• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:0846ea59ab08d87113d0d2d1889e43a9' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"201\" width=\"453\" src=\"/files/u40562/350px-All_Gizah_Pyramids-tile09.jpg\" border=\"0\" /><br />\n<a href=\"/node/83855\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/01.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 109px; height: 68px\" /></a><a href=\"/node/85428\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d01.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 110px; height: 68px\" /></a><a href=\"/node/85430\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d03.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 107px; height: 68px\" /></a><a href=\"/node/85558\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d04.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 107px; height: 68px\" /></a><br />\n<a href=\"/node/85565\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d02.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 109px; height: 70px\" /></a><a href=\"/node/89133\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d05.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 114px; height: 70px\" /></a><a href=\"/node/89707\"><img height=\"300\" width=\"400\" src=\"/files/u40562/story.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 106px; height: 70px\" /></a><a href=\"/node/90451?page=0%2C0\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d08.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 105px; height: 70px\" /></a><a href=\"/node/90291?page=0%2C1\"><img height=\"219\" width=\"292\" src=\"/files/u40562/001_1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 110px; height: 70px\" /></a>\n</div>\n<p>\n ในสมัยอียิปต์โบราณ เมื่อมีคนตายก็จะนำศพไปฝังไว้ในทะเลทรายอันร้อนระอุ ความร้อน และความแห้งแล้งทำให้ร่างกายแห้งอย่างรวดเร็ว โดยที่แบคทีเรียไม่มีโอกาสได้ย่อยสลายศพเสียก่อน จึงกลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติ คงจะมีการค้นพบโดยบังเอิญ ดังเช่นในภาพเป็นศพชาวอียิปต์โบราณที่<br />\nถูกฝังตามธรรมดาโดยมิได้มีการตบแต่งทำให้ไม่มีการย่อยสลายแต่อย่างไร แต่ศพที่กลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติก็อยู่รอดมาให้ค้นพบได้ในสมัยปัจจุบัน <br />\nต่อมาชาวอียิปต์ก็เริ่มใช้โลงบรรจุศพก่อนฝัง เพื่อป้องกันมิให้สัตว์ป่าแทะกินศพ แต่ก็กลับพบว่า ซากศพที่ฝังในโลง ได้เปื่อยเน่าไป ไม่แห้งและอยู่คงทนเหมือนแต่ก่อน เพราะโลงศพทำหน้าที่เก็บกักความชื้นจากร่างกาย เพียงพอที่จะอำนวยให้แบคทีเรียเจริญเติบโต และทำการย่อยสลายให้ศพเน่าเปื่อยสูญไปได้ ต่อมาอีกหลายร้อยปี ชาวอียิปต์ก็ได้ศึกษาทดลองวิธีต่างๆเพื่อจะรักษาสภาพศพให้คงทนอยู่ได้ กรรมวิธีในการรักษาศพให้คงทน ประกอบด้วยการแช่อาบศพ  ด้วยสิ่งที่ชะงักการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แล้วพันด้วยแถบผ้าลินิน ปัจจุบันเราเรียกกรรมวิธีนี้ว่า การทำมัมมี่\n</p>\n<p><!--pagebreak--><!--pagebreak--></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<br />\n<img height=\"260\" width=\"374\" src=\"/files/u40562/95G1CAF8V3WLCALRE0B3CAYSUWTJCAV3DMWCCA8SYZ60CA8E3L9UCAP0A1M9CARV2E15CAPLU0ZBCAQUPIWHCAWZ14M4CA9XAXHCCA16X3YNCAOTPI0QCA3PY5NB.jpg\" border=\"0\" /><br />\n<a href=\"/node/83855\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/01.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 75px\" /></a><a href=\"/node/85428\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d01.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 108px; height: 75px\" /></a><a href=\"/node/85430\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d03.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 108px; height: 75px\" /></a><a href=\"/node/85558\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d04.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 113px; height: 75px\" /></a><br />\n<a href=\"/node/85565\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d02.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 111px; height: 78px\" /></a><a href=\"/node/89133\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d05.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 108px; height: 78px\" /></a><a href=\"/node/89707\"><img height=\"300\" width=\"400\" src=\"/files/u40562/story.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 108px; height: 78px\" /></a><a href=\"/node/90451?page=0%2C0\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d08.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 114px; height: 78px\" /></a>\n</div>\n<p>\n<br />\nขั้นตอนที่ 1. ศพถูกนำไปยังเต๊นท์พิเศษ ที่เรียกว่า อีบู ซึ่งมีความหมายว่า สถานที่ชำระศพให้บริสุทธิ์ ผู้ทำมัมมี่จะอาบศพด้วยเหล้าที่ทำจากน้ำตาลสด และชำระล้างด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์\n</p>\n<p align=\"center\">\n <img height=\"254\" width=\"400\" src=\"/files/u40562/mummy1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 294px; height: 180px\" /> <br />\nอ้างอิงภาพ  <a href=\"http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy1.jpg\">http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy1.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<br />\nขั้นตอนที่ 2. ช่างก็จะผ่าช่องท้องด้านซ้ายเพื่อเอาอวัยวะภายในออก เนื่องด้วยอวัยวะภายใน ซึ่งมีความชื้นสูง จะเป็นสิ่งแรกที่เน่าสลายอย่างรวดเร็ว จึงต้องเอาออกเหลือไว้แต่หัวใจที่จะทิ้งไว้ภายในศพ เพราะพวกเขาเชื่อว่า หัวใจคือศูนย์รวมแห่งปัญญาและความรับรู้ทั้งปวง ที่ผู้ตายยังต้องการใช้ในโลกแห่งวิญญาณ\n</p>\n<p align=\"center\">\n <img height=\"317\" width=\"400\" src=\"/files/u40562/mummy2.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 284px; height: 192px\" /> <br />\nอ้างอิงภาพ  <a href=\"http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy2.jpg\">http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy2.jpg</a> \n</p>\n<p>\n<br />\nขั้นตอนที่ 3. ส่วน ตับ ปอด กระเพาะ และลำไส้ จะถูกนำมาชำระล้างจนสะอาด แล้วนำไปกลบไว้ด้วยเกลือเม็ดที่เรียกว่า Natron ซึ่งเป็นเกลือโซเดียมคาร์บอร์เนต แล้วเขาจะสอดตะขอผ่านเข้าทางช่องจมูก เพื่อเกี่ยวเอาเนื้อสมองออกมา เพราะสมองก็เหมือนอวัยวะภายในที่มีความชื้นสูง ถ้าทิ้งไว้จะทำให้แห้งยาก และก่อให้เกิดการย่อยสลายได้ง่าย\n</p>\n<p align=\"center\">\n     <img height=\"146\" width=\"181\" src=\"/files/u40562/mummy3.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 169px; height: 132px\" /> <br />\nอ้างอิงภาพ  <a href=\"http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy3.jpg\"><u><span style=\"color: #0066cc\">http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy3.jpg</span></u></a>\n</p>\n<p>\nขั้นตอนที่ 4. จากนั้นก็เอาศพไปวางกลบด้วยเกลือเม็ดให้แห้ง ของเหลวจากร่างกาย และผ้าที่ใช้ในการเตรียมศพทุกชิ้น ก็จะเก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อนำไปฝังพร้อมกับศพ\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"324\" width=\"400\" src=\"/files/u40562/mummy4.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 291px; height: 186px\" /><br />\nอ้างอิงภาพ  <a href=\"http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy4.jpg\">http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy4.jpg</a>     \n</p>\n<p>\n                   <br />\nขั้นตอนที่ 5. ช่องว่างภายในก็ใส่เกลือเม็ด ไว้เพื่อป้องกัน การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย อันจะทำให้ร่างเปื่อยเน่าสูญสลายไปได้\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"97\" width=\"300\" src=\"/files/u40562/mummy5.jpg\" border=\"0\" /> <br />\nอ้างอิงภาพ  <a href=\"http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy5.jpg\"><u><span style=\"color: #0066cc\">http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy5.jpg</span></u></a>\n</p>\n<p>\n<br />\nขั้นตอนที่ 6. ศพจะถูกแช่เกลือไว้สี่สิบวันจนแห้งดี แล้วจะถูกนำมาชำระล้างด้วยน้ำจากแม่น้ำ ไนล์อีก แล้วจะเคลือบผิวหนังด้วยน้ำมันเพื่อให้ผิวหนังคงสภาพอ่อนนุ่มไม่แห้งกระด้างไปตามกาลเวลา\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"323\" width=\"400\" src=\"/files/u40562/mummy6.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 275px; height: 220px\" /><br />\nางอิงภาพ  <a href=\"http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy6.jpg\">http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy6.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<br />\nขั้นตอนที่ 7. อวัยวะภายในที่แห้งแล้วจากการแช่เกลือ ก็จะถูกนำกลับมาบรรจุในในโถ อาโทพุต 4 อัน ได้แก่ โถหน้าลิง สุนัข เหยี่ยว และคน\n</p>\n<p align=\"center\">\n <img height=\"327\" width=\"400\" src=\"/files/u40562/mummy7.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 267px; height: 210px\" /><br />\nอ้างอิงภาพ  <a href=\"http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy7.jpg\">http://patitta.wonglamsam.com/mummy/im/mummy7.jpg</a>\n</p>\n<p>\nขั้นตอนที่ 8. แล้วจะเติมด้วยของแห้งอย่างอื่นให้เต็ม เช่นขี้เลื่อยหรือใบไม้และผ้าลินิน เพื่อให้ดูเหมือนยามมีชีวิตอยู่ ไม่ยุบตัวลงไปตามกาลเวลาในภายหลัง\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"97\" width=\"300\" src=\"/files/u40562/mummy8.jpg\" border=\"0\" /><br />\n<a href=\"http://konpised.exteen.com/images/mummy8.jpg\">http://konpised.exteen.com/images/mummy8.jpg</a>\n</p>\n<p>\nขั้นตอนที่ 9. จากนั้นก็จะชำระศพด้วยน้ำมันหอมอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะนำไปพันผ้าลินินในขั้นต่อไป การพันห่อมัมมี่ ขั้นแรก ศีรษะและลำคอจะถูกพันก่อน ด้วยแถบผ้าลินินอย่างดี แล้วก็จะพันนิ้วมือและนิ้วเท้าแยกกันทีละนิ้ว แล้วก็พันห่อแขนและขา แต่ละทบก็จะใส่เครื่องรางเพื่อปกปักรักษาผู้ตายในระหว่างการเดินทางไปสู่ภพใหม่\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"320\" width=\"130\" src=\"/files/u40562/mummy9.jpg\" border=\"0\" /> <br />\n<a href=\"http://konpised.exteen.com/images/mummy9.jpg\">http://konpised.exteen.com/images/mummy9.jpg</a>\n</p>\n<p>\nขั้นตอนที่ 10. ในขณะที่ร่างของมัมมี่กำลังถูกห่อพันด้วยผ้าลินิน ก็จะมีพระท่องมนต์เพื่อขจัดสิ่งที่เลวร้ายมิให้แผ้วพาน ผู้ตาย และเป็นการช่วยให้ผู้ตายเดินทางได้สะดวกในภพหน้า\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"332\" width=\"400\" src=\"/files/u40562/mummy10.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 339px; height: 208px\" /> <br />\n<a href=\"http://konpised.exteen.com/images/mummy10.jpg\">http://konpised.exteen.com/images/mummy10.jpg</a>\n</p>\n<p>\nขั้นตอนที่ 11. แล้วแขนขามัมมี่ก็จะถูกพันเข้ากับส่วนร่าง ตำรา &quot;มนตราสำหรับผู้ตาย&quot; ก็จะรวมห่อไปด้วยให้ถือไว้ในมือของมัมมี่\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"320\" width=\"130\" src=\"/files/u40562/mummy11.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 109px; height: 237px\" /> <br />\n<a href=\"http://konpised.exteen.com/images/mummy11.jpg\">http://konpised.exteen.com/images/mummy11.jpg</a>\n</p>\n<p>\nขั้นตอนที่ 12. จากนั้นก็จะพันผ้าเพิ่มรวมให้ร่างถูกพันรวมกันหมด แต่ละชั้นของผ้าลินิน ผู้ทำมัมมี่ก็จะทาไว้ด้วยเรซิน เพื่อให้ผ้าลินินยึดติดกันไม่หลุดรุ่ยออกได้ง่ายแล้วห่อด้วยผ้าผืนใหญ่อีกทีหนึ่ง จากนั้นก็จะวาดรูปเทพ โอซีรีส บนผ้าที่ห่อมัมมี่นั้น\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"320\" width=\"130\" src=\"/files/u40562/mummy12.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 109px; height: 249px\" /> <br />\n<a href=\"http://konpised.exteen.com/images/mummy12.jpg\">http://konpised.exteen.com/images/mummy12.jpg</a>\n</p>\n<p>\nขั้นตอนที่ 13. จากนั้นก็เอาผ้าผ้นใหญ่ห่ออีกชั้นหนึ่ง แล้วมัดตราสังข์ด้วยแถบผ้าลินินตลอดร่างอย่างแน่นหนาอีกเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ปิดด้านบนของมัมมี่ด้วยแผ่นกระดานก่อนที่จะเอาไปใส่ในโลงศพสองโลงซ้อนกัน ในพิธีศพ ญาติพี่น้องของผู้ตายมาไว้อาลัยและทำพิธี &quot;เปิดปากศพ&quot; เพื่อเป็นการเลี้ยงอาหารให้ผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย ขั้นสุดท้าย ก็จะเอาโลงไปใส่ในโลงหินแกะสลัก ที่ตั้งอยู่ในสถานเก็บศพ พร้อมด้วยเครื่องเรือน เสื้อผ้า ของมีค่า อาหารและเครื่องดื่ม อาโทพุตทั้ง 4 อัน จะถูกจัดวางไว้อย่างพร้อมเพรียง เป็นเสบียงกรังให้ผู้ตายได้เดินทางสู่ปรภพโดยสะดวก แล้วร่างของผู้ตาย ก็พร้อมที่จะออกเดินทางสู่ดินแดนใต้โลก ที่ที่หัวใจของเขาจะถูกตัดสินตามความดีที่ได้ทำไว้ยามมีชีวิตอยู่ หากมีหัวใจบริสุทธิ์จริง ผู้ตายก็จะถูกส่งไปดินแดนอันสวยงามเพื่อชีวิตอันเป็นอมตะ ในดินแดนที่เรียกว่า ทุ่งต้นกก\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"420\" width=\"138\" src=\"/files/u40562/mummy13.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 87px; height: 257px\" /> <br />\n<a href=\"http://konpised.exteen.com/images/mummy13.jpg\">http://konpised.exteen.com/images/mummy13.jpg</a>\n</p>\n<p>\nชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า ก่อนผู้ตายจะไปยังปรภพได้ ก็ต้องผ่านดินแดนใต้โลก อันเป็นที่ที่เต็มไปด้วยมารร้าย สัตว์ที่ดุร้ายต่างๆ ซึ่งผู้ตายจะต้องอาศัยมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปกป้องให้เดินทางได้โดยปราศจากภัยร้ายมาแผ้วพาน มนตราเหล่านี้จารึกอยู่ในสมุดบันทึกที่เรียกว่า &quot;มนตราสำหรับผู้ตาย&quot; ซึ่งเป็นตำราเขียนลงบนม้วนกระดาษปาปีรุส และจะถูกฝังไปด้วยกันกับผู้ตายในปิรามิด \n</p>\n<p align=\"center\">\n                                                                     <u><strong><span style=\"color: #0000ff\">คัมภีร์มรณะ</span></strong></u>                                                                            <br />\n<img height=\"332\" width=\"400\" src=\"/files/u40562/die.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 309px; height: 205px\" /><br />\nอ้างอิงภาพ <a href=\"http://guru.sanook.com/picfront/pedia/252706_2_12062009031418.jpg\"> http://guru.sanook.com/picfront/pedia/252706_2_12062009031418.jpg</a>\n</p>\n', created = 1715330003, expire = 1715416403, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:0846ea59ab08d87113d0d2d1889e43a9' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:7475b1aa305dcfd6183fb9309386517f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"201\" width=\"453\" src=\"/files/u40562/350px-All_Gizah_Pyramids-tile09.jpg\" border=\"0\" /><br />\n<a href=\"/node/83855\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/01.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 109px; height: 68px\" /></a><a href=\"/node/85428\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d01.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 110px; height: 68px\" /></a><a href=\"/node/85430\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d03.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 107px; height: 68px\" /></a><a href=\"/node/85558\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d04.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 107px; height: 68px\" /></a><br />\n<a href=\"/node/85565\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d02.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 109px; height: 70px\" /></a><a href=\"/node/89133\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d05.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 114px; height: 70px\" /></a><a href=\"/node/89707\"><img height=\"300\" width=\"400\" src=\"/files/u40562/story.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 106px; height: 70px\" /></a><a href=\"/node/90451?page=0%2C0\"><img height=\"150\" width=\"200\" src=\"/files/u40562/d08.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 105px; height: 70px\" /></a><a href=\"/node/90291?page=0%2C1\"><img height=\"219\" width=\"292\" src=\"/files/u40562/001_1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 110px; height: 70px\" /></a>\n</div>\n<p>\n ในสมัยอียิปต์โบราณ เมื่อมีคนตายก็จะนำศพไปฝังไว้ในทะเลทรายอันร้อนระอุ ความร้อน และความแห้งแล้งทำให้ร่างกายแห้งอย่างรวดเร็ว โดยที่แบคทีเรียไม่มีโอกาสได้ย่อยสลายศพเสียก่อน จึงกลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติ คงจะมีการค้นพบโดยบังเอิญ ดังเช่นในภาพเป็นศพชาวอียิปต์โบราณที่<br />\nถูกฝังตามธรรมดาโดยมิได้มีการตบแต่งทำให้ไม่มีการย่อยสลายแต่อย่างไร แต่ศพที่กลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติก็อยู่รอดมาให้ค้นพบได้ในสมัยปัจจุบัน <br />\nต่อมาชาวอียิปต์ก็เริ่มใช้โลงบรรจุศพก่อนฝัง เพื่อป้องกันมิให้สัตว์ป่าแทะกินศพ แต่ก็กลับพบว่า ซากศพที่ฝังในโลง ได้เปื่อยเน่าไป ไม่แห้งและอยู่คงทนเหมือนแต่ก่อน เพราะโลงศพทำหน้าที่เก็บกักความชื้นจากร่างกาย เพียงพอที่จะอำนวยให้แบคทีเรียเจริญเติบโต และทำการย่อยสลายให้ศพเน่าเปื่อยสูญไปได้ ต่อมาอีกหลายร้อยปี ชาวอียิปต์ก็ได้ศึกษาทดลองวิธีต่างๆเพื่อจะรักษาสภาพศพให้คงทนอยู่ได้ กรรมวิธีในการรักษาศพให้คงทน ประกอบด้วยการแช่อาบศพ  ด้วยสิ่งที่ชะงักการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แล้วพันด้วยแถบผ้าลินิน ปัจจุบันเราเรียกกรรมวิธีนี้ว่า การทำมัมมี่\n</p>\n<p></p>', created = 1715330003, expire = 1715416403, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:7475b1aa305dcfd6183fb9309386517f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

การทำมัมมี่



 ในสมัยอียิปต์โบราณ เมื่อมีคนตายก็จะนำศพไปฝังไว้ในทะเลทรายอันร้อนระอุ ความร้อน และความแห้งแล้งทำให้ร่างกายแห้งอย่างรวดเร็ว โดยที่แบคทีเรียไม่มีโอกาสได้ย่อยสลายศพเสียก่อน จึงกลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติ คงจะมีการค้นพบโดยบังเอิญ ดังเช่นในภาพเป็นศพชาวอียิปต์โบราณที่
ถูกฝังตามธรรมดาโดยมิได้มีการตบแต่งทำให้ไม่มีการย่อยสลายแต่อย่างไร แต่ศพที่กลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติก็อยู่รอดมาให้ค้นพบได้ในสมัยปัจจุบัน
ต่อมาชาวอียิปต์ก็เริ่มใช้โลงบรรจุศพก่อนฝัง เพื่อป้องกันมิให้สัตว์ป่าแทะกินศพ แต่ก็กลับพบว่า ซากศพที่ฝังในโลง ได้เปื่อยเน่าไป ไม่แห้งและอยู่คงทนเหมือนแต่ก่อน เพราะโลงศพทำหน้าที่เก็บกักความชื้นจากร่างกาย เพียงพอที่จะอำนวยให้แบคทีเรียเจริญเติบโต และทำการย่อยสลายให้ศพเน่าเปื่อยสูญไปได้ ต่อมาอีกหลายร้อยปี ชาวอียิปต์ก็ได้ศึกษาทดลองวิธีต่างๆเพื่อจะรักษาสภาพศพให้คงทนอยู่ได้ กรรมวิธีในการรักษาศพให้คงทน ประกอบด้วยการแช่อาบศพ  ด้วยสิ่งที่ชะงักการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แล้วพันด้วยแถบผ้าลินิน ปัจจุบันเราเรียกกรรมวิธีนี้ว่า การทำมัมมี่

สร้างโดย: 
นายชาญชัย เปี่ยมชาคร และ นางสาวจิตลดา แก้วสว่าง

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 293 คน กำลังออนไลน์