โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย
โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย
ลักษณะของผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย
ผู้ป่วยจะมีลักษณะซีด โลหิตจาง โหนกแก้มสูง หน้าผากกว้าง ตาเหลือง ดั้งจมูกแฟบ ผิวหนังดำคล้ำ เพราะมีธาตุเหล็กมากในร่างกาย ทั้งโตเพราะตับและม้ามโต ตัวเล็กผิดปกติ อาจไม่มีความเจริญเติบโตทางเพศ หรืออาจมีแผลเรื้อรังที่ขา
- ผู้ที่มีโอกาสเป็นพาหะหรือมียีนธาลัสซีเมียแฝงของโรคธาลัสซีเมีย
- ผู้ที่มีญาติพี่น้องเป็นโรคนี้จะมีโอกาสที่จะเป็นพาหะ หรือมียีนแฝงสูง
- ผู้ที่มีลูกเป็นโรคนี้ แสดงว่าทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะ หรือมียีนแฝง
- ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคธาลัสซีเมีย
- ถ้าผู้ป่วยที่เป็นโรคธาลัสซีเมียและแต่งงานกับคนปกติที่ไม่มียีนแฝง ลูกทุกคนจะมียีนแฝง
- การรักษา
เนื่องจากความรุนแรงของอาการที่ความแตกต่างกันมาก การรักษาจึงขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรคที่เกิดขึ้น
การดูแลสุขภาพทั่วไป
- การปฏิบัติตัว ออกกำลังกายเท่าที่จะทำได้ ไม่เหนื่อยเกินไป ไม่ผาดโผน ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- อาหาร ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง และอาหารที่มีวิตามินโฟเลทสูง เช่น ผักต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มี
ธาตุเหล็กสูงมาก เช่น เลือดสัตว์ต่างๆ ควรดื่มน้ำชา น้ำเต้าหู้ เพราะจะช่วยลดการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร
- ไม่ควรซื้อยา และวิตามินซีมารับประทานเอง
- ตรวจฟันทุกๆ 6 เดือน เพราะฟันผุง่าย
- ถ้ามีอาการปวดท้องที่ชายโครงขวารุนแรง มีไข้และตัวเหลืองมากขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์
2. การให้เลือด จะให้เมื่อผู้ป่วยซีดมากและมีอาการของการขาดเลือด
3. การให้ยาขับธาตุเหล็ก เนื่องจากผู้ป่วยที่อาการรุนแรงซีดมาก ต้องให้เลือดบ่อยมาก จะมีภาวะเหล็กเกิน
4. การตัดม้าม ม้ามมีหน้าที่ทำลายเม็ดเลือดแก่ๆ เม็ดเลือดแดงผิดปกติ ม้ามต้องทำหน้าที่หนัก ทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
ส่งผลให้ท้องป่องอึดอัด และกลับ เพิ่มการทำลายเม็ดเลือดมากขึ้น เมื่อต้องรับเลือดบ่อยๆ ม้ามจะโตมากจนมีอาการ
อึดอัดแน่นท้อง กินอาหารได้น้อย
5. การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือด การดูแลรักษาผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การตรวจเลือดคู่
สมรสก่อนมีบุตรจึงเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้