1 วันชลบุรี ไหว้พระพุทธสิหิงค์ ไหว้เทพที่วัดเซียนฮุดยี่
![]() |
ชลบุรีไม่ได้มีดีแค่ทะเล คงจะจริงอย่างว่า เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้
ต้องขอบคุณสมาคมประชาสัมพันธ์โรงแรมแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่องไหว้พระ ทำบุญ ร้อนแค่ไหน สาว ๆ ไม่หวั่น ไหว้ไหน ไปกัน!
เป็นเพราะว่าไปมาแล้วถึงได้รู้ว่าของดีคู่เมืองชลบุรีมีอีกหลายแห่งที่แม้แต่คนเมืองชล เผลอ ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำ
ท่านที่มีเวลาเที่ยวแค่เช้าไปเย็นกลับ และไม่ถนัดเรื่องน้ำทะเล แต่ชอบไหว้พระ น่าจะถูกใจกับโปรแกรมนี้
จากกรุงเทพฯ ค่อย ๆ ไป ไม่ต้องเหยียบคันเร่งมาก เพราะน้ำมันแพง ใช้เวลาแค่ชั่วงีบ คนร่วมทางไม่ทันได้หลับก็ถึงตัวเมืองชลบุรี
ไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลอย่างชาวพุทธที่หอพระพุทธสิหิงค์ เป็นองค์จำลองที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2503 ตรงข้ามหอสมุดประชาชน ใกล้ถนนโรงพยาบาลเก่า สำหรับองค์จริงมีอยู่ที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช
จากนั้นไปรับพลังชีวิตกันที่วัดเซียนฮุดยี่ หรือวัดเทพพุทธาราม ซึ่งเป็นวัดจีนที่มีชื่อของชลบุรี
วัดอยู่ฝั่งซ้ายมือใกล้กับคิวรถตู้ มีเพียงประตูทางเข้าเล็ก ๆ พอให้เก๋งหรือรถตู้ขับผ่านเข้าไปได้ ส่วนรถบัสต้องจอดริมถนน ส่วนป้ายวัดไม่ได้ใหญ่โตอะไร ต้องสังเกตให้ดี ๆ ผิดกับเนื้อที่ด้านในซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก
อดนึกถึงวัดดังในกรุงเทพฯ ไม่ได้ ถ้ามีชื่อหรือใหญ่โตเมื่อไหร่ เป็นต้องขยับขยายให้สมสง่า เดือดร้อนคนแถวนั้นต้องรื้อบ้านเพื่อเปิดทางให้เห็นวัดชัด ๆ คิดแบบนี้จะบาปหรือเปล่าไม่รู้ ก็แค่คนมีคำถามในความคิด..แบบนั้นจะดีรึ!
วัดเทพพุทธาราม หรือ วัดเซียนฮุดยี่เป็นวัดจีนนิกายมหายาน สร้างขึ้นจากความเลื่อมใสของญาติโยมที่มีต่อพระเถระสงฆ์จีน “พระอาจารย์ตั๊กฮี้” โดยร่วมแรงร่วมใจอุทิศที่ดินและทรัพย์สินสร้างวัดจีนนิกายมหายานแห่งนี้ ปรากฏหลักฐานว่าวัดสร้างเสร็จในปีพ.ศ.2480 หลังจากที่พระอาจารย์ตั๊กฮี้มรณภาพเพียงปีเดียว
ภายในวัดประกอบด้วยวิหารพระรัตนตรัย พระอุโบสถทรงเจดีย์เจ็ดชั้น วิหารเทพสถิตย์ วิหารบูรพาจารย์ หอปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ และโพธิวนารามหรือสวนป่า 15 ไร่ และทางวัดอยู่ระหว่างการแกะสลักรูปปฏิมากรรมพระอรหันต์จากไม้เนื้อหอมขนาดเท่าคนจริงโดยช่างฝีมือชาวจีน 500 องค์ ถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย
มาถึงที่นี่จะได้ทำบุญแบบชาวจีน ใครชงมักมาแก้ชง หรือไหว้ขอพรเทพเจ้าที่ให้โชคด้านการค้า สุขภาพ ขอลูก ฯลฯ
พระประธานภายในวิหารพระรัตนตรัยมี 3 องค์ คือ พระปฏิมาพระอมิตาภะพุทธเจ้า พระศากยมุนีพุทธเจ้า และพระไภษัสชยคุรุพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระอัครสาวก พระอรหันตสาวก 18 องค์ พระสหัสกรสหัสเนตรอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ (เจ้าแม่กวนอิมปางพันมือพันเนตร) ฯลฯ
ถัดไปคือวิหารเทพสถิตย์ ประดิษฐานเทวรูปให้โชคให้พรในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ฮั่วท้อเซียงซือ (ขอให้สุขภาพแข็งแรง) จูแซเนี้ย (ขอลูก) แป๊กง (ทำมาค้าขึ้น) ไท้ส่วยเอี๊ย (เสริมดวงชะตา) เจ้าพ่อเสือ (ขอโชคลาภ ขจัดเหตุร้าย) ไต่สือเอี๊ย (ปกป้องคุ้มครอง) ใช้ซิ้งเอี๊ย (ขอโชคลาภ) เจ้าพ่อหลักเมือง (ทำมาค้าขายร่ำรวย) และเจ้าพ่อกวนอู (เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์)
หลังวิหารตั้งตระหง่านเจดีย์เจ็ดชั้น ประดิษฐานพระปฏิมาพระบรมศาสดาศากยมุนีพุทธเจ้า ยอดเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ รอบพระอุโบสถล้อมรอบเสมาหินแกะสลักรูปท้าวจตุโลกบาล
ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นเต้าเต็ง หรือเครื่องมงคลทะนานประทีป ประกอบในพิธีบูชาดาวสัปตรรษิ หรือดาวปั๊กเต้า ซึ่งเป็นพิธีในงานมงคลขอพรต่อเทพ ได้แก่ สัดตวงข้าว ตะเกียง ข้าวสาร ไม้บรรทัด คันชั่ง กรรไกร กระจกเงา ลูกคิด พู่กัน กระบี่ ร่ม
ด้านวิหารบูรพาจารย์ เป็นที่ประดิษฐานผู้ก่อตั้งวัด ร่างพระอาจารย์ตั๊กฮี้ที่ไม่เน่าเปื่อยในท่านั่งสมาธิ
โพธิวนารามหรือสวนป่า อยู่ทางด้านหลังของวัด บนเนื้อที่ 15 ไร่ มีต้นไม้ใหญ่และศาลาทรงจีน หลังสวนป่าเป็นหอปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เยือนถิ่นชลบุรีทั้งทีจะมีอะไรอร่อยเท่าชิมอาหารทะเล มีให้เลือกหลายร้าน ร้านไหนอร่อยกว่ากัน ต้องไปลองเอง ถ้าสะดวกและใกล้ที่เที่ยว แนะนำให้กินแถวอ่างศิลา มีร้านค้าตลอดแนว แต่อย่าเพิ่งซื้อกุ้ง หอย ปู ปลา จากท่าเรือกลับบ้าน
อิ่มแล้วอยากชวนไปเดินย่อยชมพระตำหนักราชินี (ตึกแดง) และพระตำหนักมหาราช (ตึกขาว) ริมชายทะเลอ่างศิลา เป็นสถานที่พักตากอากาศแห่งแรกของไทย สมัยรัชกาลที่ 5 มีให้ชมเฉพาะตัวอาคารและภาพเก่าในอดีต ด้านล่างอาคารจัดนิทรรศการขนาดย่อมเครื่องมือเครื่องใช้สมัยโบราณ
ติดทะเลเป็นที่ตั้งศาลเจ้าแม่หินเขา ว่ากันว่าเป็นดวงวิญญาศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระปิยมเหสีในรัชกาลที่ 5 หรือพระนางเรือล่ม
ก่อนกลับต้องแวะให้ได้ ช็อปปิ้งช่วยชาวบ้านที่ตลาดเก่าอ่างศิลาที่มีอายุถึง 133 ปี