ฝ่ายอักษะล่มสลาย ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ชัย
กองทัพสหรัฐอเมริกาพยายามขับไล่กองทัพญี่ปุ่นออกจากหมู่เกาะโซโลมอน
ภายหลังจากการทัพเกาะกัวดาร์คาแนล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็เริ่มปฏิบัติการทางทหารมากมายต่อกองทัพญี่ปุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิก ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1943 กองทัพอเมริกันถูกส่งออกไปโจมตีกองทัพญี่ปุ่นจากหมู่เกาะอลูเตียน และเริ่มต้นปฏิบัติการหลักในการโดดเดี่ยวเมืองราบูล โดยการยึดครองเกาะรอบ เพื่อตัดขาดกำลังสนับสนุน และการฝ่าช่องโหว่ในแนวป้องกันในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลาง เมื่อสิ้นเดือนมีนาคม ค.ศ. 1944 กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรก็สามารถประสบความสำเร็จทั้งในสองปฏิบัตการ และยังสามารถทำลายฐานทัพเรือหลักของกองทัพเรือญี่ปุ่นได้ในบริเวณหมู่เกาะแคโรไลน์ เมื่อถึงเดือนเมษายน กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้เริ่มปฏิบัติการที่จะยึดครองเกาะนิวกินีตะวันตก
รถถังโซเวียตระหว่างยุทธการเคิสก์
ทางด้านสหภาพโซเวียต ฝ่ายเยอรมนีและสหภาพโซเวียตได้เตรียมการในแผนการสำหรับการรุกครั้งใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ค.ศ. 1943 ในแถบรัสเซียตอนกลาง เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1943 กองทัพเยอรมันจึงได้เริ่มทำการโจมตีในแนวรบเคิร์สก์ส่วนที่ยื่นออกมา แต่ฮิตเลอร์กลับต้องยกเลิกแผนการนี้แม้ว่าจะผ่านไปเพียงสัปดาห์เดียว เนื่องจากสูญเสียต่อการวางระบบป้องกันแบบขั้นบันไดและการป้องกันเมืองที่แข็งแกร่งซึ่งนับเป็นครั้งแรกของพฤติการณ์ดังกล่าวของฮิตเลอร์ แม้ว่าปฏิบัติการดังกล่าวจะยังไม่บรรลุผลทางยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธีเลยก็ตาม ผลจากการตัดสินใจดังกล่าว เป็นการกระตุ้นให้พันธมิตรตะวันตกรุกรานเกาะซิซิลี
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ประกอบกับความล้มเหลวของอิตาลีที่ผ่านมา ส่งผลให้มุสโสลินีถูกจับกุมและถูกขับออกจากตำแหน่งหลังจากนั้น เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1943 สหภาพโซเวียตก็ได้โจมตีโต้กลับของตน และได้ดับความหวังของกองทัพเยอรมันที่จะได้รับชัยชนะหรือแม้กระทั่งรักษาสภาพเสมอกันไว้ได้อีกในทางตะวันออก ทหารเยอรมันพยายามที่จะสร้างแนวป้องกันอย่างมั่นคงในแนวป้องกันซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างเร่งด่วน แนวแพนเธอร์-โวทาน อย่างไรก็ตาม กองทัพโซเวียตสามารถตีฝ่าได้ที่สโมเลนก์และการรุกดไนเปอร์ตอนใต้
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1943 พันธมิตรตะวันตกเริ่มต้นการรุกรานอิตาลีของฝ่ายสัมพันธมิตร ตามด้วยการสงบศึกระหว่างอิตาลีกับกองทัพสัมพันธมิตรเยอรมนีมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยการส่งกองทัพเข้าไปดำเนินการปลดอาวุธกองกำลังอิตาลี และควบคุมอำนาจทางทหารในพื้นที่อิตาลีทั้งหมด จากนั้นก็ได้สร้างแนวป้องกันขึ้นมาหลายชั้นด้วยกันเมื่อวันที่ 12 กันยายน กองกำลังพิเศษเยอรมันสามารถช่วยเหลือตัวมุสโสลินี และสร้างสาธารณรัฐสังคมนิยมอิตาลีขึ้นมาเป็นรัฐบริวารในการปกครองของเยอรมนีทางด้านกองทัพสัมพันธมิตรก็ได้ทะลวงผ่านแนวป้องกันเยอรมันได้จนมาถึงแนวป้องกันหลักของเยอรมนี เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน
ทางด้านการรบทางทะเลในมหาสมุทรแอตแลนติก กองทัพเรือเยอรมันประสบความสูญเสียอย่างหนักในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1943 จนถูกเรียกว่า "พฤษภาอนธการ" ความสูญเสียกองเรือดำน้ำของฝ่ายเยอรมนีเป็นจำนวนมาก ทำให้การดักทำลายกองทัพเรือฝ่ายสัมพันธมิตรต้องหยุดชะงักในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1943 ระหว่างการประชุมกรุงไคโรและ การประชุมกรุงเตหะราน ผลจากการประชุมทั้งสองครั้งได้ข้อตกลงที่ว่า ฝ่ายพันธมิตรตะวันตกจะรุกรานทวีปยุโรปภายในปี ค.ศ. 1944 และสหภาพโซเวียตจะประกาศสงครามกับญี่ปุ่นภายในเวลาสามเดือนหลังจากเยอรมนียอมแพ้เรียบร้อยแล้ว
การยกพลขึ้นบกของทหารอเมในเดือนมกราคม
ค.ศ. 1944 กองริกันที่อันซิโอทัพสัมพันธมิตรได้โจมตีหลายครั้งที่ยุทธการมอนเต คาสสิโน และพยายามตีโอบด้วยการยกพลขึ้นบกที่อันซิโอ[205] เมื่อถึงปลายเดือนมกราคม กองทัพโซเวียตก็สามารถขับไล่กองทัพเยอรมันจากการปิดล้อมเลนินกราด ส่วนปฏิบัติการรุกในเวลาต่อมาของโซเวียตก็ผลักดันแนวรบไปจนถึงพรมแดนเอสโตเนียก่อนสงคราม ซึ่งกองทัพกลุ่มเหนือของเยอรมนีได้รับความช่วยเหลือจากชาวเอสโตเนีย ด้วยความหวังที่จะสร้างเอกราชของชาติขึ้นมาใหม่ ซึ่งความล่าช้านี้ได้ส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการในแถบทะเลบอลติกของโซเวียตเช่นกัน
ทหารอังกฤษขณะทำการยิงปืนครกในยุทธการแห่งอิมพัล
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1944 กองทัพโซเวียตปลดปล่อยคาบสมุทรไครเมีย โดยสามารถขับไล่กองทัพอักษะออกจากยูเครนขนานใหญ่ และเริ่มทำการรุกเข้าไปยังโรมาเนีย ซึ่งถูกขับไล่โดยกองทัพอักษะพร้อมกับที่การรุกอิตาลีของฝ่ายสัมพันธมิตรประสบความสำเร็จ และบังคับให้กองทัพเยอรมันต้องล่าถอยไป และในวันที่ 4 มิถุนายน โรมก็ตกอยู่ในมือของฝ่ายสัมพันธมิตร
ทางภาคพื้นทวีปเอเชีย ญี่ป่นได้ออกการโจมตีครั้งใหญ่สองครั้ง ครั้งแรก เริ่มในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1944 ได้แก่ การโจมตีตำแหน่งของอังกฤษในรัฐอัสลัม ประเทศอิ
องทัพสหรัฐอเมริกาพยายามขับไล่กองทัพญี่ปุ่นออกจากหมู่เกาะโซโลมอน