่งมี 6 คู่สาย ซึ่งมี Tuned คือ G C F A D G ) ซึ่งมีอิทธิพลต่อราชสำนักของสเปน และโปรตุเกส ในระหว่างศตวรรษที่ 16 กีตาร์ 4 สายคู่ (คือมีTuned C F A D ) อย่างเดียวกับสี่สายกลางของ Vihuela ซึ่งใช้ในพวกTroubadours เป็นส่วนใหญ่เพื่อประกอบบทเพลงและการเต้นรำ

                ในยุโรปทั้ง Lute และ Vihuela  ค่อยๆ หมดความนิยมลงจนเลิกใช้  ในปลายศตวรรษที่ 17  lute นั้นเสียหายจากการต่อเติมสาย (strings) ที่มากเกินไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เหมือนกับของเดิม (รวมทั้งการตั้งโทนเสียงด้วย) เมื่อการตั้งเสียงของกีตาร์ 4 สายคู่เปลี่ยนไปเป็น D G B E และมีการเพิ่มคอร์ดที่ 5 (ซึ่งอยู่ต่ำกว่าคอร์ด A)  ดังนี้เอง Vihuela จึงเริ่มหมดความนิยมลง