• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:696108e6bf5f8d7908b598767ea0666a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"110\" width=\"367\" src=\"/files/u30438/headin.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #999999\"><strong>ชื่ออย่างเป็นทางการ</strong></span> : สาธารณรัฐอินเดีย\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #999999\">เมืองหลวง</span></strong> : นิวเดลี\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #999999\">พิกัด</span></strong> : 28°34′N 77°12′E\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #999999\">ที่ตั้ง</span></strong> : เอเชียใต้\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #999999\">ภาษาทางการ</span></strong> : ภาษาฮินดี และ ภาษาอังกฤษ\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #999999\">รูปแบบการปกครอง</span></strong> : รัฐบาล สหพันธ์สาธารณรัฐ\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #999999\">เนื้อที่</span></strong> : 3,287,590 ตร.กม.\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #999999\">ประชากร</span></strong> : 1,103,371,000 คน\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #999999\">สกุลเงิน</span></strong> : รูปี (Rs.)\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #999999\">รหัสโทรศัพท์</span></strong> : +91\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"217\" width=\"325\" src=\"/files/u30438/flag.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://www.mosc.biz/image/flag.jpg\">http://www.mosc.biz/image/flag.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #808000\">ประวัติศาสตร์</span> <br />\nประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ชาวดราวิเดียน (Dravidian) และชาวอารยัน (Aryan) เริ่มกำเนิดอารยธรรมต่าง ๆ ในลุ่มแม่น้ำสินธุ ต่อมาในสมัยอาณาจักรเมารยะ (ประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งมีดินแดนในตอนเหนือตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำสินธุจรดอ่าวเบงกอล พระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างความรุ่งเรืองในการปกครอง ตลอดจนการสนับสนุนการเผยแผ่พุทธศาสนา ในสมัยราชวงศ์โมกุล (คริสต์ศตวรรษที่ 16 – 18) เป็นสมัยที่มีการแพร่ขยายอิทธิพล วัฒนธรรมโมกุลอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านการปกครอง ภาษา ศิลปะ สถาปัตยกรรม และศาสนาอิสลาม อังกฤษเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในอนุทวีป ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อค้าขายพร้อม ๆ กับครอบครองดินแดนและแทรกแซงในการเมืองท้องถิ่น จนกระทั่งอินเดียตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2420 (ค.ศ. 1877) โดยมีสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งอังกฤษทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดินีแห่งอินเดีย หลังจากการรณรงค์ต่อต้านการปกครองของอังกฤษมาเป็นเวลานาน อินเดียจึงได้รับเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) และได้รับการสถาปนาเป็นสาธารณรัฐอินเดียในปี พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950)\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #808000\">การปกครอง<br />\n</span>อินเดียมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ และเป็นประมุขของฝ่ายบริหาร แต่อำนาจการบริหารที่แท้จริงอยู่ที่นายกรัฐมนตรีอำนาจ\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"415\" width=\"387\" src=\"/files/u30438/nook_comappisanookresize415x41503773_009_jpg.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://campus.sanook.comappisanookresize415x41503773_009.jpg/\">http://campus.sanook.comappisanookresize415x41503773_009.jpg/</a>\n</p>\n<p>\nอินเดียแบ่งเป็นรัฐต่าง ๆ 25 รัฐ และดินแดนสหภาพของรัฐบาลกลาง (Union Territories) อีก 7 เขต ขณะนี้โลกสภาได้เห็นชอบร่างรัฐบัญญัติในการจัดตั้งรัฐใหม่ 3 รัฐ คือ รัฐฉัตติสครห์ (Chattisgarh) รัฐอุตตรานจัล (Uttaranchal) และรัฐฌาร์ขันท์ (Jharkhand) ซึ่งแยกออกจากรัฐมัธยประเทศ รัฐอุตตรประเทศ และรัฐพิหาร ตามลำดับ\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"http://www.thaigoodview.com/node/85027\"><img height=\"42\" width=\"100\" src=\"/files/u30438/back.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</div>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"110\" width=\"367\" src=\"/files/u30438/headin.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #808000\">สังคมอินเดีย</span>\n</p>\n<p>\nอินเดียมีประชากรกว่า 1,100 ล้านคน ประชากรเหล่านี้มีความแตกต่างทางด้านชาติพันธุ์ และวัฒนธรรม โดยมีเชื้อชาติ อินโด-อารยัน ร้อยละ 72 ดราวิเดียน ร้อยละ 25 มองโกลอยด์ ร้อยละ 2 และอื่น ๆ ร้อยละ 1 อัตราการเพิ่มของประชากร ร้อยละ 1.8 <br />\nมีภาษาหลักใช้พูดถึง 16 ภาษา เช่น ภาษาฮินดี ภาษาอังกฤษ ภาษาเบงกาลี ภาษาอูรดู ฯลฯ และมีภาษาถิ่นมากกว่า 100 ภาษา ภาษาฮินดี ถือว่าเป็นภาษาประจำชาติ เพราะคนอินเดียกว่าร้อยละ 30 ใช้ภาษานี้ คนอินเดียที่อาศัยอยู่รัฐทางตอนเหนือและรัฐทางตอนใต้นอกจากจะใช้ภาษาที่แตกต่างกันแล้ว การแต่งกาย การรับประทานอาหารก็แตกต่างกันออกไปด้วย\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"480\" width=\"321\" src=\"/files/u30438/ac.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/386/4386/images/ac.jpg\">http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/386/4386/images/ac.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #808000\">วัฒนธรรม </span><br />\nอินเดียมีประชากรกว่า 1,100 ล้านคน ประชากรเหล่านี้มีความแตกต่างทางด้านชาติพันธุ์ และวัฒนธรรม มีภาษาหลักใช้พูดถึง 16 ภาษา เช่น ภาษาฮินดี ภาษาอังกฤษ ภาษาเบงกาลี ภาษาอูรดู ฯลฯ และมีภาษาถิ่นมากกว่า 100 ภาษา ภาษาฮินดี ถือว่าเป็นภาษาประจำชาติ เพราะคนอินเดียกว่าร้อยละ 30 ใช้ภาษานี้ คนอินเดียที่อาศัยอยู่รัฐทางตอนเหนือและรัฐทางตอนใต้นอกจากจะใช้ภาษาที่แตกต่างกันแล้ว การแต่งกาย การรับประทานอาหารก็แตกต่างกันออกไปด้วย\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #808000\">โรตี </span>\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"336\" width=\"448\" src=\"/files/u30438/india23.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://gotoknow.org/file/tigger/india23.JPG\">http://gotoknow.org/file/tigger/india23.JPG</a>\n</p>\n<p>\n<br />\nโดยทั่วไปแล้ว คำว่า โรตี นั้น อาจหมายถึง ขนมปัง หรือผลิตภัณฑ์จากแป้งหลากหลายชนิด เช่น จาปาตี และ ผุลกา โรตีชนิดที่รับประทานอย่างง่ายๆ จะเรียกว่า ผุลกา (Phulka) และมักจะใช้เรียกขนมปัง ชาวตะวันตกจะเรียกโรตีว่า \'balloon bread\' หรือ ขนมปังพอง นั่นเอง โรตีนั้นส่วนใหญ่จะทำมาจากแป้งข้าวสาลี ทอดบนกระทะแบนหรือโค้งเล็กน้อย เรียกว่า ตาวา (tawa) โรตีก็เหมือนกับขนมปังอื่นๆ ทั่วโลก คือ เป็นอาหารหลัก รับประทานร่วมกับกับข้าวหรืออาหารอื่นได้ อาจทาด้วยเนยใส หรือโยเกิร์ตขาว ก็มี\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"http://www.thaigoodview.com/node/85027\"><img height=\"42\" width=\"100\" src=\"/files/u30438/back.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</div>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"110\" width=\"367\" src=\"/files/u30438/headin.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #808000\"><strong>สถานที่ท่องเที่ยว</strong></span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #99cc00\">พุทธคยา (Bodh Gaya)</span>\n</p>\n<p style=\"text-align: center\">\n<img height=\"200\" width=\"267\" src=\"/files/u30438/i5Screensavers69327kathmandu-stupa-nepal_jpg.jpg\" border=\"0\" /></p>\n<p><a href=\"http://www.oceansmile.compicture51indiaaug52600img_3789.jpg/\">http://www.oceansmile.compicture51indiaaug52600img_3789.jpg/</a>\n</p>\n<p>\nพุทธคยา เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญที่สุดใน 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน และถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวพุทธทั่วโลก เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า <br />\nปัจจุบันพุทธคยามีชื่อเรียกอีกชื่อว่า วัดมหาโพธิ์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา 350 เมตร พุทธคยาได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม เมื่อปี พ.ศ. 2545\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #99cc00\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #99cc00\">ทัชมาฮาล ( Taj Mahal)</span><br />\nทัชมาฮาล มีรากศัพท์เดิมมาจากภาษาอาหรับ ตาจญ์ (มงกุฎ) และ มะฮัล (สถาน) เป็นอนุสรณ์สถาน ตั้งอยู่ในสวนริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ในเมืองอาครา ส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ หลุมศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล ซึ่งถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องเพชร พลอย หิน โมราและ เครื่องประดับจากมิตรประเทศ การก่อสร้างกินเวลานานถึง 22 ปี นอกจากมีหลุมศพของพระนางแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของมัสยิด มีหออาซาน และมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ส่วนหัวของทัชมาฮาลมีลักษณะโดมที่เรียกว่าโอเนียนโดม นายช่างที่ออกแบบ ชื่อ อุสตาด ไอซา ถูกประหารชีวิตเพื่อมิให้ไปออกแบบสถาปัตยกรรมใด ๆ ที่สวยกว่าได้ นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่และถือเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p style=\"text-align: center\">\n<img height=\"399\" width=\"400\" src=\"/files/u30438/rY822aWqkss400601px-TajMahalbyAmalMongia_jpg.jpg\" border=\"0\" /><br />\n<a href=\"http://2.bp.blogspot.com_1z5_frqw26wsafrxgc4_siaaaaaaaacsqwry822awqkss400601px-tajmahalbyamalmongia.jpg/\">http://2.bp.blogspot.com_1z5_frqw26wsafrxgc4_siaaaaaaaacsqwry822awqkss400601px-tajmahalbyamalmongia.jpg/</a>\n</p>\n<p>\nตามตำนานกล่าวว่า ทัชมาฮาล ถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์อินเดียผู้มีรักมั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ เจ้าชายขุร์รัม ชึ่งต่อมาคือจักรพรรดิชาห์ ชหาน พระองค์ ได้พบกับ อรชุมันท์ พานุ เพคุม ธิดาของรัฐมนตรี พระองค์ทรงหลงใหลและหลงรักนางมาก จึงบอกแก่พระบิดาของพระองค์ว่าพระองค์มีความประสงค์ที่จะแต่งงานกับนาง จากนั้นมาทั้งสองก็มิเคยอยู่ห่างกันอีกเลย<br />\nหลังจากที่พระองค์ขึ้นครองราชบัลลังก์ พระองค์มอบความไว้วางใจแก่ อรชุมันท์ พานุ เพคุม และเรียกนางว่า มุมตัซ มาฮาล คือ &quot;อัญมณีแห่งราชวัง&quot; พระมเหสีติดตามพระองค์แม้แต่ในสนามรบ พระองค์ซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระมเหสียิ่งนัก ครั้นพระมเหสีมุมตัซสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 ทำให้พระองค์โศกเศร้าอยู่ถึงสองทศวรรษ ราชสมบัติส่วนใหญ่สูญเสียไปเพื่อการสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของทั้งสองพระองค์ ในวันสุดท้ายของชีวิตพระองค์ใช้เวลาทั้งวันในการจ้องมองเศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล และสิ้นพระชนม์ด้วยเศษกระจกในกำมือ พระเจ้าชาห์ ชหานถูกฝังในทัชมาฮาล เคียงข้างมเหสีซึ่งพระองค์ไม่เคยลืม\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #99cc00\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #99cc00\">ลุมพินีวัน</span>\n</p>\n<p style=\"text-align: center\">\n<img height=\"250\" width=\"360\" src=\"/files/u30438/nsmile_comPicture51IndiaAug52600IMG_3789_jpg.jpg\" border=\"0\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://www.lisisoft.comimglisi5screensavers69327kathmandu-stupa-nepal.jpg/\">http://www.lisisoft.comimglisi5screensavers69327kathmandu-stupa-nepal.jpg/</a>\n</p>\n<p>\nลุมพินีวัน เดิมเป็นสวนป่าสาธารณะหรือวโนทยานที่ร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อน อยู่ในเขตประเทศเนปาล ติดชายแดนประเทศอินเดียทางเหนือ มีเนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่ ลุมพินีวันได้รับการพัฒนาจากชาวพุทธทั่วโลก โดยเฉพาะจากโครงการฟื้นฟูพุทธสถานลุมพินีวันให้เป็น &quot;พุทธอุทยานทางประวัติศาสตร์ของโลก&quot; ลุมพินีวันได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ &quot;ลุมพินี สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า&quot;<br />\nในสมัยพุทธกาล ลุมพินีวันตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระเจ้าอโศกมหาราชได้โปรดให้สร้างเสาหินขนาดใหญ่มาปักไว้ตรงบริเวณที่ประสูติ เรียกว่า เสาอโศก และได้จารึกข้อความเป็นอักษรพราหมีว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่ตรงนี้ เป็นพระราชอุทยานร่มรื่นกึ่งกลางระหว่างทางสำหรับพักผ่อนหย่อนใจของกษัตริย์และประชาชน ซึ่งเสาศิลาหินทรายของพระเจ้าอโศกยังคงตั้งอยู่ ณ ที่เดิมจนถึงปัจจุบัน\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1716252364, expire = 1716338764, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:696108e6bf5f8d7908b598767ea0666a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

India ::: ประเทศอินเดีย


ชื่ออย่างเป็นทางการ : สาธารณรัฐอินเดีย

เมืองหลวง : นิวเดลี

พิกัด : 28°34′N 77°12′E

ที่ตั้ง : เอเชียใต้

ภาษาทางการ : ภาษาฮินดี และ ภาษาอังกฤษ

รูปแบบการปกครอง : รัฐบาล สหพันธ์สาธารณรัฐ

เนื้อที่ : 3,287,590 ตร.กม.

ประชากร : 1,103,371,000 คน

สกุลเงิน : รูปี (Rs.)

รหัสโทรศัพท์ : +91

http://www.mosc.biz/image/flag.jpg

ประวัติศาสตร์
ประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ชาวดราวิเดียน (Dravidian) และชาวอารยัน (Aryan) เริ่มกำเนิดอารยธรรมต่าง ๆ ในลุ่มแม่น้ำสินธุ ต่อมาในสมัยอาณาจักรเมารยะ (ประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งมีดินแดนในตอนเหนือตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำสินธุจรดอ่าวเบงกอล พระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างความรุ่งเรืองในการปกครอง ตลอดจนการสนับสนุนการเผยแผ่พุทธศาสนา ในสมัยราชวงศ์โมกุล (คริสต์ศตวรรษที่ 16 – 18) เป็นสมัยที่มีการแพร่ขยายอิทธิพล วัฒนธรรมโมกุลอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านการปกครอง ภาษา ศิลปะ สถาปัตยกรรม และศาสนาอิสลาม อังกฤษเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในอนุทวีป ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อค้าขายพร้อม ๆ กับครอบครองดินแดนและแทรกแซงในการเมืองท้องถิ่น จนกระทั่งอินเดียตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2420 (ค.ศ. 1877) โดยมีสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งอังกฤษทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดินีแห่งอินเดีย หลังจากการรณรงค์ต่อต้านการปกครองของอังกฤษมาเป็นเวลานาน อินเดียจึงได้รับเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) และได้รับการสถาปนาเป็นสาธารณรัฐอินเดียในปี พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950)

การปกครอง
อินเดียมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ และเป็นประมุขของฝ่ายบริหาร แต่อำนาจการบริหารที่แท้จริงอยู่ที่นายกรัฐมนตรีอำนาจ

http://campus.sanook.comappisanookresize415x41503773_009.jpg/

อินเดียแบ่งเป็นรัฐต่าง ๆ 25 รัฐ และดินแดนสหภาพของรัฐบาลกลาง (Union Territories) อีก 7 เขต ขณะนี้โลกสภาได้เห็นชอบร่างรัฐบัญญัติในการจัดตั้งรัฐใหม่ 3 รัฐ คือ รัฐฉัตติสครห์ (Chattisgarh) รัฐอุตตรานจัล (Uttaranchal) และรัฐฌาร์ขันท์ (Jharkhand) ซึ่งแยกออกจากรัฐมัธยประเทศ รัฐอุตตรประเทศ และรัฐพิหาร ตามลำดับ

สร้างโดย: 
waranya

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 375 คน กำลังออนไลน์