1111

ช่วงระหว่างวันที่ 21 มีนาคม ถึง 21 มิถุนายน นับเป็นฤดูใบไม้ผลิสำหรับประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ในเขตอบอุ่นใน ซีกโลกภาคเหนือ ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นฤดูร้อนในประเทศไทย ในวันที่ 21 มีนาคม ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่มาอยู่ ณ ตำแหน่ง เวอร์นอล อิควินอคซ์ บริเวณกลุ่มดาวราศีมีน ซึ่งในวันดังกล่าวนี้ ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกพอดี ช่วงเวลาดังกล่าวกลางวันกับกลางคืนจะเท่ากันพอดี


  กลุ่มดาวที่น่าสนใจที่สามารถสังเกตเห็นได้ช่วงนี้ในประเทศไทย มีหลายกลุ่ม เริ่มตั้งแต่บริเวณใกล้ขั้วท้องฟ้าเหนือ ได้แก่ “ กลุ่มดาวหมีใหญ่  ( Ursa Major ) “ ที่คนไทยรู้จักกันในรูปของ “ กลุ่มดาวจระเข้ “ บางครั้งก็จินตนาการเป็น “ กระบวยตักน้ำ “ กลุ่มดาวนี้มีดาวฤกษ์สำคัญ 2 ดวง คือ ดาวดูบี ( Dubhe ) และดาวเมอแรค ( Merak ) ดาวสองดวงนี้เป็น ตัวชี้ ( Pointer ) ไปยังดาวเหนือ ซึ่งอยู่บริเวณขั้วท้องฟ้าเหนือ ใน “ กลุ่มดาวหมีเล็ก ( Ursa Minor ) “ และถ้าต่อเส้นระหว่างดาวดูบี และดาวเมอแรคไปทางใต้ จะพบ “ กลุ่มดาวราศีสิงห์ ( Leo ) “ ซึ่งมีดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวนี้ คือ ดาวเรกูลัส ( Regulus ) หรือ “ ดาวหัวใจสิงห์ “ ดาวดวงนี้อยู่บนเส้นสุริยะวิถี ( Ecuiptic ) พอดี

   ดาวฤกษ์ 3-4 ดวง ซึ่งประกอบเป็น “ หาง “ ของหมีใหญ่ มีดาวฤกษ์ที่น่าสนใจอยู่สองดวงที่ปรากฏอยู่ใกล้กันมาก คือ ดาวไมซาร์ ( Mizar ) และ อัลคอร์ ( Alcor ) โดยมีระยะปรากฏห่างกันประมาณ 11 ลิปดา เท่านั้น และดาวฤกษ์ทั้งสองดวงสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อย่างไรก็ตาม เมื่อสังเกตดาวไมซาร์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ จะเห็นว่าดาวไมซาร์มีดาวสมาชิกร่วมอยู่ด้วยอีกดวงหนึ่งอยู่ห่างจากดาวไมซาร์เพียง 14 ฟิลิปดา เท่านั้น ดังนั้นดาวไมซาร์จึงเป็นระบบดาวคู่ ( Double Star ) และระบบดาวคู่ดังกล่าวนี้เป็นระบบดาวคู่คู่แรกที่มีการค้นพบ โดยนักดาราศาสตร์ที่ค้นพบคือ ริคซิโอลี ( Riccioli ) ในปี ค.ศ. 1650
 
   เมื่อลากเส้นต่อแนวจากส่วนหางของหมีใหญ่ หรือส่วนที่เป็นด้ามจับของกระบวยตักน้ำออกมาเป็นเส้นโค้งสู่อิเควเตอร์ท้องฟ้า จะพบ ดาวสีส้มที่สุกสว่างดวงหนึ่ง มีชื่อเรียกว่า ดาวอาร์คตูรัส ( Arcturus ) ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดใน “ กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ ( Bootes ) “ และถ้าต่อแนวเส้นโค้งต่อไปอีกผ่านอิเควเตอร์ท้องฟ้าลงมา จะพบดาวสว่างสีน้ำเงินอีกดวงหนึ่ง ที่มีชื่อเรียกว่า ดาวสไปกา ( Spica ) ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ดวงที่สว่างที่สุดใน “ กลุ่มดาวราศีกันย์ ( Virgo ) “
    ดาวฤกษ์ 3 ดวง อันได้แก่ ดาวเรกูลัส ดาวอาร์คตูรัส และดาวสไปกา ประกอบเป็นสามเหลี่ยมใหญ่บนท้องฟ้า เรียกว่า “ สามเหลี่ยมฤดูใบไม้ผลิ ( Spring Triangle ) “ ด้านใต้สามเหลี่ยมฤดูใบไม้ผลิ มี “ กลุ่มดาวไฮดรา ( Hydra ) “ ที่ทอดยาวตามอิเควเตอร์ท้องฟ้า ระหว่างกลุ่มดาวราศีกันย์ และกลุ่มดาวไฮดรา มีกลุ่มดาวเล็ก ๆ อีกสองกลุ่ม คือ “ กลุ่มดาวนกกา ( Corvus ) “ และ “ กลุ่มดาวถ้วย ( Crater ) “ แต่กลุ่มดาวทั้งสองกลุ่มนี้ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นดาวที่ไม่ค่อยสว่างมากนัก
   ด้านใต้ของกลุ่มดาวไฮดรา จะเห็น “ ทางช้างเผือก ( Milky Way ) “ ที่เป็นแถบฝ้าขาวที่สวยงาม และกลุ่มดาวที่ปรากฏอยู่ในทางช้างเผือกบริเวณนี้ที่น่าสนใจมีสองกลุ่ม คือ “ กลุ่มดาวเซนทอรัส ( Centaurus ) “ และ “ กลุ่มดาวกางเขนใต้ ( Crux ) “ กลุ่มดาวเซนทอรัสมีวัตถุท้องฟ้าที่น่าสนใจ และมีความสวยงามเมื่อมองผ่านกล้องโทรทรรศน์ ได้แก่ “ กระจุกดาวโอเมกา เซนทอรี ( Omega Centauri ) “ ส่วนกลุ่มดาวกางเขนใต้ก็เป็นกลุ่มดาวที่มีความสวยงาม แต่มองเห็นได้ยากสำหรับผู้ที่อยู่ในซีกโลกเหนือ
   คนไทยในอดีตเรียกดาวอาร์คตูรัส ว่า “ ดาวดวงแก้ว “ หรือดาวยอดมหาจุฬามณี “ ส่วนดาวสไปกา มีชื่อเรียกว่า “ ดาวรวงข้าว “