กิจกรรมสรรค์สร้างความคิด...พัฒนาทักษะชีวิต
กิจกรรมสรรค์สร้างความคิด...พัฒนาทักษะชีวิต
“สรรพสิ่งล้วนหลากหลาย มีความหมายในตนเอง มองตนแล้วรีบเร่ง สร้างคุณค่าค้นหาตน” คนเราเลือกเกิดไม่ได้ก็จริงแต่เลือกจะทำดีได้ เราทุกคนล้วนแล้วแต่มีคุณค่าและความดีแห่งตนเสมอเหมือนกัน ตราบใดที่เราไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครและตราบใดที่เรายังครองตนเป็นคนดี เป็นที่รักของครอบครัว เป็นกัลยาณมิตรที่ดีของเหล่าสหาย และเป็นคนดีของสังคม ยิ่งสังคมทุกวันนี้เป็นสังคมที่มีความหลากหลาย แบบไร้ขีดจำกัด และคนในสังคมก็มีหลากหลายแตกต่างกันออกไปตามแต่สถานะภาพ และบทบาทที่เขาได้รับมา บุคคลจะสามารถพัฒนาชีวิตของตนเองได้นั้น คนนั้นจะต้องสามารถยกระดับจิตวิญญาณของตัวเองให้สูงขึ้น ตระหนักรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควรในหน้าที่นั้น แล้วรักษาใจของตนเอง นั่นก็ถือว่าถึงเป้าหมายแล้ว การที่เกิดความสับสนว้าวุ่นใจ อาจเป็นเพราะเราเองคาดหวังมากเกินไป ทำเหตุแค่เพียงนิดเดียวแต่หวังผลมากมาย เหมือนลงทุนน้อย แต่หวังผลอันเลิศ จึงทำให้เกิดความสับสนและพาลคิดว่าไม่มีเป้าหมายของชีวิต ควรตั้งสติให้ดี และสามารถดำรงชีวิตอย่างคนที่จะพัฒนาปัญญา การดำรงชีวิตอย่างคนที่จะไม่ทุกข์และช่วยให้คนอื่นเป็นสุขด้วย และมนุษย์ทุกคนสามารถที่จะทำสิ่งนั้นได้ มนุษย์ทุกคนล้วนมีเมล็ดพันธุ์ในใจ ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ที่พร้อมจะเจริญงอกงาม ขอให้ตัวเราเองหมั่นรดน้ำ พรวนดินเมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์เล็กๆ ก็จะงอกเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงาแก่ชีวิตแต่ไม่หมั่นดูแลเมล็ดแห้งเหี่ยวและไร้ค่าไม่มีคุณภาพไม่มีประโยชน์ในที่สุดเปรียบเช่นกับการดูแลตนเองให้เจริญงอกงามทั้งด้านความคิดความรู้สึกหมั่นให้กำลังใจตนเอง ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย อยู่รอด มีจุดยืน กลมกลืน พัฒนาจิตใจเชิงคุณธรรม สร้างแนวคิด คิดถึงตนเอง ไปพร้อมกับการคิดถึงสรรพสิ่งอื่นรอบตัวเรา ๆ การที่เราจะสามารถก้าวข้ามจากคนไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ต้องอาศัยการเรียนรู้ ประสบการณ์ชีวิต มีทักษะในการดำรงชีวิต (การพัฒนาทักษะชีวิต) การพัฒนาตนเองไปสู่เป้าหมายสูงสุดของชีวิตต้องพัฒนาทุกภาคส่วนทั้งกาย จิตใจ สร้างความสมดุลให้กับชีวิต รู้จักตนเอง รู้เท่าทันตนเอง เห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่น เข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและดำรงชิวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สิ่งที่เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมโลกแห่งความจริงภายนอกเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ แนวทาง แนวคิด เทคนิค วิธีการ กลเม็ดเคล็ดลับ เป็นกลยุทธ์การพัฒนาทักษะชีวิต เสมือนจอมยุทธ์ที่ได้กระบี่ที่ดี มีคุณภาพ มีคุณค่าแต่ท่านจอมยุทธ์ต้องรู้จักใช้กระบี่ให้เต็มประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลให้มากที่สุด เป็นนวัตกรรม ที่มุ่งเน้นพัฒนาสู่เป้าหมาย เชิงประโยชน์ เชิงคุณภาพ เชิงปริมาณ เชิงประจักษ์ เชิงพฤติกรรม เป็นนวัตกรรมทางความคิด เพื่อป้องกัน แก้ไข พัฒนา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในด้านบวกในรูปแบบความสุข ลงมือทำและปฏิบัติ ด้วยความเต็มใจ เต็มที่ เสริมสร้างกำลังใจให้เกิดพลัง การทำงานเป็นทีม ทำให้การเรียนรู้ไม่น่าเบื่อ สามารถตอบโจทย์การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ภายใต้ความรู้ รอบรู้ รู้เท่าทัน เข้าใจ ได้แนวคิด เกิดความคุ้นเคยเคยชิน เกิดค่านิยม ทำด้วยความเต็มใจไม่ต้องบังคับ เกิดการแสดงออกทางพฤติกรรมที่แท้จริงและยั่งยืน เกิดเป็นจิตใต้สำนึก จิตสำนึก สุดท้ายเห็นมูลค่าคุณค่า ฉลาดคิด ฉลาดใช้ชีวิต นวัตกรรมที่ทรงคุณค่าและมีคุณภาพทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ"กิจกรรม”
จุดเด่นของกิจกรรมช่วยสรรค์สร้างความคิด......พัฒนาทักษะชีวิต
๑. พัฒนาอารมณ์ เป็นกระบวนการเสริมสร้าง และพัฒนาอารมณ์ของบุคคลและชุมชน โดยอาศัยกิจกรรมต่างๆ เป็นสื่อกลางในช่วงเวลาว่าง หรือเวลาอิสระ การเข้าร่วมกิจกรรมต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ และกิจกรรมนั้นจะต้องเป็นกิจกรรมที่สังคมยอมรับ สามารถก่อให้เกิดความสุข สนุกสนาน เพลิดเพลิน
๒. เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้เพราะความหลากหลายกิจกรรม การเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ในสถานที่และทรัพยากรท่องเที่ยว ขึ้นอยู่กับประสบการณ์
๓. เพิ่มพูนประสบการณ์ กิจกรรมสร้างเสริมประสบการณ์ หรือกิจกรรมบางอย่างที่เคยเข้าร่วมมาแล้ว แต่ผู้เข้าร่วมอยากสร้างความประทับใจ หรือความทรงจำเดิม ก็จะเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ทั้งสิ้น
๔. ส่งเสริมการมีส่วนร่วม จะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคคลและชุมชน ฝึกให้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนด้วยความสนใจและสมัครใจ ส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีม เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม รู้จักสิทธิและหน้าที่ ตลอดจนความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นในฐานะองค์กรของสังคม
๕. ส่งเสริมการแสดงออก เป็นการส่งเสริมให้บุคคลได้แสดงออกทางด้านความรู้สึกนึกคิด สร้างสรรค์ การระบายอารมณ์ การเลียนแบบสถานการณ์ หรือพฤติกรรมต่างๆ ทำให้สามารถเรียนรู้และรู้จักตนเองมากขึ้น สร้างความมั่นใจ ความเข้าใจและการควบคุมตนเอง
๖. ส่งเสริมคุณภาพชีวิต เป็นกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาอารมณ์ ความสุข ความสามารถของบุคคล สุขภาพและสมรรถภาพทางกายและจิตใจ ความสมดุลทางกาย และจิต สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต ของสังคมทุกเพศและวัย
๗.ส่งเสริมความเป็นมนุษยชาติ จะช่วยส่งเสริมพฤติกรรม และพัฒนาความเจริญงอกงามของบุคคลทั้งทางกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา และจิตใจของคนทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ตามความสนใจและความต้องการของบุคคล
๘. เพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองดี เป็นการให้การศึกษาแก่เยาวชนในด้านการช่วยเหลือตนเอง รู้จักสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย และการปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มและสังคมได้เป็นอย่างดี
สรุปแนวคิดที่สำคัญของนักจิตวิทยา
ธอร์นไดค์ (Thorndike) ให้ข้อสรุปว่า การเสริมแรง จะช่วยให้เกิดความกระหายใคร่รู้เกิดความพอใจ และนำไปสู่ความสำเร็จ
สกินเนอร์ (Skinner) กล่าวว่า "การเสริมแรง จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้บุคคลแสดงพฤติกรรมซ้ำ และพฤติกรรมของบุคคลส่วนใหญ่ จะเป็นพฤติกรรมการเรียนรู้แบบปฏิบัติ (Operant Learning) และพยายามเน้นว่า การตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ ของบุคคล สิ่งเร้านั้นจะต้องมีสิ่งเสริมแรงอยู่ในตัว หากลดสิ่งเสริมแรงลงเมื่อใด การตอบสนองจะลดลงเมื่อนั้น
กัทธรี (Grthrie) เชื่อว่าการเรียนรู้ จะเป็นผลมาจากสิ่งเร้าและการตอบสนองซึ่งเมื่อเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน สิ่งเร้าทุกอย่างย่อมจะมีลักษณะที่เร้า และก่อให้เกิดพฤติกรรมได้ทั้งหมด ดังนั้นการเสริมแรงไม่จำเป็นต้องนำมาใช้สำหรับการตอบสนอง
พลังกลุ่ม (Group Dynamic)
สามารถแบ่งเป็น ๔ ขั้นตอน
๑. Ice Breakingทลายเกราะน้ำแข็ง เป็นกระบวนการสลายพฤติกรรม ซึ่งตามธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเข้าสู่สังคมใหม่ จะรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย เราจึงต้องสลายพฤติกรรมเหล่านี้ ทำให้ ยอมพูดคุยกับเพื่อนใหม่ ไม่เกิดช่องว่างระหว่างกัน ดังนั้นกิจกรรมที่นำมาใช้ในกระบวนการนี้ จึงเป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ ทำให้ได้รู้จักชื่อ ที่มา พูดคุยกัน กล้าสัมผัสกันโดยไม่มีกรอบแต่ไม่ควรเป็นการสัมผัสที่จู่โจมจนเกิดไป
๒. Humanicationสร้างมนุษยสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เป็นการนำเอากิจกรรมมาเป็นเงื่อนใขในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ให้เกิดการยอมรับ ปรับเปลี่ยนท่าที สำหรับการทำงานร่วมกันต่อไป กระบวนการนี้ทำให้คนกล้าเปิดเผยตัวเอง ทั้งบุคลิกภายนอกและภายในจิตใจทำให้เข้าใจปรับตัวเองได้และเรียนรู้ผู้อื่นโดยเงื่อนไขของเกม
๓. Creation สร้างสรรค์ขั้นตอนนี้เป็นการจัดกระบวนการอย่างต่อเนื่อง หลังจากสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลได้ในระดับหนึ่ง จะพยายามนำเอาความคิด จินตนาการของแต่ละคนนำเสนอผ่านเงื่อนไขของเกม เพื่อให้รับรู้ความคิด บุคลิกลักษณะและความสามารถและความเป็นตัวตนของแต่ละคน
๔.Brain Storming ระดมความคิด ขั้นตอนนี้เป็นการส่งเสริมให้รู้จักการทำงานร่วมกัน ประนีประนอม ถ้อยทีถ้อยอาศัย เปิดใจกว้างยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เรียนรู้ที่จะคิดร่วมกัน ปรับความคิดเพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่มกิจกรรมในขั้นตอนนี้เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้สมอง การถกเถียงเพื่อหาบทสรุปร่วมกันฉะนั้นเวลาที่เราจะต้องเล่นเกมเพลงเราคงต้องดูว่าเราต้องการให้บรรลุขั้นตอนไหนของกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นและมากขึ้นไปเรื่อยๆ
“เพลงนันทนาการ”การใช้เพลงเป็นสื่อในการจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ สามารถกระทำให้สมาชิกปฏิบัติตามได้ง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีดนตรีประกอบเสียงเพลงด้วยแล้วยิ่งทำให้สมาชิกเกิดความเพลิดเพลินสนุกสนานและผ่อนคลายความตึงเครียดในการอบรมสัมมนาได้ดี เพลงส่วนใหญ่จะเป็นเพลงนันทนาการ
"ผู้นำกิจกรรม” ควรมีความสามารถมีความรู้ด้านจิตวิทยา รู้จักการวางแผน และการเตรียมการ เพื่อดำเนินกิจกรรมละลายพฤติกรรม มีมนุษยสัมพันธ์ดี ปรับตัวเก่ง เข้ากับบุคคลอื่นได้ดี มีไหวพริบ มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีคนยุติธรรม จริงใจ วางตัวเป็นกลาง ใจกว้าง มีเหตุผล และยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่น สามารถอธิบายและชี้แจงกิจกรรมได้อย่างชัดเจนใช้คำพูดและภาษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมโดยมีเทคนิคในการพูดกระตุ้นให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วม
“ การเสริมแรงทางบวก ” (Positive Reinforcement) หมายถึง สิ่งของ คำพูด หรือสภาพการณ์ที่จะช่วยให้พฤติกรรมเกิดขึ้นอีก หรือสิ่งทำให้เพิ่มความน่าจะเป็นไปได้ของการเกิดพฤติกรรม
“ทักษะ (Skill)” หมายถึง ความชัดเจน และความชำนิชำนาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งบุคคลสามารถสร้างขึ้นได้จากการเรียนรู้ ได้แก่ ทักษะการอาชีพ การกีฬา การทำงานร่วมกับผู้อื่น การอ่าน การสอน การจัดการ ทักษะทางคณิตศาสตร์ ทักษะทางภาษา ทักษะทางการใช้เทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งเป็นทักษะภายนอกที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน การใช้เพลงเป็นสื่อในการจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์
หลักการสอนเพลง
เทคนิคการร้องเพลงเป็นผู้นำร้องเพลง
2. แม่นทำนอง
3. ร้องชัด
4. ซัดสายตา
5. ท่าทางดี
6. มีเทคนิค
ขั้นตอนในการนำร้องเพลง
2.บอกเนื้อเพลงให้พูดตามทีละวรรค 2-3 เที่ยว
5.ใส่จังหวะปรบมือ กลอง อื่นๆ
6.สอนท่าทาง (ถ้ามี)
7.สอนเทคนิคอื่นๆ
1.ขับกล่อมจิตใจและอารมณ์ให้ผ่องใส
2.ก่อให้เกิดความสนุกสนานรื่นเริง
3.ทำให้เกิดความสามัคคีรักใคร่
4.ผ่อนคลายความตึงเครียด
5.ช่วยเพิ่มความจำในบทเรียน
6.เป็นยาแก้ง่วง
1.ผู้สอนต้องมีความมั่นใจในตัวเอง
2.ร้องให้ฟัง 1 หรือ 2 ครั้ง
3.ให้ร้องตามทีละวรรค
4.ให้สัญญาณก่อนการร้อง
5.ต้องคุมจังหวะให้ได้
6.อย่าออมเสียงหรือตะเบ็งเสียง
7.ร้องด้วยถ้อยคำที่ชัดเจน
1.เพลงที่รู้จักกันโดยทั่วไป
2.เพลงสั้นๆ
3.เพลงร้องไล่กันรอบวง
4.เพลงประกอบท่าทาง
5.เพลงที่มีลูกคู่
1.เพลงในโอกาสเฉพาะหรือโอกาสพิเศษ
2.เพลงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
3.เพลงปลุกใจ
4.เพลงที่เกี่ยวกับศาสนา
5.เพลงประกอบบทเรียน
6.เพลงสนุกสนาน ที่แฝงด้วยคติธรรม ระเบียบ ประเพณี และคำสอนต่างๆ
เพื่อนรัก
เพื่อน
กิจกรรม
สติคุม
ช่างโชคดี