ศิลปะคลาสสิกใหม่ ( Neoclassic ) และ ศิลปะสมัยใหม่ ( Modern Art )
ศิลปะคลาสสิกใหม่ ( Neoclassic )
- เป็นลัทธิทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด ได้ฟื้นฟูศิลปะคลาสสิกอันงดงามของกรีกและโรมันกลับมาสร้างใหม่ในปรัชญาที่ว่า ศิลปะ คือ ดวงประทีปของเหตุผล โดยเน้นความประณีต ละเอียดอ่อน นุ่มนวล และเหมือนจริงด้วยสัดส่วนและแสงเงา
- เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของศิลปะสมัยกลางและศิลปะสมัยใหม่ มีผลต่อการคิดค้นสร้างสรรค์ศิลปะอย่างกว้างขวางในเวลาต่อมา
http://farm3.static.flickr.com/2305/1601909098_32e258bcb3_o.jpg
ศิลปะจินตนิยม ( Romanticism )
- ก่อเกิดในอังกฤษและฝรั่งเศสช่วงระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน มีทรรศนะคติที่ต้องการความเป็นอิสระในการแสดงออกที่ศิลปินต้องการมากกว่า การเดินตามกฎเกณฑ์และแบบแผนทางศิลปะ เน้นอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล มุ่งสร้างสรรค์งานที่ตื่นเต้น เร้าใจ
2. ศิลปะสัจนิยม ( Realisticism ) กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19
- ศิลปินในยุคนี้ได้แก่ กุสตาฟ คูร์เบท์ , ฌอง ฟรังซัวส์ มิล์เลท์
3. ศิลปะลัทธิประทับใจ ( Impressionism ) ศิลปะแห่งความงดงามของประกายแสงและสี
- แสดงภาพทิวทัศน์บก ทะเล ริมฝั่ง เมืองและชีวิตประจำวันที่รื่นรมย์ เช่น การสังสรรค์ บัลเลต์
4. ศิลปะลัทธิประทับใจใหม่ ( Neo-Impressionism ) สีจากแสงสเปกตรัมมาสู่อนุภาค
- เกิดเทคนิคการระบายสีเป็นสีจากจุด ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อทางฟิสิกส์ว่า แสง คือ อนุภาค โดย
การระบายสีให้เกิดริ้วรอยพู่กันเล็กๆด้วยสีสดใส จุดสีเล็กๆนี้จะผสานกันในสายตาของผู้ชม มากกว่า
การผสมสีอันเกิดจากการผสมบนจานสี
5. ศิลปะลัทธิประทับใจยุคหลัง ( Post-Impressionism )
6. ศิลปะลัทธิบาศกนิยม ( Cubism ) ค.ศ.1907-1910
7. ศิลปะลัทธิเหนือจริง ( Surrealism ) ศิลปกรรมที่เปิดเผยความฝันและจิตใต้สำนึก
8. ศิลปะลัทธินามธรรม ( Abstractionism ) ศิลปะไร้รูปลักษณ์