มะเขือเทศราชินี
![รูปภาพของ sss28046 รูปภาพของ sss28046](http://202.44.68.33/files/profilepic/picture-833.jpg)
มะเขือเทศราชินีหรือมะเขือเทศเชอร์รี่จะมีรสหวานมากกว่ามะเขือเทศลูกโตทรง แป้นๆ ที่ไว้ฝานกินกับแฮมเบอร์เกอร์ (ที่สหรัฐอเมริกา มะเขือเทศลูกใหญ่เป็นพันธุ์นักกินเนื้อหรือ Beef eater) มะเขือเทศราชินีมักใช้กินเป็นอาหารว่างหรือใส่ในอาหารจานสลัด
มะเขือเทศที่มีผลรูปไข่และมีขนาดโตขึ้นมาอีกหน่อยก็เป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ของส้มตำอาหารไทยยอดฮิตนั่นเอง
![](/files/u833/Tomato_nuttkyu.jpg)
![](/files/u833/Tomato_nuttkyu1.jpg)
ประโยชน์ของมะเขือเทศ
- มะเขือเทศมีสารที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ดังนั้นจึงใช้ในโรคที่เกี่ยวกับเชื้อราในช่องปากได้
- มะเขือ เทศช่วยบำรุงผิว ลดริ้วรอย รักษาสิว สมานผิว ช่วยให้ผิวเต่งตึง จะใช้น้ำมะเขือเทศทาพอกหน้า หรือใช้มะเขือเทศสุกฝานบางๆ ปะบนใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยให้ผิวหน้าอ่อนนุ่ม
- มะเขือเทศมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ จึงสามารถใช้ลดอาการความดันเลือดสูงได้
- มะเขือเทศบำรุงสายตา เนื่องจากมีวิตามินเอสูงนั่นเอง
- การกินมะเขือเทศลดอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและโรคหลอดเลือดหัวใจ
ปัจจุบันมีข้อมูลระบาดวิทยายืนยันว่า เมื่อมีการเพิ่มการกินมะเขือเทศจะลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและมะเร็งต่อมลูกหมาก
ไลโคพีน เป็นคาโรทีนอยด์ที่ให้สีแดงแก่ผลมะเขือเทศ แตงโม ส้มโอ ฝรั่งและมะละกอ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการถูกทำลายของสารพันธุกรรมและโปรตีน ไลโคพีนจับกับเส้นใยได้ดี จะออกฤทธิ์ได้ดี ถ้าถูกปลดปล่อยจากเส้นใยโดยใช้ความร้อน ไลโคพีนละลายในไขมัน ป้องกันผิวหนังจากอันตราย ที่เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลตได้ดีกว่าบีตาแคโรทีน พบในปริมาณมากที่ผิวหนัง อัณฑะ ต่อมหมวกไต และต่อมลูกหมาก ป้องกันอวัยวะดังกล่าวจากการเกิดมะเร็ง ลดปริมาณไขมันแอลดีแอลในเลือด
มะเขือเทศลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก
ผลงานรวบรวมงานวิจัยทางคลินิกตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2545-46 พบว่าการเลือกอาหารที่ถูกต้องสามารถทำให้การก่อตัวของมะเร็งต่อมลูกหมากเกิดช้าลง และสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งดังกล่าวได้ การศึกษาทางคลินิกในวารสารวิจัยมะเร็งปี พ.ศ.2542 พบว่า ไลโคพีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดเดียวที่ความเข้มข้นในเลือดมีความสัมพันธ์ผกผันกับผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก พบว่ากลุ่มผู้ป่วยมีปริมาณไลโคพีน ในเลือดต่ำเมื่อเทียบกับชายปกติอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลชัดเจนมากในกลุ่มผู้ป่วยชายที่ไม่ได้กินบีตาแคโรทีนเป็นอาหารเสริม
มะเขือเทศ ไลโคพีน กับโรคหลอดเลือดหัวใจ
งานวิจัยระบาดวิทยาหลายชิ้นชี้แนะว่าผู้ที่มีปริมาณไลโคพีนในเลือดสูงจะลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ การศึกษาระดับไลโคพีนในซีรั่ม ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาปี พ.ศ.2544 พบว่ามีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าระดับที่พบในคนทั่วไปในพื้นที่เดียวกัน ปริมาณไลโคพีนในซีรั่มมีความสัมพันธ์ผกผันกับความหนาของหลอดเลือดแดงคาโรติด งานวิจัยในยุโรปในปี พ.ศ.2540 พบว่าปริมาณไลโคพีนในไขมันอะดิโพสสะสมของผู้เข้าร่วมโครงการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอย่างเป็นอิสระ แต่การศึกษาในกลุ่มเสี่ยงเพศหญิงปี พ.ศ.2546 พบว่าความสามารถในการลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจมีความสัมพันธ์กับปริมาณการกินมะเขือเทศมากกว่ากับปริมาณไลโคพีนในซีรั่ม ผู้ที่กินมะเขือเทศสัปดาห์ละ 7 ครั้งขึ้นไปลดความเสี่ยงต่อโรคดังกล่าวได้มากที่สุด
สารเควอร์เซตินและแคมป์ฟีรอล ต้านอนุมูลอิสระและต้านมะเร็ง
สารทั้งสองเป็นสารฟลาโวนอยด์กลุ่มฟลาโวนอล พบมากในหอมหัวใหญ่ ต้นกระเทียม ชาขาว/ชาเขียว มะเขือเทศและแอปเปิ้ล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสียหายของเซลล์ในร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ลดความเสียหายจากไขมันไม่ดี (แอลดีแอล) ต่อระบบหลอดเลือด มีฤทธิ์ต้านอักเสบและต้านมะเร็ง สารทั้งสองทำงานร่วมกันในการลดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และลดการต้านยาของเซลล์มะเร็ง เมื่อมีเควอร์เซตินและแคมป์ฟีรอลยาฆ่ามะเร็งจะออกฤทธิ์ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สารทั้งสองมีฤทธิ์เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในร่างกาย การกินมะเขือเทศราชินีซึ่งมีสารทั้งสองนี้มากบริเวณเปลือกผลจึงมีผลในด้านการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
Tomatoes Jokes
ที่มา : http://youtu.be/xjdBCeUdAmI
ดีจ้า
ขอมอบปลาให้ไปเลี้ยงนะจ้ะ
ที่มาของภาพ http://2.bp.blogspot.com/_7rUu3IhNi9I/TLR00C2uJRI/AAAAAAAABfY/P6v3yNeL54g/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A11.jpg
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน