จัดฟันแฟชั่น !

รูปภาพของ pnp34378

จัดฟันแฟชั่น อันตรายที่คาดไม่ถึง  การจัดฟันแฟชั่น เป็นการจัดฟันของผู้ที่ไม่ใช่ทันตแพทย์ อาจเป็นช่างทันตกรรม ผู้ช่วยทันตแพทย์หรือผู้ที่ได้รับการบอกและสอนต่อๆกันมา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่มีความรู้ที่เพียงพอในการที่จะใส่เครื่องมือจัดฟัน ทำให้เกิดผลเสียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการทำที่สกปรก ไม่มีการฆ่าเชื้อโรค การใส่เครื่องมือที่ลวดอาจดันให้ฟันเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิม หรือพลาสติกกดเหงือกทำให้เหงือกอักเสบเป็นแผล รวมทั้งการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้คุณภาพ ใส่แล้วอาจเป็นสนิมเกิดขึ้นในปากได้ เป็นอันตรายต่อผู้ใส่ และผู้ที่ทำให้ก็มีความผิดทางกฎหมายในการทำฟันโดยที่ไม่ใช่ทันตแพทย์
ความเป็นมา โดยปกติแล้วเด็กวัยรุ่นที่มี ฟันเรียงตัวเป็นปกติ ไม่มีปัญหาในการใช้งานหรือมีปัญหาเรื่องความสวยงาม เมื่อมาพบทันตแพทย์เพื่อขอใส่เครื่องมือจัดฟัน ทันตแพทย์จะปฎิเสธที่จะใส่เครื่องมือจัดฟันให้เนื่องจากไม่มีข้อบ่งชี้ทางทันตกรรมแต่อย่างใด ทำให้มีกลุ่มบุคคลที่เห็นช่องทางหารายได้จากความต้องการจัดฟัน ของเด็กและเยาวชน จึงมีการเปิดรับจัดฟันแฟชั่นขึ้น เริ่มต้นในช่วงปี 2547 ได้มีกระแสนิยมในการจัดฟันแฟชั่นที่ใช้ลวดเส้นเล็ก ร้อยลูกปัดสีต่าง ๆ บางชนิดเคลือบสีและสารปรอทเพื่อให้สวยงาม มีจำหน่ายในราคาเส้นละ 50-120 บาท เมื่อส่งตัวอย่างลวดและลูกปัด ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจพบว่ามีสารเคมีรุนแรง ทั้งสารตะกั่ว สารหนู สารแคดเมียม ทางหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้มีการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ออกประกาศห้ามผลิตและจำหน่ายลวดจัดฟันแฟชั่น โดยมีบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน ทำให้ปัญหาดังกล่าวได้เบาบางลง ต่อมาในช่วงปี 2550 กระแสนิยมในเรื่องจัดฟันแฟชั่นได้เปลี่ยนไปจากการใช้ลวดเส้นเล็กร้อยลูกปัดสีต่างๆได้หายไปจากสังคมไทย กลายเป็นการใช้เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นที่เลียนแบบใกล้เคียงกับเครื่องมือที่ทันตแพทย์ใช้มากขึ้น มีทั้งการใส่เครื่องมือที่ติดแน่นกับฟัน และเครื่องมือที่ถอดได้ โดยมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากซับซ้อนขึ้น และมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในระดับ 2,000-2,500 บาท
สภาพปัญหาและความรุนแรงของปัญหาจัดฟันแฟชั่นจากข้อมูลในอินเตอร์เนท พบว่า ในเกือบทุกweb board ของวัยรุ่นที่เปิดให้แสดงความคิดเห็น จะมีผู้เข้าไป post โฆษณาและชักชวนให้มีการจัดฟันแฟชั่น โดยให้เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ติดต่อไป มักจะเป็นข้อความเหมือนกัน แต่มีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไม่ให้เหมือนกัน มีรูปแบบที่โฆษณาว่า เป็นการใช้ลวดและเครื่องมือที่ทันตแพทย์ใช้มีประกาศรับสอนการทำจัดฟันแฟชั่นมีบริการรับไปพิมพ์ฟันถึงที่บ้านมีการส่ง เครื่องมือจัดฟันที่ทำเสร็จแล้วไปให้ที่บ้านทางไปรษณีย์สามารถสั่งซื้อ ลวดจัดฟัน ยาง และอุปกรณ์ในการทำได้ จัดส่งทั่วประเทศจาการเดินสำรวจตามสถานที่รับจัดฟันแฟชั่น พบว่า ได้รับความนิยมจากเด็กวันรุ่นค่อนข้างมาก บางแห่งมีเด็กวัยรุ่นมาใช้บริการตลอดเวลา พบว่าจะต้องรอคิวในการทำ แม้จะเป็นเวลากลางวันก็มีเด็กวัยรุ่นโดดเรียนมาใช้บริการ บางครั้งจนคนทำไม่มีเวลากินข้าวกลางวันบางแห่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยใช้คำว่า Lab เพื่อให้เข้าใจว่า เป็น Laboratory ที่สามารถทำฟันปลอม เครื่องมือจัดฟันให้กับทันตแพทย์สถานที่มักจะเป็น ตลาดนัด แหล่งชุมชน ถ้าเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงก็จะอยู่หน้าห้างฯ แต่ถ้าเป็นห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ก็จะอยู่ในห้างฯ บริเวณที่พบ เช่น วังหลัง อนุสาวรีย์ (Fashion Mall) ด้านหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว Imperial World สำโรง มีแหล่งรับจัดฟันแฟชั่น ทั้งในกรุงเทพฯ และในเกือบทุกจังหวัด

 รูปแบบของการจัดฟันแฟชั่นมีการใส่เครื่องมือ 2 แบบหลักๆ คือ การใส่เครื่องมือแบบติดแน่น และการใส่เครื่องมือถอดได้เครื่องมือแบบติดแน่น    ì รูปแบบเป็นการติดเครื่องมือ Bracket ลงบนฟันหน้าบน 8 ซี่ และ/หรือ ฟันล่าง 8 ซี่ โดยสามารถทำได้ในเวลา 20-30 นาที ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 800-1200 บาทต่อ 8 ซี่ มีบริการเปลี่ยนสียางฟรี 1 ครั้ง และถ้าถอดออกจะต้องเสียค่าบริการ 200 บาท    ì ขั้นตอนการทำ จะมีการใช้หัวกรอฟันที่เป็นหิน กรอเอาเคลือบฟันออก (ทำให้เสียเคลือบฟันไป ซึ่งทันตแพทย์จะไม่มีการกรอเอาเคลือบฟันที่ดีๆออกไป) แล้วใช้กรดฟอสฟอริก (ชนิดเดียวกับที่ทันตแพทย์ใช้ในการทำฟัน) กัดฟันให้เป็นรูพรุนเล็กๆ เพื่อที่จะให้เกิดการยึดเครื่องมือ Bracket ให้ติดกับ     ฟันได้ (แต่ผู้ทำจะบอกว่า เป็นน้ำยาล้างฟันให้สะอาด) จากนั้นใช้วัสดุยึดระหว่างเครื่องมือ Bracket กับฟัน มีการใช้ลวดร้อยเข้าไปในร่องของ Bracket แล้วใช้ยางรัดให้ลวดติดกับ Bracketเครื่องมือแบบถอดได้ มีสองรูปแบบหลักๆ คือ    § เป็นเครื่องมือคงสภาพฟัน (Retainer) เหมือนกับที่ทันตแพทย์ใช้ อาจเพิ่มเครื่องมือ Bracket อยู่บน Retainer เพื่อให้ดูเหมือนว่าเป็นการจัดฟันแบบติดแน่น    § เป็นเครื่องมือที่เรียกว่า Splint ที่ทันตแพทย์ใช้รักษาผู้ป่วย แต่มีการเพิ่มเครื่องมือ Bracket เข้าไปด้านหน้า เพื่อให้เหมือนกับการจัดฟันแบบติดแน่นขั้นตอนในการทำ จะต้องมีการพิมพ์ฟัน เพื่อทำแบบฟัน (model) จะมีการนัดเพื่อมาใส่เครื่องมือในอีก 1 สัปดาห์ โดยคนที่ทำจะส่งให้ทาง laboratory ที่อยู่ในขบวนการเดียวกันให้ทำเครื่องมือให้ จากนั้นก็จะใส่เครื่องมือในปากให้
อันตรายของการจัดฟันแฟชั่น ขั้นตอบการทำสกปรกและมีโอกาสได้รับเชื้อโรค   õ ผู้ทำไม่ได้ใส่ถุงมือ ไม่มีการล้างมือด้วยน้ำยากำจัดเชื้อก่อนทำงาน    õ เครื่องมือที่ใช้ เช่น ถาดพิมพ์ฟัน ใช้แล้วไม่ได้ล้าง มีคราบวัสดุพิมพ์ปากและคราบปูนหล่อแบบติดอยู่ ไม่มีการฆ่าเชื้อใดๆ ซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคที่มาจากน้ำลายของผู้ใช้บริการคนก่อนๆอันตรายของตัวเครื่องมือจัดฟันแฟชั่น   õ มีการใช้ หัวกรอฟันที่เป็นหิน กรอเอาเคลือบฟันออก ทำให้มีการเสียเคลือบฟันไป รวมทั้งการใช้กรดกัดฟัน ซึ่งจะทำให้เคลือบฟันบางลง ทำให้มีโอกาสที่จะทำให้เกิดฟันผุได้ง่ายขึ้น เคลือบฟันที่ถูกทำลายไปไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้   õ ฟันอาจมีการเคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิม เนื่องจากเครื่องมือที่ใส่มีแรงกดจากลวดที่ใส่ ทำให้ฟันไม่เป็นระเบียบ และถ้าลวดกดฟันมากเกินไป จะทำให้มีอาการปวดมาก จนอาจทำให้ฟันซี่นั้นตาย เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ หรือรากฟันละลาย จะต้องรักษารากฟันหรือถอนฟันซี่นั้นๆทิ้งไป

    õ เมื่อใส่เครื่องมือในปาก เครื่องมืออาจหลุดลงคอ บาดกระพุ้งแก้ม และเนื้อเยื่อในช่องปาก    ทำให้เป็นแผล นอกจากนั้นอาจกดเหงือกทำให้เหงือกอักเสบบวมแดง การมีแผลในช่องปากต่อเนื่องกันนานๆ หลายปี มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งของเนื้อเยื่อในช่องปากได้    õ การแปรงฟันทำได้ยาก มีเศษอาหารและแผ่นคราบจุลินทรีย์ติดสะสมอยู่รอบๆเครื่องมือที่ใส่ เมื่อใส่เครื่องมือนานหลายๆเดือน ก็อาจทำให้ฟันผุเป็นรูสีน้ำตาลรอบๆเครื่องมือที่ใส่
สรุปการจัดฟันแฟชั่น ไม่ได้ทำให้เด็กวัยรุ่นเท่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอันตรายต่อฟันและอวัยวะอื่นๆที่คาดไม่ถึงติดตามมาอีกมาก เด็กวัยรุ่นไม่ควรตัดสินใจที่จะจัดฟันแฟชั่นเพราะคิดเพียงแต่ต้องการความเท่ ทันสมัย เหมือนเพื่อนๆ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงสังคมไทยที่ไม่ได้พัฒนาเป็นสังคมแห่งปัญญา แต่เป็นสังคมที่มีกลุ่มบุคคลหาผลประโยชน์จากความไม่รู้ของเด็กวัยรุ่น

ข้อมูลจาก เรื่องน่ารู้ ของทันตแพทยสภา Website : http://www.dentalcouncil.or.th/content/dentist/
แก้ไขล่าสุด : 13 พฤษภาคม 2551 การจัดฟัน (ที่ถูกต้อง)          ขณะที่การใส่กางเกงเอวต่ำ  สายเดี่ยว  สมัยที่นิยมของวัยรุ่นไทย  การมีลวดจัดที่ฟันจากเดิมเป็นของแปลกประหลาด  กลับกลายเป็นแฟชั่นยอดฮิตขณะนี้  ไม่ว่าในเมืองกรุงหรือต่างจังหวัด  ดารา  นักแสดง  ใส่ลวดจัดฟัน  เป็นของธรรมดาและดูเท่  สวยงาม          ในทางทันตกรรมการจัดฟันเป็นงานทันตกรรมสาขาหนึ่งที่มุ่งจะป้องกันและรักษาความผิดปกติของการสบกันหรือการเรื่องฟันของผู้ป่วยให้มีการสบฟันที่ถูกต้อง  ฟันเรียงเป็นระเบียบ  ซึ่งเมื่อฟันเรียงเป็นระเบียบ  การดูแลสุขภาพช่องปาก  ฟัน  เหงือก ก็จะสะดวก  ง่าย และ สะอาด  ไม่ทำให้เกิดโรคฟันผุ  เหงือกอักเสบ  แล้วการบดเคี้ยวอาหารก็จะมีประสิทธิภาพ  ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์สุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรง  อวัยวะส่วนต่างๆ ก็ทำหน้าที่ได้ปกติ  และการที่มีฟันที่เรียงเป็นระเบียบ  และพลอยทำให้รูปหน้าดูสวยงาม  สร้างความมั่นใจของบุคลิกภาพ          ขั้นตอนในการรักษาจัดฟัน  เพื่อให้ผลดีที่สุด ทันตแพทย์เริ่มตั้งแต่ การตรวจประวัติทางการแพทย์และทันตกรรม  ตรวจฟันและการสภาพการสบฟันของผู้ป่วย  ทำแบบจำลองฟัน  รวมถึงเอกซเรย์ฟันทั้งปากและกระดูกขากรรไกร  หลังจากนั้นจะนำไปวิเคราะห์  วินิจฉัย  และอธิบายให้ผู้ป่วยฟังแผนการรักษา  ทางเลือก  การรักษา  ตลอดจนผลของการรักษา  ระยะเวลาการรักษาให้ผู้ป่วยฟังอย่างละเอียด  ก่อนเริ่มติดเครื่องมือ และจัดฟัน (เคลื่อนฟัน)  ต่อไป          เครื่องมือจัดฟัน  แบ่งเป็นสองชนิดใหญ่ๆ  คือ ชนิดถอดได้  มักจะใช้ในกรณีมีความผิดปกติเพียงเล็กน้อย  เคลื่อนฟันบางซี่  ราคาถูก   ถอดออกตอนรับประทานอาหารได้  ทำความสะอาดง่าย    อีกชนิดเป็นแบบติดแน่นหรือเรียกว่า เหล็กจัดฟัน  วัสดุเป็นได้ทั้งโลหะไร้สนิมขนาดเล็กๆ  ติดบนด้านหน้าของฟัน และติดแนบกับฟันจะใช้ใกรณีต้องเคลื่อนฟันหลายๆ ซี่พร้อมกัน  ***************************   การรักษาที่หมอฟันไม่อยากเจอทำเขี้ยว                     ทันตแพทย์ไม่อยากทำเขี้ยวให้คนไข้ เพราะการเรียงตัวของฟันที่เป็นระเบียบนั้นย่อมดีกว่า ฟันที่นูนๆ ออกมา มีรูปร่างไม่ธรรมชาติทำให้ทำความสะอาดยากขึ้น อีกทั้งบางคนยังไปติดเพชรอีก ทำให้คนไข้ ไม่ค่อยอยากแปรงเพราะกลัวเพชรหลุดอีกต่างหาก คนไข้อาจคิดว่ามีเขี้ยวแล้วสวยขึ้น แต่ในแง่การเรียงตัวของฟันและเนื้อเยื่อปริทันต์แล้วการมีเขี้ยวไม่เป็นผลดี ดังนั้นเวลาจัดฟัน ทันตแพทย์ก็จะทำให้ฟันเรียงเรียบทำความสะอาดง่ายๆ ค่ะ  จัดฟันแฟชั่น ฟันดีๆ อยู่แล้ว แต่อยากจัดเพราะจะได้ติดเครื่องมือราคาแพงดูเก๋ไก๋ แต่จริงๆ แล้ว ไม่ดีเลยที่ฟันดีๆจะต้องมีแรงมากระทำทั้งต่อฟันหรือต่อเนื้อเยื่อ แถมยังเสียเงินอีกต่างหาก จะต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่ค่ะ  อุดฟันที่ปวดแล้ว จริงๆ เรื่องนี้เขียนไว้ละเอียดแล้วในฉบับที่ 153 ปักษ์หลังเดือนมีนาคมก็คือว่าฟันที่ปวดแล้วต้องรักษาโดยถอนหรือรักษารากค่ะ  กรอฟันธรรมชาติให้สั้นลง มีอยู่ยุคหนึ่งสมัยก่อน นิยมกรอฟันให้บางลงหรือสั้นลง ว่ากันว่าทำให้สวยขึ้น แต่ในมุมมองของทันตแพทย์ การกรอฟันธรรมชาติไม่ดี เพราะเนื้อฟันมีเคลือบฟันคลุมอยู่ถ้ากรอเคลือบฟันออกไปจึงทำให้เสียวฟันได้ อีกอย่างเคลือบฟันธรรมชาติสร้างให้ครั้งเดียวไม่สร้างให้เพิ่มอีกแล้ว เมื่อกรอออกไปคือเสียไปแล้วเสียเลยนะคะ  บางกรณีคนไข้อาจอยากให้กรอเพื่อให้ระดับของฟันเท่ากัน ถ้าเป็นน้อยๆ อาจพอทำได้  แต่ถ้าต้องกรอเยอะควรหาทางแก้ทางอื่นดีกว่า อาจเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าแต่ไม่เสียเนื้อฟันนะคะ เพราะถึงมีสตางค์ก็ซื้อเคลือบฟันธรรมชาติไม่ได้เพราะร่างกายสร้างมาให้ครั้งเดียวค่ะ  ถอนฟันที่น่าจะรักษารากฟัน การถอนฟันนั้นมีราคาถูกกว่าการรักษารากฟัน คนไข้บางคนจึงมักตัดสินปัญหายุติอาการปวดฟันโดยการถอนฟัน ทั้งๆ ที่การรักษารากฟันที่ยังบูรณะได้นั้นก็สามารถทำให้หายปวดฟันและยังเก็บฟัน               เจ้าปัญหาได้ด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัญหาทางจริยธรรมอยู่พอสมควร เพราะถ้าถอนคนไข้ก็สูญเสียฟันไป แต่ถ้าจะรักษาราก คนไข้ก็ไม่มีเงินจ่ายหรืออาจไม่เห็นความสำคัญ ครั้นทันตแพทย์จะรักษารากให้ในราคา           ถอนฟัน ซึ่งต้องรักษาถึงประมาณ 3 ครั้งและใช้วัสดุอุปกรณ์มากมาย ทันตแพทย์ก็ขาดทุน (แฮ่..แฮ่..) ผลสุดท้ายก็ต้านความถูกต้องไม่ได้ (เห็นไหม ทำดีมันยากนะ) ก็ต้องถอนฟันให้คนไข้ไปแบบขัดความรู้สึก โดยเฉพาะถอนฟันหน้าให้ผู้หญิง ความจริงเป็นปัญหาโลกแตกเพราะคนไข้ก็รบเร้าให้ถอนเพราะไม่เห็นความสำคัญของการเก็บฟันเอาไว้อีกทั้งไม่อยากเสียเงิน ผลสุดท้ายจึงต้องเสียฟันไป จริงๆ แล้วในการรักษา 30 บาทหรือประกันสังคมก็เป็นทางออกได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า ปัญหานี้ไม่ใช่มีคนไข้เพียงคนเดียวคือเรา แต่มีเป็นแสนเป็นล้านคน ในขณะที่ทันตแพทย์ทั่วประเทศมีไม่ถึงหมื่นคน เคยมีปัญหาถกเถียงเรื่องประกันสังคมว่าคนไข้คนหนึ่งจะทำทั้งอุดฟันขูดหินปูนหรือทำเยอะๆ ในครั้งเดียวเพื่อจะไม่ต้องมาหลายครั้งได้ไหม อันนั้นเป็นการคิดเพื่อตนเองอย่างเดียวเพราะถ้าเราได้ทำ แล้วเพื่อนคนถัดไปที่นั่งรอคิวอยู่อีก 10 คน มีสิทธ์ไม่ต่างไปจากเราเขาจะได้ทำไหม ตัวทันตแพทย์นั้นยังไงก็ต้องทำอยู่แล้วและวันหนึ่งในกำลังของมนุษย์ทำงานได้แค่ไหนก็แค่นั้น ดังนั้นปัญหานี้จึงเป็นปัญหาโลกแตกจริงๆ และควรส่งเสริมการป้องกันมากกว่าการรักษา            โรคฟันผุเป็นโรคที่เจ้าของฟันทำให้เกิดเอง ถ้าทุกคนฟันไม่ผุก็คงไม่ต้องถอนฟันใช่ไหมคะ แปรงฟันให้สะอาดไม่ทานของหวานก็จะดีเองค่ะ (หมายเหตุ จะมีโรคปริทันต์คือโรคเหงือกที่ต้องแก้ปัญหาโดยการขูดหินปูน และเกลารากฟัน และป้องกันด้วยการแปรงฟันที่ถูกวิธีและใช้เส้นไหมขัดฟันซึ่งเคยเขียนอธิบายไปแล้วในฉบับก่อนๆ ไม่อย่างนั้นผลสุดท้ายคือต้องถอนอย่างไม่มีเงื่อนไขค่ะ)
อุดฟันในฟันที่ควรครอบฟัน ฟันบางซี่สูญเสียเนื้อฟันไปมาก ถ้าอุดจะไม่แข็งแรง เช่นเดียวกับฟันที่รักษารากฟันไปแล้วอาจต้องทำเดือยและครอบฟัน แต่ด้วยเหตุผลเดิมค่ะ ปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้ต้องเลือกอุดฟันประทังไปก่อน ซึ่งต้องยอมรับว่าฟันซี่นั้นจะยังคงไม่แข็งแรงพอที่จะใช้งานหนักๆ ได้
นัดกันแล้วนัดแล้วใยไม่มา บางครั้งคนไข้นัดแล้วก็ไม่มาตามนัด ถ้าเป็นการรักษาที่เสร็จภายในครั้งเดียวก็ไม่เป็นไรแต่บางครั้งเป็นการรักษาต่อเนื่อง เช่น การรักษารากฟัน การจัดฟัน เป็นต้น คนไข้อาจรู้สึกว่าไม่เป็นไรแต่หมอจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆ ดังนี้ ในการรักษารากนั้นคนไข้ต้องมาตามนัดเพราะหมอได้ขยายและทำความสะอาดคลองรากเอาไว้ แต่ยังไม่เสร็จ หากไม่มาทิ้งไว้นานอาจปวดได้ หรือเมื่อยังรักษายังไม่เสร็จสิ้นหมอจะอุดชั่วคราวเอาไว้ให้ ซึ่งวัสดุนั้นหลุดได้หากทิ้งไว้นานๆ และจะทำให้ความพยายามที่ได้รักษาไปแล้วต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่อีก
ในการจัดฟัน การรักษาต้องเป็นขั้นเป็นตอนมีระยะเคลื่อนฟันระยะพัก บางการรักษาต้องมาเร็วขึ้นเพื่อมาดูการตอบสนอง บางขั้นตอนก็อาจทิ้งไว้ได้  จึงควรต้องไปตามนัดโดยเคร่งครัดนะคะ เขียนโดย ทพญ. กัญญารัตน์ อินทร์แก้วข้อมูลจาก Tooth Friendly Dental Clinic Website : http://www.toothrus.com/difficult.html       

อันตรายที่มากับการจัดฟันแฟชั่น การ จัดฟันแฟชั่น ในขณะนี้ กลุ่มที่นิยมส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เชื่อกันว่า การจัดฟันจะทำให้มีใบหน้าเรียวยาวสวยงามขึ้น ซึ่งไม่เป็นความจริง จริงๆแล้วการจัดฟันเป็นการรักษาในรายที่มีฟันผิดปกติ เช่น ฟันยื่น หรือฟันเก อาจสร้างปมด้อยและเกิดปัญหาตามมา  จึงไปจัดฟันในราคา 600-700 บาท และยังไม่รู้ถึงอันตรายของการจัดฟันกับ หมอเถื่อน รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ว่ามีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด             เนื่องจากการจัดฟันแฟชั่นไม่ใช่การรักษาทางทันตแพทย์ แต่เป็นการพยายามใส่เครื่องมือ ที่เลียนแบบการจัดฟันแบบติดแน่นที่ทันตแพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วย และมีข้อมูลว่าหมอเถื่อนบางรายใช้ กาวตราช้าง ยึดติดลวดกับฟัน ซึ่งมีอันตรายมากกับเคลือบฟัน ทำให้เคลือบฟันบางลง จะทำให้ฟันผุได้ง่ายขึ้น 
           
ในวันนี้มีการหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้สั่งการกับโรงเรียนทั่วประเทศ ให้สั่งครูประจำชั้นตรวจฟันเด็กนักเรียนทั่วประเทศ โดยเฉพาะระดับมัธยมศึกษา หากพบมีเด็กจัดฟัน ให้ไปขอใบรับรองแพทย์จากทันตแพทย์ที่จัดฟัน หากไม่มี ให้แจ้งผู้ปกครองพาไปเอาลวดจัดฟันออกภายใน 30 วัน และให้ครูแจ้งสถานที่จัดฟันเถื่อนให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อดำเนินการกวาดล้าง ลงโทษขั้นเด็ดขาดตามกฎหมายต่อไป                 อย่างที่เรื่องราวข้างต้นเกี่ยวกับการดัดฟัน ลองคิดดูกันนะคะเมื่อก่อนการดัดฟัน อาจเป็นเรื่องของการจัดฟันเพื่อสุขภาพปากและฟัน แต่เดี๋ยวนี้ ดูเหมือนว่า การดัดฟันจะกลายเป็นเรื่องในทาง "แฟชั่น" ที่มีวัยรุ่น และคนวัยทำงานจำนวนมากหันมาติดฟันเหล็กกันเพื่อความโก้เก๋ เท่ จนเกิดปรากฏการณ์ "ดัดฟันแฟชั่น" ธุรกิจที่กำลังบูมมากๆ แต่กลับมีอันตรายมากเช่นกันในยามนี้ ลองคิดดีๆนะคะ จะว่าไปแล้วธุรกิจนี้ไม่มีส่วนเอี่ยวเกี่ยวกับทันตแพทย์เลยสักนิด เพราะบรรดาร้านรวงแถวลาดพร้าว ตะวันนา อนุสาวรีย์ ที่ขึ้นป้ายว่ารับ "ดัดฟันแฟชั่น" ล้วนเป็นร้านเสริมสวย สถานเสริมความงาม หรือแม้แต่ตามตลาดนัดและเปิดท้ายขายของทั่วไป ก็ยังมีลวดดัดฟันแฟชั่นจำหน่ายในราคาไม่เกินหลักร้อยขายเลยไม่น่าเชื่อว่า คือธุรกิจความงามสุดอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางอยู่ในตอนนี้เพราะไม่เพียงมีการจำหน่ายอุปกรณ์จำพวก ยาง สีดัดฟันแฟชั่น ติดเขี้ยวเพชร ติดยางจัดฟันรูปดอกไม้ มิกกี้เมาส์ และเหล็กดัดฟัน ที่ไม่ได้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทางการแพทย์เลยสักนิดอย่างคึกคัก ไม่เพียงเท่านี้ยังมีการจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง กระจายไปทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดแถมบางรายยังมีการนำเข้าเหล็กดัดฟันจากเกาหลี มาช่วยสร้างภาพความน่าสนใจให้กับวัยรุ่นคอเคด้วย
              ที่น่าตกใจก็คือ หลังจากที่ลองตรวจสอบข้อมูล ในธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ดัดฟันแฟชั่นนี้ มีการรับสอนดัดแฟชั่นด้วยเป็นวิชาชีพที่ผู้รับสอนรายหนึ่งเขาบอกว่าเรียนง่าย ค่าเรียนแค่ 5
,000 บาท (ไม่รวมอุปกรณ์) ก็สามารถไปติดเหล็กดัดฟันให้กับสาวๆ ที่อยากมีฟันเหล็กแล้ว                  ปัญหาดังกล่าวกำลังบานปลาย การออกมาประกาศเตือนของกระทรวงสาธารณสุขในช่วงที่ผ่านมาว่า บรรดาลวดดัดฟันแฟชั่นที่วางขายทั่วไปนั้น มีลักษณะเป็น ลวดสเตนเลส หรือ ลวดที่ใช้ร้อยดอกไม้ และมีการใส่ ลูกปัดหลายสี พลาสติกยาง กากเพชร อุปกรณ์เสริมความเก๋เหล่านั้น เขาตรวจสอบพบว่ามีสารปนเปื้อนหลายชนิด เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม สารหนู และอื่นๆ หากสะสมในร่างกายในปริมาณมากจะก่อให้เกิดผลต่อไต ทำให้ไตวายถึงขั้น เสียชีวิต ได้น่าแปลกใจกว่าคือ ในเมื่อคำสั่งก็มีออกมาแล้ว แต่ทำไมการดัดฟันแฟชั่นจึงยังคงมีการดำเนินการกันต่อ แถมเกิดขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสันและรุ่งเรืองมากๆ ด้วย
เราคิดว่าแค่การออกประกาศเตือน สงสัยจะไม่พอซะละมั้ง
สาวๆ คนไหนอยากอินเทรนด์ด้วยการดัดฟันแฟชั่น ไม่คุ้มหรอกนะคะ เพราะเราว่ามีอันตรายพ่วงมาเพียบเลยกับการสวยแบบผิดๆนี่แหละค่ะ !!!จงพอใจในสิ่งที่ตนเองมี อย่างนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว :)

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 522 คน กำลังออนไลน์