ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน
          ซึ่งดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นกลุ่ม  เป็นฝูง  มีความสัมพันธ์ทั้งในด้านบวก
และลบผลดีก็คือการอยู่ร่วมกันเป็นฝูง จะทำให้มีการปกป้องอันตรายให้กัน มีการขยาย
พันธุ์ได้รวดเร็วขึ้น มีการแบ่งบทบาทหน้าที่ เป็นผู้นำฝูงเช่นการรวมฝูงของช้าง
ลิง ผึ้ง ต่อ แตน และนก ขณะเดียวกันก็มีผลในทางลบ เพราะการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม
และดำรงชีวิตแบบเดียวกันนั้น ก่อให้เกิดการแก่งแย่งแข่งขันและเกิดความหนาแน่น
ของประชากรมากเกินไป

ภาพ นกอาศัยอยู่บนต้นไม้
ที่มา : http://guru.sanook.com

     ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกัน
เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
          1. ภาวะการเป็นผู้อาศัย เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่อาศัยอยู่ร่วม
กันฝ่ายผู้อาศัยเป็นผู้ได้รับประโยชน์ผู้ให้อาศัยเป็นผู้เสียประโยชน์ เช่น ต้นกาฝากซึ่ง
เกิดบนต้นไม้ใหญ่มีรากพิเศษที่เจาะลงไปยังท่อน้ำและท่ออาหารของต้นไม้เพื่อดูดน้ำ
และธาตุอาหารหรือสัตว์ประเภทหมัด เห็บปลิง ทากเหา ไร เป็นต้น
          2. การล่าเหยื่อ
เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตที่ชีวิตหนึ่งต้องตกเป็นอาหารของ
อีกชีวิตหนึ่ง เช่น กวางเป็นอาหารของสัตว์ปลาเป็นอาหารของมนุษย์ ซึ่งสิ่งมีชีวิตล่าชีวิตอื่นเป็น
อาหารเรียกว่าผู้ล่าและชีวิตทีต้องตกเป็นอาหารนั้น เรียกว่า เหยื่อ
          3. การได้ประโยชน์ร่วมกัน  เป็นการอยู่ร่วมกันระหว่างสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่ต่างฝ่าย
ต่างได้รับประโยชน์กันและกัน  แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นั่นคือบางครั้งอาจ
อยู่ด้วยกันบางครั้งก็อาจแยกใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังได้ เช่น นกเอี้ยงกับควาย การที่นกเอี้ยง
เกาะอยู่บนหลังควายนั้นมันจะจิกกินเห็บให้กับควายขณะเดียวกันก็จะส่งเสียงเตือนภัยให้
กับควายเมื่อมีศัตรูมาทำอันตรายควายหรือแมลงที่ดูดกินน้ำหวานจากดอกไม้ มันก็จะช่วยผสมเกสรให้กับดอกไม้ไปด้วยพร้อมกัน
          4.
ภาวะแห่งการเกื้อกูล เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด ที่ฝ่ายหนึ่ง
ได้ประโยชน์ส่วนอีกฝ่ายไม่เสียประโยชน์แต่ก็ไม่ได้ประโยชน์ อย่างเช่น กล้วยไม้ป่า 
ที่เกาะอยู่ตามเปลือกของต้นไม้ใหญ่ในป่าอาศัยความชื้นและธาตุอาหารจากเปลือกไม้
แต่ก็ไม่ได้ชอนไชรากเข้าไปทำอันตรายกับลำต้นของต้นไม้ต้นไม้จึงไม่เสียผล
ประโยชน์  แต่ก็ไม่ได้ประโยชน์จากการเกาะของกล้วยไม้นั้น
          5. ภาวะที่ต้องพึ่งพากันและกัน  เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต  2 ชนิด
ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถ้าแยกจากกัน เช่น ไลเคนซึ่งประกอบด้วยราและสาหร่ายสา
หร่ายนั้นสามารสร้างอาหารได้เองแต่ต้องอาศัยความชื้นจากราและราก็ได้อาหารจาก
สาหร่าย เช่นปลวกกินไม้เป็นอาหารแต่ในลำไส้ของปลวกไม่มีน้ำย่อยสำหรับย่อย
เซลลูโลสต้องอาศัยโปรโตซัวซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ของปลวกเองเป็นตัวช่วยย่อยเซลลู
โลส และโปรโตซัวเองก็ได้อาหารจากการย่อยนี้ด้วย

มนุษย์ล่าเหยื่อเป็นอาหาร
ที่มา : http://guru.sanook.com

          6. ภาวะของการสร้างสารปฏิชีวนะ เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตที่ฝ่ายหนึ่ง
ไม่ได้รับประโยชน์แต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องเสียประโยชน์เกิดขึ้นเนื่องจากสิ่งมีชีวิตบางชนิดได้
สกัด
สารออกจากร่างกายแล้วสารนั้นไปมีผลต่อสิ่งมี-ชีวิตอื่นเช่น  ราเพนิซิเลียม  สร้างสารเพนิซี
เลียมออกมาแล้วไปมีผลต่อการยับยั้งการเจริญของบัคเตรี
         7. ภาวะการกีดกัน เป็นภาวะที่การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต ไปมีผลต่อการอยู่รอด
ของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เช่น ต้นไม้ใหญ่บังแสงไม่ให้ส่องถึงไม้เล็กที่อยู่ข้างล่าง ทำให้ไม้เล็กไม่อาจเติบโตได้
          8. ภาวะของการแข่งขัน เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 2 ชีวิต ซึ่งอาจเป็นชนิด
เดียวกันหรือต่างชนิดกันที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยหรืออาหารอย่างเดียวกันในการดำรง
ชีวิตและปัจจัยดังกล่าวนั้นมีจำกัด จึงเกิดการแข่งขันเพื่อครอบครองที่อยู่อาศัยหรือแย่งชิง
อาหารนั้นเช่น ต้นไม้สองต้นที่ขึ้นอยู่ในกระถางเดียวกัน
          9. ภาวะการเป็นกลาง  เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชีวิตในชุมชนเดียวกันแต่ต่างดำรงชีวิตเป็นอิสระแก่กันโดยไม่ให้และไม่เสียประโยชน์ต่อกัน
          10. ภาวะการย่อยสลาย เป็นการดำรงชีวิตของพวกเห็ดรา บัคเตรีที่มีชีวิตอยู่ด้วย
การหลั่งสารเอนไซม์ออกมานอกร่างกาย เพื่อย่อยซากสิ่งมีชีวิตให้เป็นรูปของเหลแล้วดูด
ซึมเข้าสู่ร่างกายในรูปของเหลวซึ่งเป็นสิ่ง
มีชีวิตทำให้เกิดการหมุนเวียนของธาตุอาหาร
ขึ้นในระบบนิเวศ

ภาพ กล้วยไม้เกิดอยู่บนต้นไม้ใหญ๋
ที่มา : http://guru.sanook.com