• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:646c9fcba9ce048952f3ffceef3a7f3a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<u>เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย</u>\n</p>\n<p>\n<strong>1. สิ่งแปลกปลอมเข้าตา<br />\nการปฐมพยาบาล</strong><br />\n     1.ห้ามขยี้ตา ลืมตาในน้ำสะอาด น้ำเกลือ 0.9% หรือ Boric acid 3% กรอกตาไปมาผงอาจหลุดออกมา<br />\n     2. ถ้าผงอยู่ในเปลือกตาด้านล่าง ให้ดึงเปลือกตาล่างลงมาแล้วใช้ผ้าสะอาดเขี่ยออก<br />\n     3.ถ้าผงอยู่ในเปลือกตาด้านบน ให้ดึงเปลือกตาบนลงมาทับเปลือกตาล่าง ขนของเปลือกตาล่างจะทำหน้าที่คล้ายแปรง ปัดเอาสิ่งแปลกปลอมออกมา ถ้ายังไม่ออกต้องปลิ้นหนังตาบนออกแล้วใช้มุมชายผ้าสะอาดเขี่ยออก<br />\n     4. ในกรณีที่ผงฝังในลูกตา ให้หยอดด้วยน้ำมันมะกอก หรือของเหลวที่สะอาดและไม่ระคายเคืองต่อเยื่อบุตา ให้หลับตา ใช้ผ้าปิดตา แล้วส่งโรงพยาบาล</p>\n<p><b>กรณีที่ กรด-ด่าง เข้าตา</b><br />\n     โดยที่ด่างจะละลายพวกสารประกอบพวกไขมันที่ผิวของลูกตา ขณะเดียวกันก็แทรกซึมเข้าไปในลูกตาได้ลึกกว่าพวกกรด ซึ่งมีฤทธิ์ไปทำให้โปรตีนที่ผิวของลูกตาตกตะกอน เมื่อโดนสารเคมีพวกนี้เข้าตาจะทำให้เกิดอาการแสบตา น้ำตาไหลพราก เจ็บปวดตามาก ตาแดง เปลือกตาบวม ตาพร่ามัว<br />\n<b>การปฐมพยาบาล</b><br />\n     1. ล้างตาทันทีด้วยน้ำสะอาดที่อยู่ใกล้มือที่สุด ถ้าไม่มีอาจใช้น้ำก๊อก น้ำในโอ่ง น้ำคลองแทน อย่ามัวรีรอ ขณะล้างตาให้แหวกตาผู้ป่วยให้กว้าง และบอกให้กรอกตาไปมาเพื่อล้างสารเคมีออกไห้มากที่สุด ถ้าเป็นสารละลายกรด ให้ล้างนาน 30 นาที แต่ถ้าเป็นสารละลายด่างควรล้างนานกว่า 1 ชั่วโมง ในขณะเดียวกันเตรียมจัดส่งไปโรงพยาบาล<br />\n     2. ในกรณีที่บ้านอยู่ห่างจากโรงพยาบาลมาก เสียเวลาเดินทางนาน ให้ใช้ยาปฏิชีวนะชนิดขึ้ผึ้งป้ายตา เช่น ขึ้ผึ้งป้ายตาคลอแรมเฟนนิคอล ป้ายตาเพื่อป้องกันไม่ให้เปลือกตาติดกัน ถ้ามีอาการปวดตามากให้รับประทานยาแก้ปวดทันที</p>\n<p><b>2. สิ่งแปลกปลอมเข้าหู</b><br />\n     อาจเป็นสิ่งที่มีชีวิต เช่น ยุง มด หมัด เห็บ แมลงต่างๆ เข้าหู โดยเฉพาะในเด็กจะร้องไห้ ยิ่งแมลงขยับตัว หรือกัดจะเจ็บทุรนทุรายมาก หรือ อาจไม่มีชีวิต เช่น กระดุม เมล็ดพืช<br />\n<b>การปฐมพยาบาล</b><br />\n     1. ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตใช้น้ำ (ควรเป็นน้ำอุ่น) หยอดเข้าไปในหูให้เต็ม แมลงจะคลานออกมา หรือตายแล้วลอยขึ้นมา แต่ถ้าผู้ป่วยแก้วหูทะลุ ห้ามหยอดน้ำหรือฉีดน้ำเข้าไปเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบได้<br />\n     2. กรณีใช้น้ำหยอดแล้วแมลงไม่ออกมาจะต้องตะแคงให้น้ำไหลออกให้หมด แล้วหยอดด้วยแอลกอฮอล์ 70 % หรือหยดอีเธอร์ลงไปเพื่อฆ่าแมลง<br />\n     3. ถ้าไม่มีแอลกอฮอล์ หรืออีเธอร์ ใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าวแทน เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงกัดแก้วหู หรือใช้ Liquid paraffin<br />\n     4. ถ้าแมลงนั้นตายและลอยขึ้นมาแล้ว ให้ใช้ไม้พันสำลีที่สะอาดทำความสะอาดหูข้างนั้นถ้าแมลงนั้นตายและไม่ลอยขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นเพราะแมลงตัวใหญ่ ควรนำส่งโรงพยาบาล <br />\n     5. กรณีที่ไม่มีชีวิต ให้ตะแคงหูข้างนั้น อาจหลุดออกมาเอง นำส่งโรงพยาบาลในรายที่ไม่ออก ไม่พยายามเขี่ยออกเพราะจะยิ่งทำให้วัตถุเลื่อนลงไปอีก\n</p>\n<p>\n <strong>3. สิ่งแปลกปลอมเข้าคอ<br />\n</strong>     สิ่งแปลกปลอมที่ติดคอ เช่น ก้างปลา กระดูกไก่ สตางค์ หรือฟันปลอม จะพบตั้งแต่ปาก โคนลิ้น ต่อมทอนซิล มักเป็นพวกก้างปลา หรืออาจจะลงในหลอดอาหารส่วนบน ก็อาจไม่เกิดอาการผิดปกติได้ แต่ถ้าเข้าหลอดลมอาจทำให้ทางเดินหายใจอุดตัน และตายได้ <br />\n     กรณีติดคอ จะมีอาการเจ็บเวลากลืน หรือ เจ็บคอมากเวลากลืน<br />\n<b>การปฐมพยาบาล</b><br />\n     1. ซักประวัติเกี่ยวกับวัตถุแปลกปลอมให้แน่ใจคืออะไร<br />\n     2. ให้ผู้บาดเจ็บอ้าปากกว้าง ถ้าเห็นสิ่งแปลกปลอมชัดเจน ให้ใช้ไม้กดลิ้นที่พันผ้าก็อซหรือผ้าสะอาด กดที่โคนลิ้นแล้วใช้ปากคีบ (forceps) คีบสิ่งแปลกปลอมออกมา ส่วนมากมักจะติดอยู่ที่ข้าง ๆ ต่อมทอนซิล<br />\n     3. ถ้าเป็นก้างหรือกระดูกขนาดเล็ก ให้ดื่มน้ำมากๆ กลืนก้อนข้าวสุก หรือกลืนขนมปังนุ่มๆ สิ่งแปลกปลอม จะหลุดไปในกระเพาะอาหาร<br />\n     4. ห้ามใช้มือแคะ หรือล้วง เพราะจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่มีสิ่งแปลกปลอมฝังอยู่บวม แดง และเอาออกยากขึ้น อาจมีการอักเสบและติดเชื้อตามมาได้<br />\n     5. ถ้ามองไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมเลย ควรนำส่งโรงพยาบาล แพทย์จะส่องกล้องและใช้คีมคีบออกมา</p>\n<p>     กรณีเข้าหลอดลม ผู้ป่วยจะมีอาการสำลักอย่างรุนแรง ไอ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงดัง ถ้ามีการอุดตันมาก จะพบอาการตัวเขียว ปลายมือปลายเท้าเขียวร่วมด้วย<br />\n<b>การปฐมพยาบาล</b><br />\n     1. ช่วยเอาสิ่งแปลกปลอมออก <br />\n          1.1 ในกรณีเป็นเด็กเล็ก ให้จับเด็กห้อยศีรษะและตบบริเวณกลางหลัง<br />\n          1.2 ถ้าเป็นเด็กโต ให้จับนอนคว่ำพาดบนตักผู้ใหญ่ โดยให้ศีรษะของเด็กห้อยต่ำกว่าลำตัว แล้วตบบริเวณกลางหลัง<br />\n          1.3 ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ให้จับนอนคว่ำพาดลำตัวกับโต๊ะหรือเก้าอี้ แล้วห้อยส่วนศีรษะลงต่ำกว่าลำตัว ใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นไว้หรือมีคนช่วยจับ แล้วตบบริเวณกลางหลัง<br />\n          1.4 ถ้าเป็นคนอ้วนหรือหญิงมีครรภ์ ให้วางมือบริเวณกึ่งกลางหน้าอกเหนือลิ้นปี่เล็กน้อย ผู้ปฐมพยาบาลอยู่ด้านหลังของผู้ป่วย ให้กดแรงๆ บริเวณหน้าอกติดต่อกัน 6-10 ครั้ง<br />\n          1.5 กรณีหมดสติให้นอนหงาย วางโคนฝ่ามือถัดจากซี่โครงซี่สุดท้าย วางอีกมือข้างบน กดแรงๆ เข้าด้านในและขึ้นข้างบน 5 ครั้ง <br />\n     2. หลังจากเอาสิ่งแปลกปลอมออก ให้นำส่งโรงพยาบาล และคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดขณะนำส่ง\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/94074\">ย้อนกลับ</a>                                                                                                                                              <a href=\"/node/94104\">ถัดไป<br />\n</a>\n</p>\n', created = 1714825220, expire = 1714911620, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:646c9fcba9ce048952f3ffceef3a7f3a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

first aid 8

 

เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย

1. สิ่งแปลกปลอมเข้าตา
การปฐมพยาบาล

     1.ห้ามขยี้ตา ลืมตาในน้ำสะอาด น้ำเกลือ 0.9% หรือ Boric acid 3% กรอกตาไปมาผงอาจหลุดออกมา
     2. ถ้าผงอยู่ในเปลือกตาด้านล่าง ให้ดึงเปลือกตาล่างลงมาแล้วใช้ผ้าสะอาดเขี่ยออก
     3.ถ้าผงอยู่ในเปลือกตาด้านบน ให้ดึงเปลือกตาบนลงมาทับเปลือกตาล่าง ขนของเปลือกตาล่างจะทำหน้าที่คล้ายแปรง ปัดเอาสิ่งแปลกปลอมออกมา ถ้ายังไม่ออกต้องปลิ้นหนังตาบนออกแล้วใช้มุมชายผ้าสะอาดเขี่ยออก
     4. ในกรณีที่ผงฝังในลูกตา ให้หยอดด้วยน้ำมันมะกอก หรือของเหลวที่สะอาดและไม่ระคายเคืองต่อเยื่อบุตา ให้หลับตา ใช้ผ้าปิดตา แล้วส่งโรงพยาบาล

กรณีที่ กรด-ด่าง เข้าตา
     โดยที่ด่างจะละลายพวกสารประกอบพวกไขมันที่ผิวของลูกตา ขณะเดียวกันก็แทรกซึมเข้าไปในลูกตาได้ลึกกว่าพวกกรด ซึ่งมีฤทธิ์ไปทำให้โปรตีนที่ผิวของลูกตาตกตะกอน เมื่อโดนสารเคมีพวกนี้เข้าตาจะทำให้เกิดอาการแสบตา น้ำตาไหลพราก เจ็บปวดตามาก ตาแดง เปลือกตาบวม ตาพร่ามัว
การปฐมพยาบาล
     1. ล้างตาทันทีด้วยน้ำสะอาดที่อยู่ใกล้มือที่สุด ถ้าไม่มีอาจใช้น้ำก๊อก น้ำในโอ่ง น้ำคลองแทน อย่ามัวรีรอ ขณะล้างตาให้แหวกตาผู้ป่วยให้กว้าง และบอกให้กรอกตาไปมาเพื่อล้างสารเคมีออกไห้มากที่สุด ถ้าเป็นสารละลายกรด ให้ล้างนาน 30 นาที แต่ถ้าเป็นสารละลายด่างควรล้างนานกว่า 1 ชั่วโมง ในขณะเดียวกันเตรียมจัดส่งไปโรงพยาบาล
     2. ในกรณีที่บ้านอยู่ห่างจากโรงพยาบาลมาก เสียเวลาเดินทางนาน ให้ใช้ยาปฏิชีวนะชนิดขึ้ผึ้งป้ายตา เช่น ขึ้ผึ้งป้ายตาคลอแรมเฟนนิคอล ป้ายตาเพื่อป้องกันไม่ให้เปลือกตาติดกัน ถ้ามีอาการปวดตามากให้รับประทานยาแก้ปวดทันที

2. สิ่งแปลกปลอมเข้าหู
     อาจเป็นสิ่งที่มีชีวิต เช่น ยุง มด หมัด เห็บ แมลงต่างๆ เข้าหู โดยเฉพาะในเด็กจะร้องไห้ ยิ่งแมลงขยับตัว หรือกัดจะเจ็บทุรนทุรายมาก หรือ อาจไม่มีชีวิต เช่น กระดุม เมล็ดพืช
การปฐมพยาบาล
     1. ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตใช้น้ำ (ควรเป็นน้ำอุ่น) หยอดเข้าไปในหูให้เต็ม แมลงจะคลานออกมา หรือตายแล้วลอยขึ้นมา แต่ถ้าผู้ป่วยแก้วหูทะลุ ห้ามหยอดน้ำหรือฉีดน้ำเข้าไปเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบได้
     2. กรณีใช้น้ำหยอดแล้วแมลงไม่ออกมาจะต้องตะแคงให้น้ำไหลออกให้หมด แล้วหยอดด้วยแอลกอฮอล์ 70 % หรือหยดอีเธอร์ลงไปเพื่อฆ่าแมลง
     3. ถ้าไม่มีแอลกอฮอล์ หรืออีเธอร์ ใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าวแทน เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงกัดแก้วหู หรือใช้ Liquid paraffin
     4. ถ้าแมลงนั้นตายและลอยขึ้นมาแล้ว ให้ใช้ไม้พันสำลีที่สะอาดทำความสะอาดหูข้างนั้นถ้าแมลงนั้นตายและไม่ลอยขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นเพราะแมลงตัวใหญ่ ควรนำส่งโรงพยาบาล
     5. กรณีที่ไม่มีชีวิต ให้ตะแคงหูข้างนั้น อาจหลุดออกมาเอง นำส่งโรงพยาบาลในรายที่ไม่ออก ไม่พยายามเขี่ยออกเพราะจะยิ่งทำให้วัตถุเลื่อนลงไปอีก

 3. สิ่งแปลกปลอมเข้าคอ
     สิ่งแปลกปลอมที่ติดคอ เช่น ก้างปลา กระดูกไก่ สตางค์ หรือฟันปลอม จะพบตั้งแต่ปาก โคนลิ้น ต่อมทอนซิล มักเป็นพวกก้างปลา หรืออาจจะลงในหลอดอาหารส่วนบน ก็อาจไม่เกิดอาการผิดปกติได้ แต่ถ้าเข้าหลอดลมอาจทำให้ทางเดินหายใจอุดตัน และตายได้
     กรณีติดคอ จะมีอาการเจ็บเวลากลืน หรือ เจ็บคอมากเวลากลืน
การปฐมพยาบาล
     1. ซักประวัติเกี่ยวกับวัตถุแปลกปลอมให้แน่ใจคืออะไร
     2. ให้ผู้บาดเจ็บอ้าปากกว้าง ถ้าเห็นสิ่งแปลกปลอมชัดเจน ให้ใช้ไม้กดลิ้นที่พันผ้าก็อซหรือผ้าสะอาด กดที่โคนลิ้นแล้วใช้ปากคีบ (forceps) คีบสิ่งแปลกปลอมออกมา ส่วนมากมักจะติดอยู่ที่ข้าง ๆ ต่อมทอนซิล
     3. ถ้าเป็นก้างหรือกระดูกขนาดเล็ก ให้ดื่มน้ำมากๆ กลืนก้อนข้าวสุก หรือกลืนขนมปังนุ่มๆ สิ่งแปลกปลอม จะหลุดไปในกระเพาะอาหาร
     4. ห้ามใช้มือแคะ หรือล้วง เพราะจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่มีสิ่งแปลกปลอมฝังอยู่บวม แดง และเอาออกยากขึ้น อาจมีการอักเสบและติดเชื้อตามมาได้
     5. ถ้ามองไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมเลย ควรนำส่งโรงพยาบาล แพทย์จะส่องกล้องและใช้คีมคีบออกมา

     กรณีเข้าหลอดลม ผู้ป่วยจะมีอาการสำลักอย่างรุนแรง ไอ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงดัง ถ้ามีการอุดตันมาก จะพบอาการตัวเขียว ปลายมือปลายเท้าเขียวร่วมด้วย
การปฐมพยาบาล
     1. ช่วยเอาสิ่งแปลกปลอมออก
          1.1 ในกรณีเป็นเด็กเล็ก ให้จับเด็กห้อยศีรษะและตบบริเวณกลางหลัง
          1.2 ถ้าเป็นเด็กโต ให้จับนอนคว่ำพาดบนตักผู้ใหญ่ โดยให้ศีรษะของเด็กห้อยต่ำกว่าลำตัว แล้วตบบริเวณกลางหลัง
          1.3 ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ให้จับนอนคว่ำพาดลำตัวกับโต๊ะหรือเก้าอี้ แล้วห้อยส่วนศีรษะลงต่ำกว่าลำตัว ใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นไว้หรือมีคนช่วยจับ แล้วตบบริเวณกลางหลัง
          1.4 ถ้าเป็นคนอ้วนหรือหญิงมีครรภ์ ให้วางมือบริเวณกึ่งกลางหน้าอกเหนือลิ้นปี่เล็กน้อย ผู้ปฐมพยาบาลอยู่ด้านหลังของผู้ป่วย ให้กดแรงๆ บริเวณหน้าอกติดต่อกัน 6-10 ครั้ง
          1.5 กรณีหมดสติให้นอนหงาย วางโคนฝ่ามือถัดจากซี่โครงซี่สุดท้าย วางอีกมือข้างบน กดแรงๆ เข้าด้านในและขึ้นข้างบน 5 ครั้ง
     2. หลังจากเอาสิ่งแปลกปลอมออก ให้นำส่งโรงพยาบาล และคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดขณะนำส่ง

 

ย้อนกลับ                                                                                                                                              ถัดไป

สร้างโดย: 
http://www.nurse.nu.ac.th/cai/firstaid025_2.html

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 653 คน กำลังออนไลน์