การตั้งครรภ์ !

รูปภาพของ pnp34378
การตั้งครรภ์.....ในวันและวัยที่ไม่พร้อม

"การตั้งครรภ์" หากเกิดขึ้นกับหญิงที่มีความพร้อมไม่ว่าจะเป็นทางด้านสรีระร่างกาย วุฒิภาวะทั้งด้านคุณวุฒิและวัยวุฒิก็คงเป็นเรื่องที่น่ายินดีและสร้างความสุขให้กับครอบครัวของหญิงนั้นๆ แต่ถ้าหากเกิดขึ้นกับผู้ที่ยังเป็น "เด็กหญิง" อายุระหว่าง 9 -19 ปี ซึ่งก็มักก่อเกิดปัญหาตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งต่อตัวเด็กเองและครอบครัว

สถานการณ์การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร

สถานการณ์ที่ผ่านมา

ข้อมูลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่าสภาวะการตั้งครรภ์และคลอดบุตรก่อนวัยอันควรของหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ (รูปที่ 1) และหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ (รูปที่ 2) ตั้งแต่ปี 2540 - 2551 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกปี

   รูปที่ 1 ร้อยละของการตั้งครรภ์และคลอดบุตรของหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2540 - 2551
   แหล่งข้อมูล : ประมวลผลจากข้อมูลทะเบียนเกิดของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง
   อ้างใน : http://www.m-society.go.th/content_stat_detail.php?pageid=165

   รูปที่ 2 ร้อยละของการตั้งครรภ์และคลอดบุตรของหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2540 - 2551

 
   แหล่งข้อมูล : ประมวลผลจากข้อมูลทะเบียนเกิดของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง
   อ้างใน : http://www.m-society.go.th/content_stat_detail.php?pageid=165

ปัจจุบันที่เป็นอยู่

และในส่วนของปี 2552 นี้ ข้อมูลจากระบบรายงานเฉพาะกิจ โรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว พบว่า อัตราแม่ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปีที่คลอดบุตรซึ่งแม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงในช่วงปลายปี 2551 แต่ก็กลับสูงขึ้นอีกตั้งแต่ต้นปี 2552 จนถึงปัจจุบัน (เดือนสิงหาคม) อีกทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าปีที่ผ่านมาด้วย (รูปที่ 3)

  

รูปที่ 3 อัตราแม่ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปีที่คลอดบุตรประจำปีงบประมาณ 2552

  


  ที่มา : ระบบรายงานเฉพาะกิจ โรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว
  อ้างใน http://www.saiyairakhospital.com/newdemo/admin/user_report.html

ห้ามตัวห้ามใจป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควร

1. เรียนรู้ถึงความคิดต่างกันของหญิงชายในเรื่องเพศ ความตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง จะเป็นการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิด

      - ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่มีความรัก เพศสัมพันธ์ว่าเป็นการหาความสุขร่วมกันและไม่ต้องผูกพัน

      - ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์เพราะความรัก ถ้ามีเพศสัมพันธ์กับชายใดจะต้องการมีความผูกพันกับชายคนนั้น

2. วัยรุ่นชายควรคิดเสมอว่าวัยรุ่นหญิงเป็นเพศเดียวกับแม่ พี่น้อง ควรช่วยเหลือและให้เกียรติ

3. หลีกเลี่ยงการถูกเนื้อต้องตัวกัน เพราะอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดได้

4. หลีกเลี่ยงการไปพักค้างคืนร่วมกันเป็นหมู่คณะ หรือตามลำพัง

5. หลีกเลี่ยงการอยู่ด้วยกันตามลำพังในที่ลับตาคน

6. หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่เปลี่ยว โรงแรมและสถานเริงรมย์ทุกรูปแบบ

7. หลีกเลี่ยงการนัดหมายกับเพศตรงข้ามในยามวิกาล โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิง

8. ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หรือสารเสพติดใดๆ เพราะอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจได้

9. วัยรุ่นหญิงควรแต่งกายเรียบร้อย และมิดชิด ไม่ควรแต่งกายในลักษณะที่ยั่วยุ ให้ผู้พบเห็นเกิดอารมณ์ทางเพศ เช่น เสื้อสายเดี่ยว เสื้อเกาะอก กระโปรงสั้น และกางเกงรัดรูปเกินไป

10. หลีกเลี่ยงการคบเพื่อนที่ชวนออกไปเที่ยวข้างนอกโดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า

11. หลีกเลี่ยงการออกไปเที่ยวหรือเดินทางในยามวิกาล และในสถานที่เปลี่ยวๆ

12. วัยรุ่นชายหญิงควรวางตัวต่อกันอย่างสุภาพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน

13. ถ้าจะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองควรทำในสถานการณ์ที่เหมาะสม แม้ว่าการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง ใช้เป็นไม้ตายสุดท้าย แต่ก็ควรทำในที่ลับและอย่างพร่ำเพรื่อจนเกินไป

เรียบเรียงโดย :     ชัญญาภรณ์  น้ำค้าง    สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ
แหล่งที่มา :  - www.m-society.go.th. สภาวะการตั้งครรภ์และคลอดบตรก่อนวัยอีนควร อ้างใน http://www.m-society.go.th/content_stat_detail.php?pageid=165

 - www.saiyairakhospital.com. ระบบรายงานเฉพาะกิจ โรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว. อ้างใน http://www.saiyairakhospital.com/newdemo/
admin/user_report.html

 - www.rh.anamai.moph.go.th. ข้อมูลการเฝ้าระวังกองอนามัยเจริญพันธุ์. อ้างใน http://rh.anamai.moph.go.th/static.htm

 - www.aidsthai.org. ภูมิคุ้มกันชีวิต : การป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร. กลุ่มโรคเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อ้างใน http://www.aidsthai.org/main.php?filename=poomkumkan25

Pragnancy1

การคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน


การคุมกำเนิดฉุกเฉิน           คืออะไร  ?                คือ  วิธีการป้องกันการตั้งครรภ์  สำหรับสตรีที่มีเพศสัมพันธ์  โดยไม่ได้ใช้การคุมกำเนิดใดๆ  หรือเกิดจากความผิดพลาดในการคุมกำเนิด  เช่น  ถุงยางอนามัยแตก การตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์เนื่องจากในปัจจุบัน  สตรีไทยมีความเสี่ยงต่อการถูกคุกคามทางเพศมากขึ้น    วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น  แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีการคุมกำเนิดน้อย   สตรีที่มีคู่รักมีโอกาสที่จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสได้มากเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิด  การตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์เพื่อเป็นการลดปัญหาการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์   วิธีที่นิยมใช้  ได้แก่  การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน  ซึ่งจำเป็นต้องใช้  ภายใน  2 – 3  วัน  หลังจากการมีเพศสัมพันธ์   หรือจะใช้อีกวิธีหนึ่ง  ซึ่งก็คือการใช้ห่วงอนามัย   ภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ ไม่เกิน 5 วัน มารู้จักยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน กันเถอะ                จัดเป็นยาเม็ดคุมกำเนิดอีกชนิดหนึ่ง  แต่มีวิธีการรับประทาน แตกต่างไปจากยาเม็ดคุมกำเนิดโดยทั่วไป  เพราะต้องใช้ปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม  นอกจากนี้ยังต้องรับประทานยา  ภายใน  1  วัน ใช้เมื่อไร  ?  อย่างไร ?                ครั้งแรก  ต้องรับประทานยา  ภายในเวลา  72  ชั่วโมง ( 3 วัน)  ภายหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ ไว้ล่วงหน้า                ครั้งที่สอง  ให้รับประทานยา  หลังจากรับประทานครั้งแรก  ไปแล้ว  12  ชั่วโมง ประสิทธิภาพเป็นอย่างไร ???                ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน  จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีพอสมควร  แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์  เนื่องจากโอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้น  มี  2 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ผู้ใช้  จะต้องใช้อย่างถูกต้อง  และถูกวิธี  หากใช้ยาบ่อยมากเกินไป  ประสิทธิภาพของยานั้น  จะลดลง  และมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากขึ้น  จึงไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้  ในการคุมกำเนิด  เป็นประจำ ใช้ในกรณีใด  ได้บ้าง ???¨    เมื่อสตรีถูกทำร้ายทางเพศ  (ถูกข่มขืน)¨    การมีเพศสัมพันธ์  ที่ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ไว้ล่วงหน้า¨    เกิดข้อผิดพลาดจากการคุมกำเนิด  เช่น-                   ถุงยางอนามัยแตก  หรือฉีกขาด-                   ไม่ได้รับการฉีดยาคุมกำเนิด   ตามกำหนดเวลานัด-                   ลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดมากกว่า   3  เม็ด  ติดต่อกัน-                   การหลั่งภายนอก และ การนับวันปลอดภัยที่คลาดเคลื่อน อาการข้างเคียงมีอะไรบ้าง ???©    คลื่นไส้  อาเจียน©    ปวดศรีษะ  วิงเวียนศรีษะ©    เลือดออกกะปริดกะปรอย©    สตรีบางราย อาจมีอาการเต้านมคัดตึงอาการเหล่านี้โดยปกติ  จะมีไม่เกิน  24  ชั่วโมง หลังจากใช้แล้วจะเป็นอย่างไร ???                จะไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด  ประจำเดือนควรจะมาปกติ หรือเร็วช้ากว่าปกติ 1 – 2 วัน  ถ้าหากประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ  1 สัปดาห์ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น  ทารกจะพิการหรือไม่ ???                จากข้อมูลปัจจุบัน  ไม่พบว่ามีความผิดปกติต่อทารกแต่อย่างใด ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น©      ไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เป็นประจำ  การคุมกำเนิดที่ใช้ปกติทั่วไปจะมีประสิทธิภาพมากกว่า และมีอาการข้างเคียงน้อยกว่า  ซึ่งได้แก่  ยาเม็ดชนิดแผง  ยาฉีดคุมกำเนิด  ห่วงอนามัย  และถุงยางอนามัย©      ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ข้อควรระวัง©      ถ้าเกิดอาการอาเจียน  ภายใน 2 ชั่วโมง  หลังการรับประทานยา   ต้องรับประทานยาเพิ่มอีก 1 ชุดทันที    (เพื่อลดอาการอาเจียน  ควรรับประทานยาหลังอาหารทันที)©      ห้ามมีเพศสัมพันธ์  โดยไม่ได้ป้องกันอีก    ภายหลังจากที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินแล้ว  เนื่องจากยาจะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์  จากเพศสัมพันธ์ครั้งต่อมาได้©      การรับประทานยาภายใน 24 ชั่วโมง  หลังจากมีเพศสัมพันธ์   จะได้ผลดีกว่าการรับประทานยาภายใน   72 ชั่วโมง ( 3  วัน )©      กรณีที่มีเพศสัมพันธ์ เกิน 72 ชั่วโมง  แล้วไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน©      ห้ามใช้  ในกรณีเกิดการตั้งครรภ์แล้วเพราะยาไม่สามารถทำให้เกิดการแท้งได้©      การรับประทานยานี้บ่อยๆ  จะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงได้มาก  และเป็นอันตรายต่อร่างกาย  เช่น  ประจำเดือนผิดปกติ  บวมน้ำ  ปวดศรีษะ  ซึ่งอาจส่งผลให้เป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน  มะเร็งเต้านม  หรือ  มะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ได้แหล่งข้อมูล: http://hpc6.anamai.moph.go.th/know1.html


    สัญญาณการตั้งครรภ์ 10 ประการ ข้อมูลจาก Forward Mail
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
          เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตั้งครรภ์ อันนี้ก็แล้วแต่คนค่ะ ผู้หญิงบางคนรู้ตัวว่าตนเองตั้งครรภ์ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ แต่ผู้หญิงบางคนกว่าจะแน่ใจก็ต้องรอดูอาการ หรือทดสอบการตั้งครรภ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก สำหรับผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตาคอยเจ้าตัวน้อยมาเป็นโซ่ทองคล้องใจของครอบครัว อาจรอถึงเดือนที่ 2 ที่ 3 ไม่ไหว วันนี้เรามีอาการ 10 ข้อ ที่เป็นสัญญาณการตั้งครรภ์มาฝาก

          สำหรับผู้ที่ใจร้อน หากคุณรู้สึกไม่แน่ใจว่าตนเองตั้งครรภ์หรือไม่ลองสังเกตตามอาการ 10 ข้อนี้ อาการเหล่านี้เป็นอาการทั่วไปที่บอกเป็นนัยๆ ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์เท่านั้น แต่อย่าลืมนะคะว่าแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเป็นครบทุกอาการที่กล่าวมา แต่บางคนอาจมีเพียงข้อสองข้อเท่านั้น

1. มีเลือดไหลกะปริดกะปรอยออกจากช่องคลอด หรือปวดเกร็งมดลูก

          เมื่อล่วงไปครึ่งหนึ่งของช่วงรอบเดือน คือหลังจากหมดประจำเดือนไปแล้วประมาณ 8-10 วัน และถึงกำหนดมีประจำเดือนครั้งต่อไปไม่นาน คุณอาจจะพบเลือดไหลกะปริดกะปรอยออกมาจากช่องคลอดเป็นจุดสีชมพูจางๆ เนื่องจากในขณะนั้นตัวอ่อนกำลงฝังตัวเข้ากับผนังมดลูก เลือดที่เกิดจากไข่ฝังตัวนี้แตกต่างจากเลือดประจำเดือนตรงที่มีสีอ่อน และมีปริมาณน้อยมากๆ ในขณะที่เลือดประจำเดือนจะมีสีแดงเข้ม มีปริมาณมาก และมีรูปแบบการมาที่แน่นอน คือมาน้อย-มามาก-มาน้อย มดลูกเกร็งตัวก็เป็นอาการอีกอย่างหนึ่งที่พบบ่อยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์

          คุณแม่จะมีอาการหดเกร็งของมดลูกเหมือนกับเวลามีประจำเดือน จนกว่าถึงเวลาที่ตัวอ่อนจะฝังตัวได้ตำแหน่งที่กระดูกเชิงกรานสามารถรองรับได้ ในช่วง 3-6 เดือนแรก อาการปวดเกร็งมดลูกนี้จะเป็นอยู่ตลอด และจะเป็นมากขึ้นเมื่อออกกำลังกาย, มีเพศสัมพันธ์ หรือเปลี่ยนอิริยาบถในบางครั้ง

2. แพ้ท้อง

          อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงต้นๆ ของการตั้งครรภ์ คือภายใน 5-10 สัปดาห์หลังการตั้งครรภ์ และจะหายไปเมื่อเข้าช่วงสัปดาห์ที่ 16 คุณจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ และมีน้ำลายมากกว่าปกติ ซึ่งมักเป็นตอนเช้า อาการเวียนศีรษะเกิดจากร่างกายคุณแม่มีปริมาณโลหิตไหลเวียนมากขึ้น มีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจทำงานหนัก แต่เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง

          เนื่องจากเลือดจำนวนมากถูกกักอยู่ในช่องท้องเพื่อใช้เลี้ยงทารกในครรภ์ นอกจากนี้ทารกในครรภ์ยังต้องการธาตุเหล็กมาก บางครั้งก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของคุณแม่ อีกทั้งการตั้งครรภ์ทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำลงด้วย จึงก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ส่วนอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นอาการที่เกิดจากระดับออร์โมนที่สูงขึ้นรวดเร็ว อันส่งผลโดยตรงต่อกระเพาะอาหารค่ะ

3. ฐานเต้านมมีสีเข้มขึ้นกว่าเดิม

          ช่วงต้นๆ ของการตั้งครรภ์ ประมาณช่วงที่คุณคาดว่าจะมีรอบเดือน คุณอาจจะสังเกตเห็นว่าฐานรอบๆ หัวนมจะเริ่มมีสีเข้มและขยายวงกว้างออกมามากขึ้น เชื่อกันว่าสีเข้มนี้จะช่วยให้ทารกเกิดใหม่หาหัวนมดูดได้ง่าย นอกจากนั้น คุณยังอาจสังเกตเห็นว่าเส้นเลือดบริเวณเต้านมกับตุ่มรอบหัวนมเล็กๆ ที่กระจายไปตามฐานนมมีจำนวนและขนาดเพิ่มขึ้นกว่าเดิม โดยฐานเต้านมข้างหนึ่งจะมีตุ่มเหล่านี้ประมาณ 4-28 ตุ่ม

4. คัดและเจ็บหน้าอก เจ็บหัวนม

          ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ (หลังจากหระจำเดือนคลาดไปประมาณ 1 สัปดาห์) คุณอาจจะรู้สึกว่าหน้าอกบวมใหญ่ขึ้น เหมือนที่คุณรู้สึกตอนกำลังจะมีรอบเดือน แต่สำหรับผู้ตั้งครรภ์เต้านมจะคัดตึงมากกว่า เพราะเตรียมสร้างน้ำนมสำหรับเลี้ยงลูก อาการนี้จะหายไปหลังจากตั้งครรภ์ผ่านไป 12 สัปดาห์

5. ปัสสาวะบ่อย

          หลังจากประจำเดือนขาดไป 1-2 สัปดาห์ (หรือในช่วง 3 เดือนแรก) คุณจะพบว่าคุณปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น และมดลูกโตขึ้น จึงต้องการเลือดไปเลี้ยงมดลูกมากกว่าปกติ ทำให้ไตกลั่นกรองปัสสาวะเพิ่มขึ้น ร่างกายจึงปรับตัวให้มีเลือดเพิ่มขึ้น ชีพจรเต้นเร็วขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เลือดผ่านไตมากกว่าเดิม ส่งผลให้ไตกลั่นกรองปัสสาวะออกมากขึ้น อีกเหตุผลหนึ่งคือ ทารกในครรภ์ขยายตัวไปกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้จุปัสสาวะได้น้อยลง อาการนี้ผ่านไปสักระยะจะเป็นน้อยลงจนจางหายไป เพราะมดลูกอยู่สูงขึ้นไม่มากดทับกระเพาะปัสสาวะ และจะเป็นอีกครั้งเมื่อใกล้คลอด

6. เหนื่อยง่าย

          อาการอ่อนเพลียพบได้ในระยะ 8-10 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เวลาตั้งครรภ์ร่างกายคุณจะเปลี่ยนแปลงระบบเมตาบอลิซึ่ม เพื่อปรับร่างกายให้เหมาะสมกับการเจริบเติบโตของทารก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วอาการเหนื่อยง่ายนี้จะหายไปในสัปดาห์ที่ 12

7. ท้องผูก

          คุณอาจจะพบว่าท้องไส้ของคุณผิดปกติในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ความผิดปกตินั้นเกิดจากร่างกายผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่มีฤทธิ์ลดประสิทธิภาพการหดตัวของลำไส้ลดลงออกมามากเกินไปในระหว่างตั้งครรภ์

8. อุณหภูมิของช่วงล่างของร่างกายสูงขึ้น

          มั่นใจได้เลยว่าคุณเป็นคุณแม่คนใหม่แน่ ถ้าอุณหภูมิของร่างกายช่วงล่างของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าล่วงเวลาที่ประจำเดือนคุณควรจะมาแล้ว การที่อุณหภูมิช่วงล่างของร่างกายสูงขึ้นแสดงว่าไข่กำลังเดินทางไปตามท่อรังไข่ไปฝังตัวที่มดลูก ซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ นี่คือช่วงเวลาที่ร่างกายของคุณรับรู้แล้วว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ เวลาที่ไข่เดินทางออกมาเป็นเวลาที่คุณแม่ส่วนใหญ่พบว่าอุณหภูมิของลำตัวช่วงล่างสูงขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งจะห่างจากครั้งแรกประมาณ 7-12 วัน และมีเลือดคั่งอยู่ที่บริเวณช่วงล่างมาก และการไหลเวียนเลือดไม่ดี คุณแม่จะต้องระวังเส้นเลือดโป่งพองซึ่งเมื่อผนวกกับอาการท้องผูกไปด้วยอาจทำให้เป็นริดสีดวงทวารได้

9. ประจำเดือนขาด

          ถ้าร่างกายคุณเป็นปกติดี นี่อาจจะเป็นสัญญาณแรกที่เป็นเกณฑ์บอกคุณได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ถ้าคุณประจำเดือนขาดและมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใดที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ร่วมด้วย คุณก็มั่นใจได้โดยไม่ต้องทดสอบแล้วว่า คุณตั้งครรภ์แน่นอน

10. ผลทดสอบการตั้งครรภ์ที่เป็นบวก

          ถ้าประจำเดือนคุณขาดไปไม่ถึงวันดี แต่คุณอยากรู้แล้วละว่าคุณท้องหรือเปล่า การทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะจะแม่นยำในช่วง 10-14 วันหลังจากปฏิสนธิ ถ้าคุณทนรอจนถึงเวลาที่ประจำเดือนขาดไม่ได้ การทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยเลือดจะมีผลแม่นยำในช่วงวันที่ 8-10 หลังการปฏิสนธิ ให้พึงระลึกไว้ด้วยว่าผลการทดสอบการตั้งครรภ์ไม่ได้แม่นยำ 100% แม้ว่าจะทดสอบจากเลือดก็ตาม ถ้าคุณได้ผลออกมาเป็นลบ แต่ยังรู้สึกว่าตนเองยังตั้งครรภ์อยู่ ให้ลองทดสอบใหม่หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์

          แล้วอย่าลืมบอกข่าวดีแก่คนที่คอยห่วงใยคุณด้วยนะคะ

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 522 คน กำลังออนไลน์