ระบบประสาท

user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:a659972e06f9232094cb40d61823dfd8' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = ' \nระบบประสาท<o:p></o:p>\n \n<div style=\"text-align: center\">Nervous System</div>\n<div style=\"text-align: center\"></div>\n<div style=\"text-align: center\"></div>\n<div style=\"text-align: center\"></div>\n<div style=\"text-align: left\"></div>\n<div style=\"text-align: left\"> \n<div style=\"text-align: center; display: inline !important\">\n \n \n \n \n \n \n \nการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่ทำให้สิ่งมีชีวิตได้รับผลกระทบนั้นเรียกว่าสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้น (Stimulus) การรับรู้ต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้นเรียกว่าการตอบสนอง (Response) การตอบสนองต่อสิ่งเร้าพบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดแต่ความสามารถในการตอบสนอง (Irritability) ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดแตกต่างกันออกไปตามลักษณะโครงสร้างของร่างกายและวิธีการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ในสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ จะมีกลไกการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเป็นแบบง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เพราะยังไม่มีระบบประสาทแต่ในสิ่งมีชีวิตชั้นสูงขึ้นไปจะมีความสามารถในกาตอบสนอง ต่อสิ่งเร้าด้วยกลไกที่ซับซ้อนขึ้นเพราะมีการพัฒนาของระบบประสาท (Nervous System) และระบบต่อมไร้ท่อ(Endocrine gland) มาทำงานร่วมกันเป็นระบบประสานงาน (Co-ordinating System) คอยควบคุมให้การทำงานของอวัยวะภายในและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำงานได้ตามปรกติ\n</div>\n </div>\n\n \nระบบประสาทส่วนต่างๆ\n \n \nระบบประสาทแบ่งออกเป็น 4 ส่วนคือ<o:p></o:p>\n 1. ระบบประสาทส่วนกลาง (CentralNervous System)<o:p></o:p>\n 2. ระบบประสาทส่วนรอบนอกหรือส่วนปลาย(Peripheral Nervous System)\n 3. ระบบประสาทอัตโนมัติหรือระบบประสาทเสรี (Autonormic Nervous System)\n 4. อวัยวะรับความรู้สึก (SenseOrgans) \n \n \n1.ระบบประสาทส่วนกลาง\n( Central Nervous System )\n \n สิ่งเร้าหรือการกระตุ้นจัดเป็นข้อมูลที่เส้นประสาทนำไปยังระบบประสาทส่วนกลางเรียกว่า “กระแสประสาท” เป็นสัญญาณไฟฟ้าที่นำไปสู่เซลล์ประสาททางด้านเดนไดรต์และเดินทางออกอย่างรวดเร็วทางด้านแอกซอน แอกซอนส่วนใหญ่มีแผ่นไขมันหุ้มไว้เป็นช่วงๆแผ่นไขมันนี้ทำหน้าที่เป็นฉนวนและทำให้กระแสประสาทเดินทางได้เร็วขึ้น ถ้าแผ่นไขมันนี้ฉีกขาดอาจทำให้กระแสประสาทช้าลง ทำให้สูญเสียความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อ เนื่องจากการรับคำสั่งจากระบบประสาทส่วนกลางได้ไม่ดี\n<o:p></o:p>\n \n \n 1.1 สมอง \n อยู่ที่กะโหลกศีรษะโดยมีเยื่อหุ้มสมอง3 ชั้น คือ ชั้นนอกติดกับกะโหลกศีรษะ ชั้นกลางและชั้นในติดกับเยื่อสมอง ระหว่างชั้นกลางกับชั้นในเป็นช่องว่างบรรจุน้ำ สมองและไขสันหลังหล่อเลี้ยงอยู่มีปริมาตร 100 - 150 มิลลิเมตรประกอบด้วย โปรตีนกลูโคส น้ำเหลือง คาร์บอนไดออกโซด์ ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง น้ำสมองนี้ ถูกขับออกมาจากกลุ่มโลหิตฝอยในโพรงกะโหลกศีรษะ ทำหน้าที่ป้องกันอันตราย กระดูกสันหลังไม่ให้เสียดสีกับกระดูกนำสารอาหารมาหล่อเลี้ยงสมอง ถ่ายของ เสียต่างๆ ให้โลหิตถ้าเยื่อหุ้มสมอง และไขสันหลังอักเสบจะทำให้ปวดศรีษะ หัวใจ เต้นช้า หายใจช้าอาจเป็นลมหมดสติได้ต้องเจาะเอาน้ำไขสันหลังออก\n สมองผู้ชายปกติหนัก1,380 กรัม ผู้หญิงหนัก 1,250 กรัม ความฉลาดของคน ขึ้นอยู่ กับรอยร่องลึกและรอยคดของร่องในสมอง\n สมองมีส่วนประกอบสำคัญๆคือ สมองใหญ่ (Cerebrum) สมองน้อย (Cerebellum) และท้ายสมอง<o:p></o:p>\n 1.1.1 สมองใหญ่ (Cerebrum)\n ประกอบด้วยเซลล์ประสาทเป็นจำนวนมากประกอบด้วยร่องตื้น ร่องลึก และส่วนที่นูนออก มีลักษณะเป็นพูๆ อาศัยร่องสมองเป็นตัวแบ่งทำหน้าที่ ควบคุมความทรงจำ ความคิด ไหวพริบ ความรู้สึกตัว การมองเห็น การได้ยิน การพูด การเคลื่อนไหว การรู้สึกกลิ่นรส ความเจ็บปวด หนาวร้อน ควบคุม อุณหภูมิของร่างกาย การนอนหลับ การรักษาระดับน้ำในร่างกาย การเผา ผลาญอาหาร ศูนย์ควบคุมการหิวกระหายสมองส่วนหน้าซีกซ้ายควบคุมการ ทำงานกล้ามเนื้อด้านขวาของร่างกาย สมองส่วนหน้าซีกขวาควบคุมการ ทำงานกล้ามเนื้อด้านซ้ายของร่างกาย\n 1.1.2 สมองน้อย (Cerebellum)\n ทำหน้าที่รักษาสมดุลการทรงตัวของร่างกายการประสานงานการ ทำงานของกล้ามเนื้อในขณะเคลื่อนไหว เช่น วิ่ง เดิน เป็นต้น\n 1.1.3 ท้ายสมอง \n ทำหน้าที่ผ่านระบบประสาทอัตโนมัติอยู่นอกเหนือการบังคับของจิตใจ เป็นศูนย์ควบคุมการหายใจ การเต้นของหัวใจ การหดตัวของหลอดโลหิต การไอการจาม อาเจียน การขับน้ำย่อยของระบบย่อยอาหาร รับความรู้สึก ถ่ายทอด ไปยังสมองใหญ่ การกลืน การเคี้ยว การหลั่งน้ำตาและการกระพริบ ตา\n \n <img src=\"http://www.esanpt1.go.th/nites/body-wbi/body-wbi/kongsea.gif\" height=\"376\" width=\"530\" />\nภาพแสดงส่วนประกอบของสมอง \n \n \n 1.2 ไขสันหลัง (Spinal cord) \n เป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทส่วนกลางต่อจากสมองทะลุกะโหลก ศีรษะส่วนท้ายทอยอยู่ภายในช่องกระดูกสันหลังมาสิ้นสุดที่กระดูกสันหลัง ส่วนก้นกบที่ปลายนี้มีเส้นประสาทแยกออกมาลักษณะคล้ายหางม้าไขสันหลัง ยาวประมาณ 18 นิ้ว หรือ 45 เซนติเมตรไขสันหลังประกอบด้วยเซลล์ประสาทที่ส่ง เส้นประสาทออกมาเป็นรากของประสาทไขสันหลังส่วนหน้าทำหน้าที่นำคำสั่งหรือ กระแสประสาทไปยังต่อมหรือกล้ามเนื้อส่วนด้านหลังยาวและเรียวเล็กมีโคน ประกอบด้วยเส้นใยประสาทที่นำความรู้สึกเข้ามายังไขสันหลังหน้าที่ของไขสันหลัง คือ ควบคุมปฏิกิริยาสะท้อนระดับต่ำกว่าคอ รับกระแสประสาทจากส่วนต่างๆ ขึ้นไป ให้สมองและรับกลับไปกระตุ้นอวัยวะนั้นควบคุมการเจริญเติบโตของอวัยวะและส่วน ต่างๆที่มีเส้นประสาทไขสันหลังไปถึงในสมองในไขสันหลังมีของเหลวแทรกอยู่และ ล้อมรอบทำหน้าที่ป้องกันอันตรายนำสารอาหารมาเลี้ยงและนำสารของเสียเข้า สู่กระแสเลือด \n \n <img src=\"http://www.esanpt1.go.th/nites/body-wbi/body-wbi/kongsea1.gif\" height=\"463\" width=\"398\" />\nภาพแสดงองค์ประกอบของไขสันหลัง\n \n \n \n \n2.ระบบประสาทส่วนรอบนอกหรือส่วนปลาย\n( Peripheral Nervous System ) \n \n คือ เส้นประสาทที่อยู่นอกสมองและไขสันหลังมีหน้าที่นำข่าวหรือคำสั่งโดยรวดเร็ว จากที่แห่งหนึ่งไปยังที่อีกแห่งหนึ่งเทียบความเร็วถึง 100 เมตร/วินาที ระบบประสาทรอบ นอกที่พบตามบริเวณแขน ขาซึ่งเป็นประสาททั้งเส้นแต่ภายในประกอบด้วยใยประสาท มากมาย เช่น บริเวณข้อมือมีใยประสาท 2,400 เส้น\n ระบบประสาทรอบนอก (peripheralnervous system) ทำหน้าที่รับและนำความ รู้สึกเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง ได้แก่ สมองและไขสันหลัง จากนั้นนำกระแส ประสาทสั่งการจากระบบประสาทส่วนกลางไปยังหน่วยปฏิบัติงาน ซึ่งประกอบด้วยหน่วย รับความรู้สึกและอวัยวะรับสัมผัส รวมทั้งเซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่อยู่นอกระบบ ประสาทส่วนกลาง ระบบประสาทรอบนอกจำแนกตามลักษณะการทำงานได้ 2 แบบดังนี้\n 1. ระบบประสาทภายใต้อำนาจจิตใจ เป็นระบบควบคุมการทำงานของกล้าม เนื้อที่บังคับได้รวมทั้งการตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก <o:p></o:p>\n 2. ระบบประสาทนอกอำนาจจิตใจ เป็นระบบประสาทที่ทำงานโดยอัตโนมัติ มีศูนย์กลางควบคุมอยู่ในสมองและไขสันหลัง ได้แก่ การเกิดรีเฟลกซ์แอก ชัน และเมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้นที่อวัยวะรับสัมผัสเช่น ผิวหนัง กระแสประสาท จะส่งไปยังไขสันหลัง และไขสันหลังจะสั่งการตอบสนองไปยังกล้ามเนื้อ โดยไม่ผ่านไปที่สมอง ดังรูปเมื่อมีเปลวไฟ มาสัมผัสที่ปลายนิ้ว กระแส ประสาทจะถูกส่งผ่านไปยังไขสันหลังโดยไม่ผ่านไปยังสมอง ไขสันหลังทำ หน้าที่สั่งการให้กล้ามเนื้อที่แขนเกิดการหดตัว เพื่อดึงมือออกจากเปลวไฟ ทันที \n <img src=\"http://www.esanpt1.go.th/nites/body-wbi/body-wbi/kongsea4.gif\" height=\"465\" width=\"503\" />\nภาพแสดงการทำงานของระบบประสาทส่วนนอก\n \n \n \n \n3.ระบบประสาทอัตโนมัติหรือระบบประสาทเสรี\n(Autonormic Nervous System)\n \n คือ ระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในต่างๆเช่น กล้ามเนื้อเรียบ ของอวัยวะภายใน เช่น ลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ มดลูก กล้ามเนื้อม่านตากล้ามเนื้อหัวใจ ต่อมมีท่อชนิดต่างๆ เช่นต่อมเหงื่อ ต่อมน้ำลายและต่อมไร้ท่อบางชนิด\n \n \n \n \n \n4.อวัยวะรับความรู้สึก\n(Sense Organs)\n \n หน่วยรับความรู้สึกจะกระจายทั่วไปตามอวัยวะรับสัมผัสต่างๆเป็นเสมือนประตูที่จะปิด หรือเปิดเชื่อมระหว่างความเป็นไปภายนอกหรือภายในร่างกายกับส่วนของสมองทำ หน้าที่รับรู้ และสั่งการตอบสนองอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายๆ อย่างไปพร้อมกันเช่น ดูโทรทัศน์ ตาก็ดู หูก็ฟัง สมองก็จำไปเรื่อยๆ เช่นนี้เป็นต้นการสื่อสารระหว่างหน่วยรับความรู้สึกกับส่วนของสมอง รวดเร็วมากไม่มีระบบสื่อสารใดเทียบได้เลย\n<o:p></o:p>\n \n\nเซลล์ประสาท \n(Neuron หรือ Nerve Cell) \n \n เซลล์ประสาท (Neuronหรือ Nerve Cell) ในระบบประสาทของคนประกอบด้วย เซลล์ประสาทประมาณ10,000 ล้านถึง 100,000 ล้านเซลล์โดยเซลล์ประสาทส่วนใหญ่จะ อยู่ ในสมอง จากการศึกษาพบว่าในช่วงที่อยู่ในครรภ์เซลล์ประสาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มาก คือ ประมาณ 250,000 เซลล์ต่อนาทีเซลล์ประสาทของคนมีขนาดและรูปร่างแตก ต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหน้าที่และตำแหน่งที่อยู่ของเซลล์ประสาทนั้น \n \n1.ส่วนประกอบของเซลล์ประสาท\n ส่วนประกอบของเซลล์ประสาทแต่ละเซลล์จะประกอบด้วย ส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ\n \n1.1 ตัวเซลล์ (Cell Body หรือ Perikatyon)\n มีรูปร่างแตกต่างตามชนิดของเซลล์ประสาทภายในมีนิวเคลียสและไซโท- พลาซึมหรือนิวโรพลาซึม ซึ่งมีออร์แกแนลล์ชนิดต่าง ๆ เช่นเดียวกับเซลล์ทั่วไป ภายในไซโทพลาซึมของเซลล์ประสาทมีออร์กอแนลล์ที่สำคัญ คือ<o:p></o:p>\n 1.1.1 นิสส์ บอดี (Nissl Body) \n เป็นออร์แกแนลล์ที่พบได้ในตัวเซลล์ประสาทที่เดนไดรต์แต่จะไม่พบใน แอกซอน ทำหน้าที่เกี่ยวกับการสังเคราะห์โปรตีนสำหรับนำไปสร้างเป็น เอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการนำกระแสประสาท<o:p></o:p>\n 1.1.2 ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) \n ออร์แกแนลล์นี้พบได้ทั้งในตัวเซลล์เดนไดรต์และแอกซอน พบมากบริเวณ ปลายประสาทโดยเฉพาะปลายประสาทนำคำสั่งไมโทคอนเดรียทำหน้าที่ สร้างพลังงานให้แก่เซลล์<o:p></o:p>\n 1.1.3 กอลจิ บอดี (Golgi Body) \n มีลักษณะเป็นเส้นบาง ๆเรียงขนานกันเป็นชั้น ๆ มีหนาที่เก็บสารโปรตีนที่ นิสส์บอดี สร้างขึ้นและเปลี่ยนแปลงโปรตีนบางส่วนเป็นไลโซโซม \n \n 1.2 ใยประสาท (Nerve Fiber)\n เป็นส่วนที่แยกออกมาจากตัวเซลล์ มีลักษณะเป็นแขนงเล็ก ๆ จำนวนแขนง และความยาวของแขนงแตกต่างกันไปตามหน้าที่และตำแหน่งที่อยู่ใยประสาท จำแนกออกเป็น 2 ประเภทคือ<o:p></o:p>\n 1.2.1 เดนไดรต์ (Dendrite) \n เป็นส่วนของเซลล์ที่ยื่นออกไปเป็นแขนงสั้นๆ แล้วแตกกิ่ง ก้านออกไปมากมาย เดนไดรต์ทำหน้าที่รับกระแสประสาทจากหน่วย รับความรู้สึก(Receptor) และรับกระแสประสาทจากเซลล์ประสาท เซลล์อื่นเข้าสู่ตัวเซลล์<o:p></o:p>\n 1.2.2 แอกซอน (Axon) \n เป็นส่วนของไซโทพลาซึมของเซลล์ประสาทที่ยื่นออกจาก ตัวเซลล์ส่วนปลายของแอกซอนจะแตกเป็นแขนงเรียกว่า Telodendron สำหรับใยประสาทที่มีความยาวมากๆ ทั้งเดนไดรต์และ แอกซอนจะมีปลอก (Sheath) หุ้ม ดังนั้นถ้าพิจารณาลักษณะเซลล์ ประสาทจากการมีหรือไม่มีปลอกหุ้มจะสามารถแบ่งชนิดของเซลล์ ประสาทออกเป็น2 พวก คือ<o:p></o:p>\n - ใยประสาทชนิดที่มีเยื่อไมอีลินหุ้ม (MyelinatedNerve Fiber)\n เยื่อไมอีลินเกิดจากเซลล์ชวานน์(Schwann Cell) ลักษณะของใยประสาทที่มีเยื่อไมอิลินหุ้มจะพบมีรอยคอด เป็นระยะตรงรอยคอดไม่มีเยื่อไมอิลินหุ้มเรียกว่า โนด ออฟ แรนเวียร์ (Node ofRanyier) ใยประสาทที่มี เยื่อไมอีลินหุ้มจะนำกระแสประสาทได้เร็วกว่ามาก คือ สามารถส่งกระแสประสาทได้ในอัตราเร็วถึง 120 เมตร/ วินาทีในขณะที่ใยประสาทที่ไม่มีเยื่อไมอีลินหุ้มจะส่ง กระแสประสาทได้ในอัตราเร็วเพียง 12เมตร/วินาที เท่านั้น\n - ใยประสาทที่ไม่มีเยื่อไมอีลินหุ้ม (MonopolarNeuron) \n เป็นใยประสาทที่มีเซลล์ชวานน์หุ้มเพียงรอบเดียวไม่มี การม้วนตัวหลาย ๆ รอย จึงไม่เกิดเป็นเยื่อไมอีลินหุ้ม แอกซอนเหมือนแบบแรก เรียกใยประสาทที่มีลักษณะดัง กล่าวว่าใยประสาทที่ไม่มีเยื่อไมอีลินหุ้ม\n \n \n<img src=\"http://3.bp.blogspot.com/_wodA8qPfCuw/TJnvwma158I/AAAAAAAAAHw/h3AGVUKKsEQ/s1600/neuron%5B1%5D.jpg\" />\nภาพแสดงลักษณะของเซลล์ประสาท \n \n<div style=\"text-align: left\"> เราสามารถกล่าวโดยสรุปได้ว่าเซลล์ประสาท (neuron) เป็นหน่วนที่เล็กที่สุดของระบบประสาท เซลล์ประสาทมีเยื่อหุ้มเซลล์ไซโทพลาสซึมและนิวเคลียสเหมือนเซลล์อื่นๆแต่มีรูปร่างและลักษณะแตกต่างออกไปเซลล์ประสาทประกอบด้วยตัวเซลล์และเส้นใยประสาทที่มี 2 แบบคือเดนไดรต์ (dendrite) ทำหน้าที่นำกระแสประสาทเข้าสู่ตัวเซลล์และแอกซอน(axon) ทำหน้าที่นำกระแสประสาทออกจากตัวเซลล์ไปยังเซลล์ประสาทอื่นๆเซลล์ประสาทจำแนกตามหน้าที่การทำงานได้ 3 ชนิด คือ</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> </div>\n<div style=\"text-align: left\"> 1. เซลล์ประสาทรับความรู้สึก รับความรู้สึกจากอวัยวะสัมผัส เช่น จมูก ตา หู ผิวหนัง ส่งกระแสประสาทผ่านเซลล์ประสาทประสานงาน</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> </div>\n<div style=\"text-align: left\"> 2. เซลล์ประสาทประสานเป็นตัวเชื่อมโยงกระแสประสาทระหว่างเซลล์รับความ</div>\n<div style=\"text-align: left\"> รู้สึกกับสมอง ไขสันหลัง และ เซลล์ประสาทสั่งการพบในสมองและ ไขสันหลังเท่านั้น</div>\n\n \n 3. เซลล์ประสาทสั่งการ รับคำสั่งจากสมองหรือไขสันหลัง เพื่อควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ \n \n <img src=\"http://www.esanpt1.go.th/nites/body-wbi/body-wbi/kongsea2.gif\" height=\"370\" width=\"599\" />\n ภาพแสดงการทำงานของเซลล์ประสาท \n \n<div style=\"text-align: center\">\n \nพฤติกรรมของมนุษย์\nที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้า\n \n \n<div style=\"text-align: left\"> พฤติกรรมการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของมนุษย์เป็นปฏิกิริยาอาการที่แสดงออกเพื่อการตอบโต้ต่อสิ่งเร้าทั้งภายในและภายนอกร่างกาย เช่น </div>\n<div style=\"text-align: left\"></div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> - สิ่งเร้าภายในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน ความหิว ความต้องการทางเพศ เป็นต้น</div>\n<div style=\"text-align: left\"></div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> - สิ่งเร้าภายนอกร่างกาย เช่น แสง เสียง อุณหภูมิ อาหาร น้ำ การสัมผัส </div>\n<div style=\"text-align: left\"> สารเคมี เป็นต้น</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> </div>\n<div style=\"text-align: left\"> กิริยาอาการที่แสดงออกเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกอาศัยการทำงานที่ประสานกันระหว่างระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อ ระบบต่อมไร้ท่อ และระบบต่อมมีท่อ ดังตัวอย่างต่อไปนี้</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> </div>\n<div style=\"text-align: left\"> 1. การตอบสนองเมื่อมีแสงเป็นสิ่งเร้า</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> - เมื่อได้รับแสงสว่างจ้า มนุษย์จะมีพฤติกรรมการหรี่ตาเพื่อลดปริมาณแสงที่ตา ได้รับ</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> </div>\n<div style=\"text-align: left\"> 2. การตอบสนองเมื่ออุณหภูมิเป็นสิ่งเร้า</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> - ในวันที่มีอากาศร้อนจะมีเหงื่อมากเหงื่อจะช่วยระบายความร้อนออกจาก ร่างกายเพื่อปรับอุณหภูมิภายในร่างกายไม่ให้สูงเกินไป</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> - เมื่อมีอากาศเย็นคนเราจะเกิดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ หรือ เรียกว่า ”ขนลุก”</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> </div>\n<div style=\"text-align: left\"> 3. เมื่ออาหารหรือน้ำเข้าไปในหลอดลมเกิดพฤติกรรมการไอหรือจามเพื่อขับออก จากหลอดลม</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> </div>\n<div style=\"text-align: left\"> 4. การเกิดพฤติกรรมแบบรีเฟลกซ์ เป็นพฤติกรรมการตอบสนองหรือตอบโต้ทันที เพื่อความปลอดภัยจากอันตราย เช่น</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> - เมื่อฝุ่นเข้าตามีพฤติกรรมกะพริบตา</div>\n \n<div style=\"text-align: left\"> - เมื่อสัมผัสวัตถุร้อนจะชักมือจากวัตถุร้อนทันทีเมื่อเหยียบหนามจะรีบยกเท้าให้พ้นหนามทันที </div>\n\n \n<div style=\"text-align: left; font-weight: bold\"></div>\n<div style=\"text-align: left; font-weight: bold\"> </div>\n</div>\n', created = 1714854875, expire = 1714941275, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:a659972e06f9232094cb40d61823dfd8' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:78e34751febbc99289334b6e63d43e35' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = ' \nระบบประสาท<o:p></o:p>\n \n<div style=\"text-align: center\">Nervous System</div>\n<div style=\"text-align: center\"></div>\n<div style=\"text-align: center\"></div>\n<div style=\"text-align: center\"></div>\n<div style=\"text-align: left\"></div>\n<div style=\"text-align: left\"> \n<div style=\"text-align: center; display: inline !important\">\n \n \n \n \n \n \n \nการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่ทำให้สิ่งมีชีวิตได้รับผลกระทบนั้นเรียกว่าสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้น (Stimulus) การรับรู้ต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้นเรียกว่าการตอบสนอง (Response) การตอบสนองต่อสิ่งเร้าพบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดแต่ความสามารถในการตอบสนอง (Irritability) ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดแตกต่างกันออกไปตามลักษณะโครงสร้างของร่างกายและวิธีการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ในสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ จะมีกลไกการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเป็นแบบง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เพราะยังไม่มีระบบประสาทแต่ในสิ่งมีชีวิตชั้นสูงขึ้นไปจะมีความสามารถในกาตอบสนอง ต่อสิ่งเร้าด้วยกลไกที่ซับซ้อนขึ้นเพราะมีการพัฒนาของระบบประสาท (Nervous System) และระบบต่อมไร้ท่อ(Endocrine gland) มาทำงานร่วมกันเป็นระบบประสานงาน (Co-ordinating System) คอยควบคุมให้การทำงานของอวัยวะภายในและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำงานได้ตามปรกติ\n</div>\n </div>\n\n', created = 1714854875, expire = 1714941275, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:78e34751febbc99289334b6e63d43e35' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

เมื่อ พุธ, 26/01/2011 - 23:01 | แก้ไขล่าสุด จันทร์, 31/01/2011 - 23:58| โดย

ARTii

ระบบประสาท

Nervous System

การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่ทำให้สิ่งมีชีวิตได้รับผลกระทบนั้นเรียกว่าสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้น (Stimulus) การรับรู้ต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้นเรียกว่าการตอบสนอง (Response) การตอบสนองต่อสิ่งเร้าพบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดแต่ความสามารถในการตอบสนอง (Irritability) ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดแตกต่างกันออกไปตามลักษณะโครงสร้างของร่างกายและวิธีการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ในสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ จะมีกลไกการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเป็นแบบง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เพราะยังไม่มีระบบประสาทแต่ในสิ่งมีชีวิตชั้นสูงขึ้นไปจะมีความสามารถในกาตอบสนอง ต่อสิ่งเร้าด้วยกลไกที่ซับซ้อนขึ้นเพราะมีการพัฒนาของระบบประสาท (Nervous System) และระบบต่อมไร้ท่อ(Endocrine gland) มาทำงานร่วมกันเป็นระบบประสานงาน (Co-ordinating System) คอยควบคุมให้การทำงานของอวัยวะภายในและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำงานได้ตามปรกติ

แหล่งอ้างอิง:

http://www.esanpt1.go.th/nites/body-wbi/body-wbi/lesson-prasate.htm และ http://school.obec.go.th/padad/scien32101/BODY/7BODY.html

ARTii's blog |

ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น |

อ่าน 17884 ครั้ง

Thaigoodview

ของขวัญ ของที่ระลึก Miori Jung Handmade

ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ
ไม่ถูกปิดเสียก่อน
ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558
มีผลบังคับใช้แล้ว
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

โรงเรียนเครือข่ายจัดกิจกรรม บล็อก(Blog) เครื่องมือสำหรับครูยุคใหม่ เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้

เปลี่ยนชื่อผู้ใช้งาน/เพิ่มพื้นที่เก็บภาพ

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 522 คน กำลังออนไลน์

Copyright © 2000-2024 thaigoodview.com | ออกแบบและพัฒนาระบบโดย ไทยกู๊ดวิวดอทคอม
สงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-Noncommercial-Share Alike 3.0 Unported License.
ท่านสามารถนำเนื้อหาไปใช้ แสดง ดัดแปลง เผยแพร่ โดยต้องอ้างอิงที่มา ห้ามใช้เพื่อการค้า และต้องใช้สัญญาอนุญาตชนิดเดียวกันนี้ไปกับงานดัดแปลงต่อยอดที่เผยเผยแพร่ต่อ

ระบบประสาท

นำทาง

สมาชิกที่ออนไลน์