ช่วยได้ถูกวิธี ชีวีจะปลอดภัย

user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('บัญชีผู้ใช้', 'user/login', '', '18.119.157.247', 0, '4ea770c79e0c69147706b92026df8775', 114, 1716354550) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:a439e10f24914a39984c8b1dec13e72c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/009c.gif\" border=\"0\" /><img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/009c.gif\" border=\"0\" />ช่วยได้ถูกวิธี ชีวีจะปลอดภัย<o:p></o:p> \n1. การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR)<o:p></o:p> \n2. การช่วยคนจมน้ำ <o:p></o:p> \n3. การช่วยเหลือคนสำลักควันไฟ<o:p></o:p> \n4. การช่วยเหลือคนถูกไฟดูด<o:p></o:p> \n 5. การช่วยคนหัวใจวาย<o:p></o:p> \n\n6. การช่วยเหลือคนที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในทางเดินหายใจ\n\n\n\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"306\" width=\"480\" src=\"http://www.siamsafety.com/images/111.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n\n <o:p>ปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ (Cardiopulmonary resuscitation : CPR)</o:p><o:p></o:p><o:p><o:p><img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/012.jpg\" border=\"0\" /></o:p></o:p> <o:p><o:p></o:p></o:p><o:p><o:p></o:p></o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"197\" width=\"300\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/012.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n \n<o:p><o:p></o:p><o:p> หมายถึง การช่วยเหลือผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ให้มีการหายใจและการไหลเวียนกลับคืนสู่สภาพเดิม ป้องกันเนื้อเยื่อได้รับอันตรายจากการขาดออกซิเจนอย่างถาวร ซึ่งสามารถทำได้โดยการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (Basic life support) ได้แก่ การผายปอด และการนวดหัวใจภายนอก \n</o:p></o:p>\nภาวะหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้น \n ภาวะหยุดหายใจ (respiratory arrest) และภาวะหัวใจหยุดเต้น (cardiac arrest) - เป็นภาวะที่มีการหยุดการทำงานของอวัยวะในระบบทางเดินหายใจและการไหลเวียนเลือด ส่วนมากมักจะพบว่ามีการหยุดหายใจก่อนเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น และ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้อง จะทำให้เสียชีวิตได้ \nสาเหตุของการหยุดหายใจ<o:p></o:p> \n<o:p><o:p>1. ทางเดินหายใจอุดตันจากสาเหตุต่างๆ เช่น จากสิ่งแปลกปลอมอุดกั้นทางเดินหายใจ การแขวนคอ การถูกบีบรัดคอ การรัดคอ เป็นต้น ในเด็กเล็กสาเหตุจากการหยุดหายใจที่พบได้มากที่สุดคือ การสำลักสิ่งแปลกปลอมเข้าหลอดลม เช่น ของเล่นชิ้นเล็ก ๆ เมล็ดถั่ว เป็นต้น \n</o:p></o:p><o:p><o:p><o:p></o:p>2. มีการสูดดมสารพิษ แก็สพิษ ควันพิษ \n</o:p></o:p><o:p><o:p><o:p></o:p>3. การถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงดูด \n</o:p></o:p><o:p><o:p><o:p></o:p>4. การจมน้ำ \n</o:p></o:p><o:p><o:p><o:p></o:p>5. การบาดเจ็บที่ทรวงอก ทำให้ทางเดินหายใจได้รับอันตรายและเนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บ \n</o:p></o:p><o:p><o:p><o:p></o:p>6. โรคระบบประสาท เช่น บาดทะยัก ไขสันหลังอักเสบ ทำให้กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต \n</o:p></o:p><o:p><o:p><o:p></o:p>7. การได้รับสารพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น ผึ้ง ต่อ แตน ต่อยบริเวณคอ หน้า ทำให้มีการบวมของเนื้อเยื่อของทางเดินหายใจและหลอดลมมีการหดเกร็ง \n</o:p></o:p><o:p><o:p><o:p></o:p>8. การได้รับยากดศูนย์ควบคุมการหายใจ เช่น มอร์ฟีน ฝิ่น โคเคน บาร์บิทูเรต ฯลฯ \n</o:p></o:p><o:p><o:p><o:p></o:p>9. โรคหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างเฉียบพลัน \n</o:p></o:p><o:p><o:p>10. มีการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ และมีภาวะหายใจวายจากสาเหตุต่างๆ \nสาเหตุของหัวใจหยุดเต้น<o:p></o:p> \n1. หัวใจวายจากโรคหัวใจ จากการออกกำลังกายมากเกินปกติ หรือตกใจหรือเสียใจกระทันหัน \n2. มีภาวะช็อคเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน จากการสูญเสียเลือดมาก ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือมีเลือดมาเลี้ยงไม่เพียงพอ \n<o:p></o:p>3. ทางเดินหายใจอุดกั้น ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ การได้รับยาเกินขนาดหรือการแพ้ \n<o:p></o:p> </o:p></o:p>\n ข้อบ่งชี้ในการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ<o:p></o:p> \n1. ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจ โดยที่หัวใจยังคงเต้นอยู่ประมาณ 2-3 นาที ให้ผายปอดทันที จะช่วยป้องกันภาวะหัวใจหยุดเต้นได้ และช่วยป้องกันการเกิดภาวะเนื้อเยื่อสมองขาดออกซิเจนอย่างถาวร \n2. ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นพร้อมกัน ซึ่งเรียกว่า clinical death การช่วยฟื้นคืนชีพทันทีจะช่วยป้องกันการเกิด biological death คือ เนื้อเยื่อโดยเฉพาะเนื้อเยื่อสมองขาดออกซิเจน \n ระยะเวลาของการเกิด biological death หลังจาก clinical death ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่โดยทั่วไป มักจะเกิดช่วง 4-6 นาที หลังเกิด clinical death ดังนั้นการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพจึงควรทำภายใน 4 นาที <o:p></o:p> \nลำดับขั้นในการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ \nการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ ขั้นพื้นฐานประกอบด้วย 3 ขั้นตอนใหญ่สำคัญ คือ A B C ซึ่งต้องทำตามลำดับคือ <o:p></o:p> 1. A - Airway : การเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง \n2. B - Breathing : การช่วยให้หายใจ \n<o:p></o:p>3. C - Circulation : การนวดหัวใจเพื่อช่วยให้เกิดเลือดไหลเวียนอีกครั้ง \n\n \n\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"191\" width=\"350\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/001.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n1. A : Airway \n หมายถึง การเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง ซึ่งเป็นการปฏิบัติการขั้นแรก ที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว เพราะเนื่องจากโคนลิ้นและกล่องเสียงมีการตกลงไปอุดทางเดินหายใจส่วนบนในผู้ป่วยที่หมดสติ ดังนั้นจึงต้องมีการเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง โดยการดัดคางขึ้นร่วมกับการกดหน้าผากให้หน้าแหงนเรียกว่า "head tilt chin lift"\n\n\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"240\" width=\"350\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/002.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n ภาพ ทางเดินหายใจที่เปิดและปิด \n\n<img height=\"292\" width=\"350\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/003.jpg\" border=\"0\" />\n\n\nภาพ head tilt chin lift \n\n\n\n \n ในกรณีที่มีกระดูกสันหลังส่วนคอหัก หรือในรายที่สงสัย ควรใช้วิธี "jaw thrust maneuver" โดยการดึงขากรรไกรทั้งสองข้างขึ้นไปข้างบน ผู้ช่วยเหลืออยู่เหนือศีรษะผู้ป่วย\n\n\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"110\" width=\"200\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/004.gif\" border=\"0\" style=\"width: 307px; height: 161px\" />\n</div>\n ภาพ jaw thrust maneuver \n\n\n \n2. B : Breathing \n\n คือ การช่วยหายใจ เนื่องจากการหายใจหยุด ร่างกายจะมีออกซิเจนคงอยู่ในปอดและกระแสเลือด แต่ไม่มีสำรองไว้ใช้ดังนั้น เมื่อหยุดหายใจ จึงต้องช่วยหายใจ เป็นวิธีที่จะช่วยให้ออกซิเจนเข้าสู่ปอดผู้ป่วยได้ ซึ่งออกซิเจนที่เป่าออกไปนั้นมีออกซิเจนประมาณ 16-17 % ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในร่างกาย สามารถทำได้หลายวิธี คือ ด้วยการเป่าปาก (mouth to mouth) เป่าจมูก (mouth to nose) และวิธีการกดหลังยกแขนของโฮลเกอร์ - นิลสัน (back pressure arm lift or Holger - Nielson method) ทำได้ดังนี้ \n \n 2.1 กรณีเป่าปาก บีบจมูกของผู้ป่วย ผู้ช่วยเหลือหายใจเข้าปอดลึก ๆ ซัก 2-3 ครั้ง หายใจ เข้าเต็มที่แล้วประกบปากให้แนบสนิทกับปากของผู้ป่วย แล้วเป่าลมหายใจเข้าไปในปอดให้เต็มที่ \n<img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/005.gif\" border=\"0\" /><o:p></o:p> <o:p></o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"207\" width=\"200\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/005.gif\" border=\"0\" style=\"width: 278px; height: 242px\" />\n</div>\n\nภาพ การผายปอดด้วยวิธี Mouth to Mouth \n \n\n 2.2 กรณีเป่าจมูก ใช้ในรายที่มีการบาดเจ็บในปาก หรือในเด็กเล็ก ต้องปิดปากของผู้ป่วยก่อน และเป่าลมหายใจเข้าทางจมูกแทน \n<img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/006.gif\" border=\"0\" /> \n\n<img height=\"187\" width=\"200\" src=\"http://www.fire2fight.com/images/articles/cpr_images/006.gif\" border=\"0\" style=\"width: 272px; height: 224px\" />\n\n<o:p> ภาพ การผายปอดด้วยวิธี Mouth to Mouth</o:p><o:p> \n</o:p><o:p> \n</o:p><o:p> </o:p> <o:p> </o:p><o:p> ขณะที่เป่าให้เหลือบมองยอดอกของผู้รับบริการด้วยว่ามีการยกตัวขึ้นหรือไม่ การเป่าลมหายใจของผู้ช่วยเหลือผ่านทางปากหรือจมูก จะต้องทำอย่างช้าๆ ปล่อยปากหรือผู้ช่วยเหลือออกจากปากหรือจมูกของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจออก ให้ ผายปอด 2 ครั้ง ๆ ละ 1-1.5 วินาที (แต่ละครั้งได้ออกซิเจน 16 %) อัตราเร็วในการเป่า คือ 12 -15 ครั้ง / นาที ใกล้เคียงกับการหายใจปกติ</o:p><o:p></o:p> \n\n \n3. C : Circulation \n\n\n คือ การนวดหัวใจภายนอก ทำในรายที่ประเมินภาวะหัวใจหยุดเต้น โดยการจับชีพที่ carotid artery แล้วไม่พบว่ามีการเต้นของชีพจร ก็จะช่วยให้มีการไหลเวียนของเลือดโดยการกดนวดหัวใจภายนอก (cardiac massage) โดยมีหลักการคือ กดให้กระดูกหน้าอก (sternum) ลงไปชิดกับกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทำให้หัวใจที่อยู่ระหว่างกระดูกทั้งสองอัน ถูกกดไปด้วย ทำให้มีการบีบเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงร่างกาย เสมือนการบีบตัวของหัวใจ \n\n\n\n\n\n\nวิธีนวดหัวใจ\n\n\n\n \n1. จัดให้ผู้ป่วยนอนหงายราบ บนพื้นแข็ง ถ้าพื้นอ่อนนุ่มให้สอดไม้กระดานแข็งใต้ลำตัว \n2. วัดตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการนวดหัวใจ โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางข้างที่ถนัด วาดจากขอบชายโครงล่างของผู้ป่วยขึ้นไป จนถึง ปลายกระดูกหน้าอก วัดเหนือปลายกระดูกหน้าอกขึ้นมา 2 นิ้วมือ แล้วใช้สันมือข้างที่ไม่ถนัดวางบนตำแหน่งดังกล่าว และใช้สันมือข้างที่ถนัดวางทับลงไป และเกี่ยวนิ้วมือให้นิ้วมือที่วางทับแนบชิดในร่องนิ้วมือของมือข้างล่าง (interlocked fingers) ยกปลายนิ้วขึ้นจากหน้าอก \n3. ผู้ช่วยเหลือยืดไหล่และแขนเหยียดตรง จากนั้นปล่อยน้ำหนักตัวผ่านจากไหล่ไปสู่ลำแขนทั้งสองและลงไปสู่กระดูกหน้าอกในแนวตั้งฉากกับลำตัวของผู้เจ็บป่วยในผู้ใหญ่และเด็กโต กดลงไปลึกประมาณ 1.5 - 2 นิ้ว ให้กดลงไปในแนวดิ่ง และอย่ากระแทก \n4. ผ่อนมือที่กดขึ้นให้เต็มที่เพื่อให้ทรวงอกมีการขยายตัว และหัวใจได้รับเลือดที่อุดมไปด้วยออกซิเจน ขณะที่ผ่อนมือไม่จำเป็นต้องยกมือขึ้นสูง มือยังคงสัมผัสอยู่ที่กระดูกหน้าอก อย่ายกมือออกจากหน้าอก จะทำให้มีเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกาย และมีเลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจ ทำให้มีการไหลเวียนเลือดในร่างกาย \n5. การกดนวดหัวใจจะนวดเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ในอัตราเร็ว 100 ครั้ง/นาที ถ้าน้อยกว่านี้จะไม่ได้ผล\n\n\n\n \nอันตรายของการทำ CPR ไม่ถูกวิธี\n\n\n \n1. วางมือผิดตำแหน่ง ทำให้ซี่โครงหัก , xiphoid หัก , กระดูกที่หักทิ่มโดนอวัยวะสำคัญ เช่น ตับ ม้าม เกิดการตกเลือดถึงตายได้ \n2. การกดด้วยอัตราเร็วเกินไป เบาไป ถอนแรงหลังกดไม่หมด ทำให้ปริมาณเลือดไปถึงอวัยวะต่างๆ ที่สำคัญได้น้อย ทำให้ขาดออกซิเจน \n3. การกดแรงและเร็วมากเกินไป ทำให้กระดูกหน้าอกกระดอนขึ้น ลงอย่างรวดเร็ว หัวใจช้ำเลือดหรือกระดูกหักได้ \n4. การกดหน้าอกลึกเกินไป ทำให้หัวใจชอกช้ำได้ \n5. การเปิดทางเดินหายใจไม่เต็มที่ เป่าลมมากเกินไป ทำให้ลมเข้ากระเพาะอาหาร เกิดท้องอืด อาเจียน ลมเข้าปอดไม่สะดวก ปอดขยายตัวไม่เต็มที่ ถ้ามีอาการอาเจียนเกิดขึ้นก่อน หรือ ระหว่างการทำ CPR ต้องล้วงเอาเศษอาหารออกก่อน มิฉะนั้นจะเป็นสาเหตุของ การอุดตันของทางเดินหายใจ (airway obstruction) การช่วยหายใจไม่ได้ผล เกิดการขาดออกซิเจน ถ้ามีอาการท้องอืดขึ้น ระหว่างการทำ CPR ให้จัดท่าเปิดทางเดินหายใจใหม่ และช่วยการหายใจด้วยปริมาณลมที่ไม่มากเกินไป \n\n\n\n\n \n\n\n การช่วยคนจมน้ำ \n\n\n เมื่อคนจมน้ำ จะมีอาการของทางเดินหายใจอุดตัน เนื่องจากการมีน้ำอยู่ในท่อลมและหลอดลมเต็มไปหมด หน้าบวม ลิ้นบวม หายใจขัด และต่อมาก็จะหยุดหายใจ ชีพจรเต้นเร็ว เบาลง จนในที่สุดจะหยุดเต้น และตาย \n\n<o:p></o:p> \nวิธีการช่วยเหลือ<o:p></o:p> \n1. ช่วยเอาน้ำออกจากทางหายใจและกระเพาะอาหาร อาจทำได้โดย<o:p></o:p> \n- ใช้นิ้วล้วงคอให้อาเจียน<o:p></o:p> \n-ถ้าเป็นเด็กจับอุ้มพาดบ่า ให้ศีรษะห้อยลงข้างหลัง รวบขาเด็กไว้แล้วเดินเขย่าหรือวิ่งเหยาะ ๆ เพื่อให้น้ำออกมาทางปากทางจมูก<o:p></o:p> \n- ถ้าเป็นผู้ใหญ่ให้จับผู้ป่วยนอนคว่ำ เอามือของผู้ป่วยสอดใต้ท้อง แล้วยกมือที่สอดไว้นั้นขึ้น วิธีนี้จะทำให้น้ำถูกบีบออกจาก กระเพาะ ปอด และหลอดลม จากนั้นให้ผู้ป่วยนอนคว่ำ หันศีรษะไปข้างใดข้างหนึ่ง<o:p></o:p> \n2. ทำการผายปอดโดย ผู้ช่วยคุกเข่าลง เอามือวางบนซี่โครงซี่ล่าง ๆ ของผู้ป่วย แล้วกดหน้าอกด้วยน้ำหนักตัว นับหนึ่ง-สอง-สาม แล้วปล่อยตามเดิม นับอีก หนึ่ง-สอง-สาม แล้วลงมือกดอีก ทำเช่นนี้ให้ได้ 12-16 ครั้งใน 1 นาที ให้ใช้เสื้อหรือผ้าม้วน ๆ สอดไว้ในท้องผู้ป่วยด้วย<o:p></o:p> \n3. บางทีอาจต้องทำการผายปอดอยู่นานถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งจึงจะได้ผล เมื่อผู้ป่วยเริ่มหายใจแล้ว ห่มผ้าหรือใส่เสื้อให้หนา ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการช็อค จากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาขั้นต่อไป \n\nการปฐมพยาบาล \n1. เอาน้ำออกจากปอดและจากกระเพาะอาหารโดยวิธีพาดบ่า หรือให้นอนคว่ำและยกชายโครงทั้งสองขึ้น \n2. ทำทางเดินหายใจให้โล่ง โดยวิธีจับศีรษะแหงนหน้าขึ้น ยกคางขึ้นบน (head tilt-chin lift) ล้วงเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากปาก \n3. ทำการผายปอดโดยวิธีปากต่อปาก \n4. ให้ความอบอุ่น เช็ดตัวให้แห้ง \n5. รีบส่งโรงพยาบาลทันที เพราะอาจเกิดภาวะกรดในร่างกาย (metabolic acidosis) \n6. ดูแลอย่างใกล้ชิด<o:p></o:p> \n\nข้อควรคำนึง : \n1. ขณะเข้าช่วยผู้จมน้ำอาจเกาะจนทำให้ผู้ช่วยเหลือไม่สามารถว่ายน้ำได้ จึงควรเลือกวิธีจับเฉพาะแขนผู้จมน้ำ แล้วลากเข้าหาฝั่ง \n2. ถ้าพบว่าผู้จมน้ำหยุดหายใจตั้งแต่อยู่ในน้ำ ให้รีบทำทางเดินหายใจให้โล่ง และผายปอดทันที \n3. ถ้าสงสัยว่าผู้จมน้ำอาจมีการบาดเจ็บของไขสันหลัง ขณะพลิกตัวและขณะเคลื่อนย้ายเข้าฝั่ง ควรทำอย่างถูกวิธี \n\n\n\n\nการช่วยเหลือคนสำลักควันไฟ<o:p></o:p> \n การที่ผู้ป่วยสำลักควันไฟ แสดงว่าผู้ป่วยหายใจเอาก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าไป โดยก๊าซนี้จะรวมตัวกับฮีโมโกลบินของเม็ดเลือดแดงได้ดีกว่าออกซิเจน เลือดจะไม่มีออกซิเจนไปสู่เนื้อเยื่อ ซึ่งจะทำให้หายใจลำบาก ไอ หน้าเขียว เล็บมือเล็บเท้าเขียวคล้ำ อาจจะไม่รู้สึกตัวและไม่หายใจ \n<o:p></o:p>การปฐมพยาบาล \n<o:p></o:p>1. ย้ายผู้ป่วยไว้ในที่อากาศบริสุทธิ์ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก คลายเสื้อผ้าให้หลวม ปลดเข็มขัด เสื้อชั้นใน \n<o:p></o:p>2. ถ้าผู้ป่วยหายใจไม่สะดวกให้ช่วยผายปอด \n<o:p></o:p>3. ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้เพียงพอ \n<o:p></o:p>4. คอยระวังอาการเปลี่ยนแปลงทางด้านการหายใจ และชีพจร \n5. ถ้าอาการไม่ดีขึ้น รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด<o:p></o:p> \n\n<img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h028.jpg\" border=\"0\" />\n\n\n<img height=\"127\" width=\"334\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h028.jpg\" border=\"0\" />\n\n\n \nท่านอนตะแคง เป็นท่าที่ปลอดภัยสำหรับคนหมดสติ \n\n\n \n<img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h029.png\" border=\"0\" /> \n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"147\" width=\"202\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h029.png\" border=\"0\" />\n</div>\n\n \nให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้เพียงพอ\n\n\n \n\nการช่วยเหลือคนถูกไฟฟ้าดูด \n คนที่ถูกไฟฟ้าดูดเป็นเวลานานอาจจะเสียชีวิตได้ เนื่องจากส่วนที่ไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายจะทำให้เกิดความร้อนขึ้นมา และอาจจะทำให้เกิดผลเสียต่ออวัยวะภายในซึ่งเป็นส่วนที่อ่อนที่สุดของร่างกาย ดังนั้นถ้าพบเห็นคนถูกไฟฟ้าดูดให้นำตัวออกมาจากจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุด เพื่อทำการช่วยเหลือ โดยที่คนช่วยเองต้องไม่โดนไฟฟ้าดูด<o:p></o:p> \n\n \n\n\n\nการช่วยเหลือผู้ประสบอันตราย\n\n\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"167\" width=\"300\" src=\"http://img227.imageshack.us/img227/6887/pic301bw6.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n1. หากท่านพบผู้ถูกกระแสไฟฟ้าดูดให้ตัดการจ่ายไฟ เช่น คัทเอ้าท์ หรือเต้าเสียบ \n<img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://img213.imageshack.us/img213/7171/pic302jj5.jpg\" border=\"0\" /><o:p></o:p> \n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"167\" width=\"300\" src=\"http://img213.imageshack.us/img213/7171/pic302jj5.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n \n2. ใช้ไม้แห้งหรือฉนวนไฟฟ้าเขี่ยอุปกรณ์ไฟฟ้าให้พ้นจากผู้ที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูดหรือ ใช้ผ้าแห้ง เชือก ดึงผู้ป่วยออกจากจุดที่เกิดเหตุโดยเร็วเพื่อปฐมพยาบาล\n\n <o:p></o:p> <img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://img227.imageshack.us/img227/8219/pic303rk6.jpg\" border=\"0\" /> \n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"167\" width=\"300\" src=\"http://img227.imageshack.us/img227/8219/pic303rk6.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n3. ช่วยปฐมพยาบาลขั้นต้น โดยการวางผู้ป่วยให้นอนหงาย แล้วซ้อนคอผู้ป่วยให้แหงนขึ้น \n<img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://img168.imageshack.us/img168/9877/pic304vk9.jpg\" border=\"0\" /> \n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"167\" width=\"300\" src=\"http://img168.imageshack.us/img168/9877/pic304vk9.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n<o:p>4. ตรวจดูว่ามีสิ่งอุดตันในช่องปากหรือไม่ หากพบให้นำออกและช่วยเป่าปากโดยใช้นิ้วง้าง ปากและบีบจมูกของผู้ป่วย</o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"167\" width=\"300\" src=\"http://img213.imageshack.us/img213/9664/pic305xr5.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n5. ประกบปากของผู้ป่วยให้สนิทเป่าลมเข้าแรง ๆ โดยเป่าปากประมาณ 12-15 ครั้ง/นาที สังเกต การขยายของหน้าอก หากเป่าปากไม่ได้ให้เป่าจมูกแทน \n \n\n<o:p>การช่วยเหลือผู้ประสบอันตราย</o:p><o:p></o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"167\" width=\"300\" src=\"http://img213.imageshack.us/img213/1337/pic306yw0.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n \n<o:p>6. หากหัวใจหยุดเต้น ต้องนวดหัวใจโดยวางผู้ป่วยนอนราบแล้วเอามือกดเหนือลิ้นปี่ ให้ถูกตำแหน่ง(ดังรูป) กดลงไปเป็นจังหวะเท่ากับการเต้นของหัวใจ (ผู้ใหญ่ประมาณ นาทีละ 60 ครั้ง เด็กประมาณ 80 ครั้ง \n<o:p></o:p></o:p><o:p></o:p><o:p></o:p><o:p></o:p><o:p></o:p><o:p></o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"167\" width=\"300\" src=\"http://img227.imageshack.us/img227/2927/pic307am9.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n7. แล้วฟังการเต้นของหัวใจสลับกับการกดทุก ๆ 10-15 ครั้ง\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"167\" width=\"300\" src=\"http://img213.imageshack.us/img213/4578/pic308ub3.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n8. ถ้าหยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้นให้เป่าปาก 2 ครั้ง \n<img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://img213.imageshack.us/img213/2094/pic309dp1.jpg\" border=\"0\" /><o:p></o:p> <o:p></o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"167\" width=\"300\" src=\"http://img213.imageshack.us/img213/2094/pic309dp1.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n \n9. นวดหัวใจ 15 ครั้งสลับกัน\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"167\" width=\"300\" src=\"http://img227.imageshack.us/img227/7020/pic310ys4.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n10. ถ้ามีผู้ช่วยเหลือ 2 คน ต้องสลับกันเป่าปาก 1 ครั้ง นวดหัวใจ 5 ครั้ง<o:p></o:p> <o:p> </o:p> \n \n\n<o:p></o:p><o:p> \n<o:p>การปฐมพยาบาล \n เมื่อได้ทำการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้แล้ว จะด้วยวิธีใดก็ตาม หากปรากฏว่าผู้เคราะห์ร้ายที่ช่วยออกมานั้นหมดสติไม่รู้สึกตัว หัวใจหยุดเต้น และไม่หายใจ ซึ่งสังเกตได้จากอาการที่เกิดขึ้นดังนี้ คือริมฝีปากเขียว, สีหน้าซีด,เขียวคล้ำ, ทรวงอกเคลื่อนไหวน้อยมากหรือไม่เคลื่อนไหว, ชีพจรบริเวณคอเต้นช้าและเบามาก, ถ้าหัวใจหยุดเต้นจะคลำชีพจรไม่พบ, ม่านตาขยายค้างไม่หดเล็กลงหมดสติไม่รู้สึกตัว ต้องรีบทำการปฐมพยาบาลทันทีเพื่อให้ปอดและหัวใจทำงาน โดยวิธีการผายปอดด้วยการให้ลมทางปาก หรือที่เรียกว่า"เป่าปาก" ร่วมกับการนวดหัวใจก่อนนำผู้ป่วยส่งแพทย์ </o:p><o:p></o:p><o:p></o:p><o:p><o:p> </o:p></o:p></o:p><o:p><o:p> </o:p></o:p>\n\nข้อห้ามที่สำคัญที่ไม่ควรทำเมื่อถูกไฟฟ้าดูด \n 1. ห้ามเข้าไปช่วยผู้ถูกไฟฟ้าดูด จนกว่าจะแน่ใจได้ว่าผู้บาดเจ็บมิได้สัมผัสกับสายไฟฟ้าหรือตัวนำไฟฟ้าใด ๆ จากนั้นจึงตัดวงจรไฟฟ้าที่ลัดวงจรก่อนเข้าไปช่วยเหลือ \n 2. ห้ามเข้าไปช่วยผู้ถูกไฟฟ้าดูด ถ้าผิวหนังผู้ที่จะช่วยนั้นเปียกชื้น เพราะอาจเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าและถูกไฟฟ้าดูดได้ \n 3. ถ้าไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือไม่ในการเข้าไปช่วยเหลือเนื่องจากไม่มีความรู้ในการตัดกระแสวงจรไฟฟ้าหรือวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง ให้รีบตามคนมาช่วย \nอันตรายจากไฟฟ้า เราสามารถป้องกันได้ และเมื่อเกิดเหตุร้ายจากไฟฟ้า ควรพยายามตั้งสติและควรปฏิบัติตามคำแนะนำ<img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://img227.imageshack.us/img227/7020/pic310ys4.jpg\" border=\"0\" />\n\n\n \n\n\nการช่วยคนหัวใจวาย\n\n<o:p></o:p><o:p></o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"262\" width=\"197\" src=\"http://www.piyavate.com/image/heart-failure.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n หัวใจวาย หมายถึง ภาวะซึ่งหัวใจไม่สามารถสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างพอเพียง หัวใจวายไม่เหมือนกับหัวใจหยุดเต้น มักเรียกหัวใจวายว่า congestive heart failure คือหัวใจทำงานล้มเหลวทำให้เนื้อเยื่อต่างๆขาดออกซิเจน เมื่อไตได้รับเลือดไปเลี้ยงน้อยลงทำให้ไตสร้างสารบางชนิดออกมาทำให้เกิดการคั่งของน้ำและเกลือในร่างกาย หากหัวใจห้องซ้ายวายก็จะมีการคั่งของน้ำและเกลือที่ปอดทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าน้ำท่วมปอด Pulmonary edma หากหัวใจห้องขวาวายจะเกิดการคั่งของน้ำที่ขาทำให้บวมที่เท้า<o:p></o:p> \n อาการหัวใจวายอาจจะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน เช่นเกิดภายหลังจากหลอดเลือดหัวใจตีบ หรืออาจจะค่อยๆเกิดเช่นโรคของลิ้นหัวใจ หรือกล้ามเนื้อหัวใจ<o:p></o:p> \n\n \n\n\n \n\nสาเหตุของหัวใจวาย<o:p></o:p> \n เมื่ออายุมากขึ้นการบีบตัวตัวของหัวใจก็จะลดลง หากมีภาวะที่ทำให้หัวใจทำงานมากขึ้นหรือมีการสูญเสียความสามารถในการบีบตัวของหัวใจก็จะเกิดโรคหัวใจวาย นอกจากนั้นยังมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจเช่น การสูบบุหรี่ อ้วน การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การขาดการออกกำลังกาย เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดโรคหัวใจวายได้ หัวใจวายมีด้วยการหลายสาเหตุ บางครั้งอาจจะไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด สาเหตุที่พบได้บ่อยได้แก่<o:p></o:p> \n<ul type=\"disc\">\n<li class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; color: black; tab-stops: list 36.0pt\"><a target=\"_blank\" href=\"http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/heart_disease/ami/main.htm\">หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ</a> (coronary heart disease) ผู้ป่วยมักจะมีประวัติเจ็บและแน่นหน้าอกมาก่อน เมื่อเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่พอกล้ามเนื้อหัวใจก็ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายอย่างเพียงพอ สำหรับผู้ที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบตันอย่างเฉียบพลันทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและตายไปบางส่วน หากบริเวณที่ตายกินบริเวณกว้างก็อาจจะเกิดหัวใจวายเฉียบพลัน<o:p></o:p></li>\n<li class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; color: black; tab-stops: list 36.0pt\">กล้ามเนื้อหัวใจเอง ได้แก่โรคของกล้ามเนื้อหัวใจ การติดเชื้อไวรัสบางตัวทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเกิดล้มเหลว (cardiomyopathy) กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง</li>\n</ul>\n\n\n\n\n<ul type=\"disc\">\n<li class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; color: black; tab-stops: list 36.0pt\"><a target=\"_blank\" href=\"http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/heart_disease/Hypertension/index.htm\">ความดันโลหิตสูง</a> (Hypertension)เมื่อความดันโลหิตสูงขึ้นทำให้กล้ามเนื้อหนาตัวต้องทำงานมากขึ้น และเกิดล้มเหลวได้<o:p></o:p></li>\n<li class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; color: black; tab-stops: list 36.0pt\">ลิ้นหัวใจ เช่น โรคหัวใจ รูมาติก rheumatic heart disease ทำให้ลิ้นหัวใจตีบ หรือมีการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ<o:p></o:p></li>\n<li class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; color: blue; tab-stops: list 36.0pt\">โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด<o:p></o:p></li>\n<li class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; color: black; tab-stops: list 36.0pt\">โรคปอด เช่น โรคถุงลมโป่งพองก็สามารถทำให้หัวใจห้องขวาวาย<o:p></o:p></li>\n<li class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; color: black; tab-stops: list 36.0pt\"><a target=\"_blank\" href=\"http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/endocrine/DM/intro.htm\">โรคเบาหวาน</a> สาเหตุที่โรคเบาหวานมักจะมีโรคหัวใจคือผู้ป่วยมักจะอ้วน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง<o:p></o:p></li>\n<li class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; color: black; tab-stops: list 36.0pt\">หัวใจเต้นผิดปกติ อาจจะเต้นผิดจังหวะ หรือเต้นช้าเกินไป (bradyarrhythmia) หรือเต้นเร็วเกินไป (tachyarrhythmia) ทำให้หัวใจไม่สามารถป้ำเลือดได้อย่างเพียงพอ<o:p></o:p></li>\n<li class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; color: black; tab-stops: list 36.0pt\">สารพิษ เช่น สุรา หรือยาเสพติด ซึ่งจะทำลายกล้ามเนื้อหัวใจเป็นต้น<o:p></o:p></li>\n<li class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; color: black; tab-stops: list 36.0pt\">ผู้ป่วยที่มีโลหิตจางมากก็ทำให้เกิดหัวใจวาย<o:p></o:p></li>\n</ul>\nผู้ป่วยคอพอกเป็นพิษ<o:p> </o:p> \n \n\n<o:p></o:p><o:p></o:p><o:p></o:p>\n\nการปฐมพยาบาล\n\n1. หากผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ให้ผู้ป่วยนั่งเอนตัวไปด้านหลัง ควรหนุนศรีษะ เข่า และไหล่ ด้วยหมอนเล็กๆ<o:p></o:p> \n2. ปลอบโยนให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย<o:p></o:p> \n3. ตะโกนขอความช่วยเหลือ และให้ผู้ช่วยเหลืออีกคน โทรศัพท์เรียกรถพยาบาล โดยให้แจ้งว่าผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจวาย<o:p></o:p> \n4. คลายเสื้อผ้าที่คอ หน้าอก และเอว ออก<o:p></o:p> \n5. คลำดูชีพจรและการหายใจ<o:p></o:p> \n6. หากผู้ป่วยหมดสติ ให้จัดผู้ป่วยอยู่ในท่าพัก ประเมินการหายใจและคลำชีพจรบ่อยๆึ<o:p></o:p> \n7. หากผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ <a href=\"http://www.thaisafetywork.com/%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C-cpr-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88/http:/www.thaisafetywork.com/%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C-cpr-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88/\" title=\"ผายปอด\">ผายปอดแบบปากต่อปาก</a><o:p></o:p> \n8. หากหัวใจหยุดทำงานให้ <a href=\"http://www.thaisafetywork.com/%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C-cpr-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88/\">นวดหัวใจ บริเวณทรวงอก</a><o:p></o:p> \n9. เมื่อรถพยาบาลมาถึง รีบนำส่งโรงพยาบาล<o:p></o:p> \n\n \n\n\n \n\nการช่วยเหลือคนที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในทางเดินหายใจ<o:p></o:p> \n สิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในทางเดินหายใจ (จมูก กล่องเสียง หรือหลอดลม) มักจะเป็นของลื่นๆ เช่น เมล็ดผลไม้ แมลง กระดุม เหรียญ เศษอาหาร เป็นต้น\n<o:p></o:p>\n\n สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในรูจมูก \n\n\n\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"134\" width=\"136\" src=\"http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRpy4BzfPsxKQ-zKt48Q1k2zo9kkQHowC8zGBvN2unmltpfYCZs0g&t=1\" border=\"0\" style=\"width: 232px; height: 190px\" />\n</div>\n\n\n\n\n\n\nปฐมพยาบาล ดังนี้<o:p></o:p> \n1. ซักถามและตรวจดูว่าสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในรูจมูกนั้นคืออะไร อยู่ในรูจมูก<o:p></o:p> ข้างใด ถ้าเป็นเด็กเล็กที่ยังพูดไม่รู้เรื่อง ให้สังเกตสภาพแวดล้อมหรือดูว่าก่อนเกิดเหตุเขาเล่นอะไรอยู่ ซึ่งอาจช่วยบ่งชี้ถึงสิ่งแปลกปลอมนั้น ๆ ได้<o:p></o:p> \n2. พยายามให้สั่งออกมาทางจมูกให้ได้ โดยหายใจเข้าลึก ๆ ทางปากก่อนแล้วจึงสั่งออกมาทางจมูก อาจปิดรูจมูกข้างที่ไม่มีสิ่งแปลกปลอมก็ได้ อย่าสูดลมหายใจเข้าทางจมูกอย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้สิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในหลอดได้<o:p></o:p> 3. ถ้าสิ่งแปลกปลอมอยู่ไม่ลึกและผิวเรียบ เช่น ลูกปัด เม็ดถั่ว อาจใช้มือบีบบริเวณสันจมูก ค่อย ๆไล่ออกทางรูจมูก อาจจะหลุดออกมาได้<o:p></o:p> \n4. ถ้าพยายามทำแล้วยังไม่หลุดออกมา ให้นำส่งแพทย์เพื่อรับการช่วยเหลือต่อไป \n\n\n\n\nสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในหลอดลม \n\n\n\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"347\" width=\"380\" src=\"http://www.ku.ac.th/e-magazine/apr53/image/know4.2.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n\n\n\n ซึ่งอาจเป็นเศษอาหาร เมล็ดผลไม้ วัตถุกลม ๆเล็ก ๆ ผู้ป่วยจะมีอาการสำลักอย่างรุนแรง ไอ หายใจลำบาก หายใจเสียงดัง ถ้ามีการอุดตันมากจนหายใจติดขัด ตัวจะเขียว ปลายมือ ปลายเท้าก็เขียวด้วย \n\n\n\nดำเนินการปฐมพยาบาล ดังนี้ \n1. กรณีผู้ป่วยยังรู้สึกตัวและอยู่คนเดียวไม่มีผู้ช่วยเหลือ \n - ถ้าสามารถไอได้ให้ไอออกเอง \n - กำมือข้างหนึ่งเป็นกำปั้น วางบริเวณกึ่งกลางระหว่างลิ้นปี่และสะดือ \n - มืออีกข้างหนึ่งโอบรอบกำปั้น \n - ออกแรงกระแทกขึ้นไปทางด้านบนแรง ๆ 5 ครั้ง โดยไม่ให้ถูกลิ้นปี่หรือชายโครง \n - พาดท้องกับพนักเก้าอี้และกระแทก 5 ครั้ง จนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมา\n\n\n \n\n\n2. กรณีมีผู้ช่วยเหลือ\n\n\n\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"127\" width=\"207\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h030.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 352px; height: 196px\" />\n</div>\n\n\n\n\nก้มตัวผู้ป่วยไปข้างหน้าก่อน ตบแรง ๆ ระหว่างกระดูกสะบัก 4 - 5 ครั้ง\n\n<o:p></o:p>\n\n<img height=\"106\" width=\"240\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h031.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 354px; height: 172px\" />\n\n<o:p>ล็อกมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันให้แน่น วางบนหน้าท้องของผู้ป่วยที่ระดับสูงกว่าสะดือเล็กน้อย กระแทกเฉียงขึ้น แรง ๆ 4-5 ครั้ง เพื่อดันลมในปอดให้ขับสิ่งอุดกั้นออกมา </o:p> <o:p></o:p>\n\n<img height=\"110\" width=\"232\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h032.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 330px; height: 197px\" />\n\n<o:p>ถ้าไม่ได้ผล ใช้วิธีกระแทกท้อง โดยให้ผู้ป่วยยืนตรง ยืนด้านหลังผู้ป่วย แล้วสอดแขนทั้งสองโอบไปด้านหน้าผู้ป่วย มือข้างหงาย อีกข้างหนึ่งคว่ำ</o:p> <o:p></o:p>\n\n<img height=\"171\" width=\"222\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h033.png\" border=\"0\" style=\"width: 319px; height: 248px\" />\n\n<o:p>ถ้าไม่ได้ผล พยายามใช้วิธีตบหลังสลับกับกระแทกท้องซ้ำอีกหลาย ๆ ครั้ง ถ้าไม่สำเร็จและผู้ป่วยหมดสติล้มลงใช้วิธีสำหรับผู้ป่วยหมดสติ</o:p> \n\n \n\n\n3. กรณีผู้ป่วยหมดสติ\n\n\n\n<img height=\"243\" width=\"333\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h034.png\" border=\"0\" style=\"width: 441px; height: 290px\" />\n\n\n การหมดสติอาจทำให้หลอดลมที่หดเกร็งของผู้ป่วยคลายออก สังเกตดูการหายใจ ถ้าผู้ป่วยเริ่มหายใจได้ ก็จัดให้นอนตะแคง ถ้ายังหายใจไม่ได้ \n จัดผู้ป่วยให้นอนหงายแล้วใช้วิธีกระแทกท้อง โดยวางส้นมือลงบนหน้าท้องของผู้ป่วยเหนือสะดือเล็กน้อยวางมืออีกข้างหนึ่งซ้อนข้างบนและกระแทกเฉียงลงไปแรง ๆ 4 - 5 ครั้ง ถ้าผู้ป่วยหายใจได้แล้ว ก็จัดให้นอนท่าตะแคง ถ้าไม่สำเร็จ รีบให้คนตามรถนำส่งโรงพยาบาล อาจต้องทำการฟื้นชีพ\n\n\n\n4. สิ่งแปลกปลอมอุดตันในเด็กเล็ก\n\n<o:p></o:p><o:p></o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"365\" width=\"313\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h035.png\" border=\"0\" style=\"width: 306px; height: 301px\" />\n</div>\n<o:p></o:p>\n\nวางเด็กลงบนขา ศีรษะต่ำ ตบลงระหว่างกระดูกสะบัก (ใช้แรงน้อยกว่าช่วยเหลือผู้ใหญ่)\n\n\n5. สิ่งแปลกปลอมอุดตันในเด็กทารก\n\n<o:p></o:p><o:p></o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"202\" width=\"285\" src=\"http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/images/h036.png\" border=\"0\" style=\"width: 321px; height: 234px\" />\n</div>\n<o:p>วางตัวทารกคร่อมบนแขนใช้มือประคองคาง ตบลงระหว่างกระดูกสะบัก (ใช้แรงน้อยกว่าช่วยเด็กเล็ก)<o:p></o:p> </o:p>\n\n ***ห้ามใช้วิธีกระแทกท้องเด็ดขาด***\n\n\n', created = 1716354580, expire = 1716440980, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:a439e10f24914a39984c8b1dec13e72c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

เมื่อ ศุกร์, 28/01/2011 - 08:51 | แก้ไขล่าสุด เสาร์, 29/01/2011 - 12:08| โดย

wipavee001

ช่วยได้ถูกวิธี ชีวีจะปลอดภัย
1.   การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR)
2. การช่วยคนจมน้ำ
3. การช่วยเหลือคนสำลักควันไฟ
4. การช่วยเหลือคนถูกไฟดูด
5. การช่วยคนหัวใจวาย

6. การช่วยเหลือคนที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในทางเดินหายใจ

สร้างโดย:

วิภาวี ตีรนานุกูล

แหล่งอ้างอิง:

http://www.fire2fight.com/articles.php?article_id=13 http://www.med.cmu.ac.th http://www.fire2fight.com/articles.php?article_id=14 http://www.fire2fight.com/articles.php?article_id=12 http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/2-3.html http://www.bkn-1.is.in.th/?md=content&ma=show&id=29 http://www.stunitedsupply.com/index.asp?contentID=10000004&title=%A1%D2%C3%BB%B0%C1%BE%C2%D2%BA%D2%C5..%A4%B9%B7%D5%E2%B4%B9%E4%BF%BF%E9%D2%B4%D9%B4..&getarticle=31&keyword=&catid=3 http://www.oknation.net/blog/Electric-Safety/2008/10/10/entry-1 http://www.thaisafetywork.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5-%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84/ http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/heart_disease/chf/heart_failure.htm http://61.19.55.118/~nokjip/pairin/7/2-5.html

ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น |

อ่าน 58511 ครั้ง |

Tags: ช่วงชั้น 4 (ม.4-6), สุขศึกษาและพลศึกษา

Thaigoodview

ของขวัญ ของที่ระลึก Miori Jung Handmade

ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ
ไม่ถูกปิดเสียก่อน
ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558
มีผลบังคับใช้แล้ว
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

โรงเรียนเครือข่ายจัดกิจกรรม บล็อก(Blog) เครื่องมือสำหรับครูยุคใหม่ เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้

เปลี่ยนชื่อผู้ใช้งาน/เพิ่มพื้นที่เก็บภาพ

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 339 คน กำลังออนไลน์

Copyright © 2000-2024 thaigoodview.com | ออกแบบและพัฒนาระบบโดย ไทยกู๊ดวิวดอทคอม
สงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-Noncommercial-Share Alike 3.0 Unported License.
ท่านสามารถนำเนื้อหาไปใช้ แสดง ดัดแปลง เผยแพร่ โดยต้องอ้างอิงที่มา ห้ามใช้เพื่อการค้า และต้องใช้สัญญาอนุญาตชนิดเดียวกันนี้ไปกับงานดัดแปลงต่อยอดที่เผยเผยแพร่ต่อ

ช่วยได้ถูกวิธี ชีวีจะปลอดภัย

นำทาง

สมาชิกที่ออนไลน์